ฉันเนื้อสัตว์
			 
			 
			
		
		
		
			
			เรื่องของพระอุบลวรรณาเถรี มีอยู่ตอนหนึ่งที่ ปรากฏในพระไตรปิฎก ยืนยันได้เลยว่า ที่เขาสงสัยกันว่าพระพุทธเจ้าฉันเจหรือว่าฉันเนื้อสัตว์   ก็คือพระอุบลวรรณาเถรีท่านจำพรรษาในป่าสีตวัน  (สีตวันก็คือ ป่าเย็น แสดงว่าเป็นป่าดงดิบลึกมาก)   
 
พระอุบลวรรณาเถรีก็คิดจะไปเฝ้าพระศาสดา  จึงเหาะมาด้วยกำลังฤทธิ์   ปรากฏว่าในช่วงที่ผ่านป่าใหญ่ มีลานอยู่แห่งหนึ่ง   เห็นมีชิ้นเนื้ออยู่   อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสัตว์ฆ่าหรือพรานฆ่าไว้   ท่านก็ลงไป  มองซ้ายมองขวา  หาเจ้าของก็ไม่เห็น   จะเป็นคนเป็นสัตว์ก็ไม่เห็นมี   กระแอมดูว่าจะมีใครตอบรับก็ไม่มี   บาลีบอกว่ากระแอมถึงสามครั้งแล้ว มั่นใจว่าไม่มีเจ้าของแน่    ก็ถือเอาชิ้นเนื้อนั้นไปเฝ้าพระพุทธเจ้า  เพื่อจะถวายให้พระองค์ท่าน  เหมือนกับลูกศิษย์ไปหาอาจารย์  แล้วหาของฝากไปให้อาจารย์     
 
ลักษณะอย่างนั้นยืนยันได้ว่า พระพุทธเจ้าท่านฉันเนื้อแน่นอน  ไม่อย่างนั้น  จะเอาไปฝากทำไม ?   ส่วนใหญ่แล้วคนเขาจะให้พระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ไร้ที่ติ  ความจริงก็ไม่มีที่ให้ติ  เพราะท่านบอกว่าถ้าไม่ได้ฆ่าเอง  ไม่ได้สั่งคนอื่นฆ่า    ไม่ยินดีเมื่อรู้ว่าเขาฆ่า  จะกินก็กินไป เพราะไม่มีส่วนในกรรมนั้น   แต่ถ้าเราสั่งเขาฆ่าอันนี้ผิดตรง ๆ เลย   ลงมือฆ่าเองก็ใช่  หรือว่าเขาทำมาให้เราแล้วดีใจก็ใช่อีก    ถ้าหากว่าบริสุทธิ์โดยสามส่วน พระองค์ท่านตรัสว่าไม่เป็นไร   ฉันได้ ไม่มีส่วนร่วมในกรรม   
 
จริง ๆ แล้วพระพุทธเจ้าตั้งใจที่จะไม่ให้พระรบกวนโยม  แบบเดียวกับเวลาที่อาตมาไปพม่า  ครูบาน้อยฉันเจ  อาตมาก็ฉันเจด้วย   โยมเขาจะได้ทำมาชุดเดียว ไม่อย่างนั้นแล้วลำบาก ทำสองชุดแบ่งกัน เสียเวลามาก เสียของมาก   
 
เทศน์ช่วงเช้า  ณ  บ้านอนุสาวรีย์ 
วันเสาร์ที่  ๑๐  ตุลาคม  ๒๕๕๒
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:22
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |