กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-11-2009, 11:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,590 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default รู้ว่าดีจึงทำ รู้ว่าชั่วจึงละ

สรุปว่าพวกเราที่ถักหมวกถวายพระมาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งบัดนี้ ได้แค่สมาธิในส่วนของเจโตวิมุตติเท่านั้น ปัญญาไม่เกิด เหตุที่ปัญญาไม่เกิด เพราะว่าสติของเราไม่พอ พอทุ่มเทไปเรื่องหนึ่ง ก็จะลืมอีกเรื่องหนึ่ง

จริง ๆ แล้ว การทำงานทุกอย่างของพวกเรา ถ้าเอาใจจดจ่ออยู่กับงาน ก็จะเห็นร่างกายที่สักแต่ว่าทำเท่านั้น แต่คราวนี้จิตใจของเราไม่ได้จดจ่อแน่วแน่อยู่ที่สมาธิตรงหน้า บางทีก็คิดไปเรื่องนั้นด้วยเรื่องนี้ด้วย สิ่งนั้นทำให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นมา แต่ถ้าหากสมาธิเราจดจ่ออยู่ตรงหน้า ทุกอิริยาบถเรารับรู้ได้อย่างสมบูรณ์ จิตก็จะตั้งอยู่กับอาการปัจจุบันเท่านั้น ไม่ไปปรุงแต่งให้เป็น รัก โลภ โกรธ หลง ตอนนั้นสิ่งที่เราทำก็จะสักแต่ว่าเป็นการกระทำเท่านั้น ไม่เกิดเป็นบุญหรือเกิดเป็นบาป ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ตลอดเวลาก็รอดตัวไปเลย ไม่ต้องเกิดใหม่แล้ว

ทีนี้พวกเราตะกายตั้งหลายวันไปไม่ถึงสักที พยายามอีกนิดหนึ่ง เพิ่มสติขึ้นมาหน่อย ถ้ารับรู้อยู่กับอาการปัจจุบัน อาการเคลื่อนไหวอย่างไร จะล้วง จะควัก จะม้วนอย่างไร ก็รู้อยู่ตลอดโดยไม่ไปไหน จิตก็จะปรุงแต่งไม่ทัน เพราะว่ามาเต็มอยู่กับอาการตรงหน้าเสียแล้ว ตรงนี้แหละที่เป็นวิปัสสนาญาณจริง ๆ ก็คือ รู้เท่าทันในปัจจุบันอยู่ทุกขณะ สิ่งที่ทำก็เลยไม่เกิดกรรม ก็คือผลของการกระไม่เกิด สักแต่เป็นการกระทำเฉย ๆ ดีก็ไม่ดี ชั่วก็ไม่ชั่ว

ถาม : แล้วเป็นวิปัสสนาญาณตรงไหนครับ ?
ตอบ : ก็เป็นตรงที่รู้เท่าทันปัจจุบันอยู่ทุกขณะ ไม่ไปครุ่นคิดในอดีตและไม่ไปฟุ้งซ่านอยู่ในอนาคต

วิปัสสนา แปลว่า รู้แจ้งอย่างยิ่ง ส่วนที่รู้แจ้งอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรรู้เกินกว่าการทำอย่างไรที่จะละวางทั้งดีทั้งชั่วได้ แรก ๆ คนเราส่วนใหญ่ก็จะติดดีก่อน แต่ว่าท้ายสุดจริง ๆ แม้แต่ดีก็ติดไม่ได้ เพราะถ้าติดก็ไปไหนไม่ได้

ตอนนี้อย่าเพิ่งทำข้ามขั้น เอาแค่ว่าดีเราต้องทำ ชั่วเราต้องละ แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำไปก่อน ถ้ากำลังถึงจริง ๆ จะรู้เอง ว่าเวลาที่เราทำดีนั้น เราทำสักแต่ว่าทำเท่านั้น เพราะเรารู้ว่าสิ่งนี้ดี แล้วเวลาเราละชั่ว เราก็สักแต่ว่าละเท่านั้นเพราะรู้ว่าสิ่งนั้นชั่ว ใจเราไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว แต่ว่าที่ทำดีเว้นชั่ว เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรมชาติ เป็นส่วนที่จะส่งเสริมให้เราหลุดพ้นได้

ถาม : ถ้าอย่างนั้นการที่เรารักษาศีล เพราะเรารู้ว่าสิ่งนั้นไม่ดี แต่พอเราทำไม่ดี จิตใจเราก็คิดว่าเราทำไม่ถูก ก็แสดงว่าอารมณ์ใจวางไม่ถูกหรือครับ ?
ตอบ : ก็แปลว่าหมองแล้ว ที่วางไม่ถูกก็เพราะว่าจิตเกิดการปรุงแต่งขึ้นแล้ว ถ้าหากว่าทำโดยปราศจากการปรุงแต่ง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงก็สักแต่ว่าเป็นอาการเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2014 เมื่อ 12:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-11-2009, 11:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,590 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อครับ..แล้วอาการกับอารมณ์ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : อาการเป็นแค่การกระทำ ไม่มีอารมณ์

ถาม : มีการกระทำหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : มีการกระทำเหมือนกัน แต่อย่างหนึ่งกระทำด้วยใจที่มี รัก โลภ โกรธ หลง อีกอย่างหนึ่งไม่มีกำลังใจไปประกอบด้วย อย่างกินก็สักแต่ว่ากิน แต่ถ้าทั่ว ๆ ไป กินแล้วต้องอร่อย ถ้าอร่อยแล้วกูชอบ ถ้าไม่อร่อยกูก็ไม่ชอบ ก็คือ อย่างหนึ่งนั้นปรุงแต่งไปหา รัก โลภ โกรธ หลง ตลอดเวลา อีกอย่างสักแต่ว่าทำให้จบไปเท่านั้นเอง

ถาม : ถ้าเราทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็แสดงว่าเป็นอารมณ์ที่ไม่เป็นกลาง ?
ตอบ : ยังไม่เป็น แต่ว่าเราต้องกดเอาไว้ ถ้าไม่กดเอาไว้เราก็ยังไปยินดียินร้ายเป็นปกติ แต่ก็ยังจัดว่าเป็นวิขัมภนวิมุตติ หลุดพ้นด้วยการใช้กำลังใจข่มไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2014 เมื่อ 12:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-11-2009, 11:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,590 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราจะกระทำเพราะเราคิดว่าเป็นความดีอยู่ ดังนั้นการที่เราจะกระทำก็เท่ากับว่า..?
ตอบ : ถ้าหากว่าไปถึงระดับนั้นแล้ว ท่านทำเพราะมีโอกาสทำ ถ้าไม่มีโอกาสทำท่านก็ไม่ไปดิ้นรนทำ

มีหลวงปู่บางรูป ท่านเทศน์สูง พวกเราอาจจะตามไม่ทัน อย่างเช่นว่า พวกเราเห็นว่าสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทานนั้นเป็นสิ่งที่ดี ชักชวนกันสร้างโบสถ์ แต่หลวงปู่องค์นั้นท่านบอกว่าคนเราถ้าจะเอาดี จะมาติดอะไรอยู่แค่เรื่องอย่างนี้ ถ้าเราฟังแล้วไม่เข้าใจอาจจะโกรธหรือขัดท่านไปเลย แต่ความจริงท่านอยากจะบอกให้เรารู้ว่า นั่นเป็นแค่ระดับทาน ยังมีศีลที่สูงกว่านั้น มีระดับภาวนาที่สูงกว่านั้น ต่อให้เป็นวิหารทาน หรือธรรมทาน ก็ยังอยู่ในระดับของทานเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2014 เมื่อ 12:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 113 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-11-2009, 11:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,590 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วทำแต่อาการเขาจะได้บุญไหม ?
ตอบ : ถ้าหากถึงระดับนั้นแล้ว บุญก็ไม่เกิดแล้ว เหมือนกับน้ำล้นแก้ว เติมไปเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์

ถาม : คือ บารมีท่านเต็ม ?
ตอบ : ใช่ แต่ด้วยความไม่ประมาทท่านก็ทำไปเรื่อย ๆ

ถาม : คือยังทำดีละชั่วไปด้วย ?
ตอบ : ทำดีละชั่วไปเรื่อย ทำดีเพราะรู้ว่าดีจึงทำ ละชั่วเพราะรู้ว่าชั่วจึงละ แต่ว่าไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว

ถาม : เขาทำบางโอกาสเท่านั้น ไม่ได้ทำมากมายหรือคะ ?
ตอบ : มีโอกาสก็ทำ ไม่มีโอกาสก็แล้วไป แต่พอไปถึงระดับนั้นแล้วโอกาสท่านเยอะเสียด้วย เพื่อเป็นเนติ (แบบอย่าง) ให้คนรุ่นหลังได้ยึดถือปฏิบัติตาม เพราะต้องเกาะดีไว้ก่อน ถ้าไม่เกาะเราก็ไม่มีอะไรจะให้ละ

เพราะฉะนั้น..ไม่ใช่ว่าอะไร ๆ ก็ไม่เอา สุญญตา อนัตตา ถ้าไม่มีอยู่แล้วจะไปสูญได้อย่างไร ถ้าของอยู่ในมือเราแล้วโดนขโมยนี่สูญแน่..ใช่ไหม ? คือ บางท่านตั้งใจจะเอาแต่ธรรมะที่บริสุทธิ์และก็ก้าวข้ามขั้น ไม่เข้าใจว่าสภาพที่แท้จริงเป็นอย่างไร ต้องยึดก่อนจึงจะวางได้ ถ้าไม่ยึดก็ไม่มีอะไรให้วาง แต่ถ้ายึดแน่นเกินไปก็วางไม่ลงอีก


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ถาม-ตอบ ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2014 เมื่อ 12:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว