กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-01-2010, 13:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,281 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default โยนิ ๔

ถาม : เรื่องการเกิด ๔ จำพวก มีจำพวกหนึ่งที่เกิดในที่หมักหมม ไม่เข้าใจครับ ?
ตอบ : บางคนเขาบอกว่าเกิดในเถ้าไคล อย่างพวกจุลินทรีย์หรือเชื้อโรคต่าง ๆ

ถ้าว่ากันตามพระไตรปิฎก คนเราก็สามารถเกิดได้ทั้ง ๔ จำพวก เราต้องพูดถึงโยนิ คือ การเกิด ๔ ประเภท ท่านบอกว่า ชลาพุชะ ชำแรกไส้เกิด อัณฑชะ เกิดจากฟองไข่ พ่อแม่ไข่มาก่อน แล้วก็ค่อยฟักเป็นตัว สังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล หรือของสกปรก อย่างพวกเชื้อโรคหรือหมู่หนอน เป็นต้น โอปปาติกะ โตขึ้นฉับพลันทันทีนั้นเลย โผล่ขึ้นมาโตเดี๋ยวนั้นเลย อย่างเช่นพวกเทวดา พวกผี เป็นต้น

คราวนี้ในพระไตรปิฎก อรรถกถาจารย์ท่านพูดถึงชลาพุชะ เรารู้ว่าคือ คนทั่ว ๆ ไปเกิดนั่นแหละ อัณฑชะเกิดจากฟองไข่ ...มีไหม? มี ตัวอย่างคือพระภิกษุ ๒ รูป เป็นลูกของโกฏนกินรี ๒ คน แม่มาได้เสียกับพ่อที่เป็นมนุษย์ แล้ววางไข่ไว้ ๒ ฟอง แล้วแม่ก็กลับหิมพานต์ไป แต่คราวนี้พ่อเป็นคนฟักไข่ ปรากฏว่าแตกออกมาเป็นเด็กผู้ชาย ๒ คน โตขึ้นแล้วได้บวชด้วย ถ้าจำไม่ผิด เป็นพระอรหันต์ทั้งคู่ การเกิดน่าจะจัดอยู่ในสัตว์เดรัจฉาน...แต่ไม่ใช่ เพราะกายเป็นมนุษย์ ในเมื่อกายเป็นมนุษย์มีอาการครบ ๓๒ แปลว่าบวชได้ เพราะว่าสมบัติครบถ้วน

ในเรื่องของสังเสทชะ ต้องดูประวัติของพระนางอุบลวรรณาเถรี ในชาติที่เป็นนางปทุมวดี พระนางปทุมวดีท่านตั้งครรภ์ แล้วคลอดบุตรเป็นชลาพุชะ คือ เกิดจากท้อง ๑ คนเท่านั้น แต่ว่าอีก ๔๙๙ เขาบอกว่าเกิดจากเม็ดเหงื่อ อันนี้คือลักษณะของสังเสทชะ เกิดจากขี้เถ้า เกิดจากเหงื่อไคล เกิดจากสิ่งที่หมักหมม ตกลงว่า พระนางปทุมวดีมีลูกทีเดียว ๕๐๐ คน แล้วพอโตได้ ๗ ขวบ ลูก ๆ เข้าไปเที่ยวในสระสวนอุทยาน เห็นดอกบัวบานอยู่ สภาพจิตก็จดจำถึงสัญญาเก่าของตนได้ ก็เลยนั่งขัดสมาธิเข้าฌานพิจารณาธรรม บรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕๐๐ พระองค์

พอตะวันบ่ายคล้อย มหาดเล็กก็มาตาม "พระลูกเจ้า..กลับวังเถอะ เดี๋ยวพระแม่เจ้าจะเป็นห่วง" ท่านบอกว่า "กิจในการกลับวังของเราไม่มีแล้ว" มหาดเล็กก็ถามว่า "ทำไม ?" ท่านบอกว่า "เราเป็นนักบวชแล้ว" พวกมหาดเล็กหัวเราะแล้วก็บอกว่า นักบวชใครเขาแต่งตัวกันอย่างนี้" ท่านถามว่า "นักบวชแต่งตัวอย่างไร?" "อ๋อ...นักบวชต้องมีผมสั้นไม่เกิน ๒ องคุลี ต้องนุ่งผ้าคากรอง ต้องมีอัฐบริขาร" ท่านก็ยกมือลูบศีรษะแล้วแปลงสภาพกลายเป็นนักบวช ท่านบอกว่ามีสมณสารูปประหนึ่งว่าบวชมาแล้ว ๑๐๐ พรรษา

ตอนหลังท่านได้มาโปรดพระนางปทุมวดี แต่ไม่ได้แค่โปรดพระนางปทุมวดีเท่านั้น มีอยู่ ๘ รูป ที่ได้ไปโปรดนางขุชชุตตรา ตอนนั้นคนที่ใส่บาตร เขาเทข้าวต้มร้อน ๆ ใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านต้องก็ต้องสลับมือไปเรื่อยเพราะบาตรมันร้อน พอดีนางขุชชุตตราใส่กำไลงาช้างอยู่ข้างละ ๔ วง ก็เลยรูดกำไลออกถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ พระองค์ แล้วก็อธิษฐานว่าธรรมใดที่พระคุณเจ้าเห็นแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้เห็นธรรมนั้นด้วย เมื่อนางขุชชุตราเกิดมาชาติใหม่ ฟังเทศน์จบเดียวเป็นพระโสดาบันไม่พอ ยังเอาไปเทศน์ต่อ ได้พระโสดาบันมา ๕๐๑ องค์ ฉลาดขนาดนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2010 เมื่อ 16:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-01-2010, 13:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,281 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

รายต่อไปที่เกิดโดยโอปปาติกะ มีอยู่ ๒ ราย รายหนึ่งคือนางจิญจมาณวิกา ที่ไปตู่พระพุทธเจ้าว่าทำตัวเองท้อง นางจิญจมาณวิกานั้นเกิดจากโพรงต้นมะขาม ผุดขึ้นมาแล้วก็โตเลย อีกรายหนึ่งคือนางเวฬุวดี เกิดจากปล้องไม้ไผ่ เรื่องนี้ที่คนไทยเอามาดัดแปลงเป็นเรื่องนางยอพระกลิ่น ที่เขาบอกว่าเกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ก็มาจากเรื่องนี้

แม้แต่มนุษย์เราก็เกิดโดยโยนิ ๔ ได้ครบถ้วนเหมือนกัน ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเทวดาจึงจะเป็นโอปปาติกกะ เป็นโอปปาติกกะในสภาพมนุษย์ก็ได้ เพียงแต่ว่าการเกิดนั้นพิเศษไปหน่อย

บางทีอ่านพวกอรรกถาฎีกาไปเยอะ ๆ บางอย่างก็เฝือ บางอย่างก็สนุก เพราะว่าอรรถกถาจะอธิบายพระไตรปิฎก อย่างพระไตรปิฎกบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะกับพระนางสิริมหามายา เกิดที่กรุงกบิลพัสดุ์ พระไตรปิฎกอธิบายแค่นั้น อรรถกถาบอกว่าพระองค์ได้ศึกษาศิลปศาสตร์ ๑๘ ประการ จบในอายุ ๑๖ ปี อธิบายความเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาดอยู่ เช่นบอกว่าได้รับการศึกษา มีปราสาทสามฤดู ได้แต่งงานกับพระนางยโสธรา พระนางพิมพาเป็นเจ้าหญิงของโกลิยวงศ์ เป็นลูกของใคร เป็นหลานของใครก็อธิบายหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ ฉะนั้นตอนท้ายจึงเฝือ

ถาม : ยังไม่เข้าใจครับ จุดที่เป็นจุดแตกต่าง แยกระหว่างสังเสทชะและโอปปาติกะ คือ..
ตอบ : อันหนึ่งเกิดขึ้นโตเลย อันหนึ่งยังต้องมีระบบการสืบพันธุ์อยู่ ขณะเดียวกันยังสามารถที่จะมองเห็นได้ อย่างพวกหนอน เป็นต้น หรือไม่ก็ใช้เครื่องมือดูได้ แต่โอปปาติกกะ ถ้าเป็นโอปปาติกกะที่แท้จริง เราไม่สามารถจะใช้เครื่องมือดูได้...


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ถาม-ตอบ ช่วงเย็น ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2010 เมื่อ 16:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
การเกิด, โยนิ, อัณฑชะ, อุบลวรรณาเถรี, โอปปาติกะ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:05



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว