กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 20:26
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 620
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 29,298 ครั้ง ใน 1,109 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,601
ได้ให้อนุโมทนา: 160,897
ได้รับอนุโมทนา 4,523,371 ครั้ง ใน 37,217 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศยามเช้าที่โรงแรม RAMADA By Wyndham อยู่ที่ ๑๑ องศาเซลเซียส กระผม/อาตมภาพเก็บข้าวของเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนตี ๕ ของประเทศเนปาล จึงลงไปทางด้านล่าง แล้วก็ถ่ายรูปสถานที่ต่าง ๆ ตามเคย หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง ญาติโยมทั้งหลายก็ทยอยกันลงมาพร้อมกับกระเป๋าของตนเอง ไม่ต้องลำบากพนักงานทางด้านนี้ไปช่วยเก็บกระเป๋าจากหน้าห้อง

กระผม/อาตมภาพต้องมานั่งจารพระพุทธรูป ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อองค์ดำก็ดี หลวงพ่อปางปรินิพพานก็ตาม ที่พระเดชพระคุณพระพรหมวชิรโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ, ดร.) ประธานคณะธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ท่านถวายมา และของวัดอื่น ๆ ที่ไปร่วมกันทอดผ้าป่า ก็ถวายข้าวของอย่างโน้นอย่างนี้มา แต่ด้วยความที่ว่าพระพุทธรูปหลายองค์ก็เริ่มหนัก จึงได้นั่งจารและอธิษฐานจิต เพราะว่ามีบุคคลอยากได้ไปบูชา ว่าแล้วก็จ่ายเป็นเงินไทยมาค่อนข้างจะแพงเลยทีเดียว..!

ครั้นตี ๕ ครึ่ง พวกเราก็ไปยึดห้องอาหาร รับประทานเป็นการใหญ่ เสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไล่แจกรางวัลให้กับพนักงานทุกคนของโรงแรม แม้กระทั่งเวรยาม หรือพนักงานเปิดประตู ได้ไปคนละ ๑๐๐ บาทไทย ยิ้มกว้างไปตาม ๆ กัน แล้วก็ไปแจกรางวัลให้กับพลขับรถบัสทั้ง ๒ คัน ๆ ละ ๓,๐๐๐ รูปี เด็กรถ ๒ คนอีกคนละ ๑,๐๐๐ รูปี ส่วนผู้ประสานงานของเรา ทั้งคุณวิชาญและคุณกูเป้ ให้ไปคนละ ๓,๐๐๐ รูปีเช่นกัน เพราะว่าถ้าไม่ให้ตอนนี้ เดี๋ยวเงินจะหมดเสียก่อน..!

ส่วนที่เหลือก็มอบให้น้องการ์ตูน (นางสาวศรันย์พร บุรินทรโกษฐ์) ซึ่งดูแลรถคันของกระผม/อาตมภาพ ๕,๐๐๐ รูปี ให้น้องหนึ่ง (นางสาวณิชารีย์ จั่นแก้ว) ที่ดูแลรถบัสคันที่ ๒ จำนวน ๕,๐๐๐ รูปี แล้วพวกเราก็มาดูข้าวของที่ร้านทางด้านหน้าโรงแรม

กระผม/อาตมภาพสนใจสร้อยประคำ ๒ เส้น คนขายบอกว่า "เส้นละ ๑,๐๐๐ บาทไทยครับ" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "แพงเกินไป ถ้า ๒ เส้น ๑,๐๐๐ บาทถึงจะซื้อ" ทำเอาอีกฝ่ายทำท่าคิดหนัก แต่เมื่อพวกเราเดินวนรอบหนึ่ง มีแต่ของแพงทั้งนั้น ก็เลยเดินออกมา ทำเอาพนักงานขายตามมาบอกว่า "อาจารย์ครับ ๒ เส้น ๑,๐๐๐ บาทก็ได้ครับ" กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องย้อนกลับไปจ่ายสตางค์จนได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า วันนี้, 00:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,601
ได้ให้อนุโมทนา: 160,897
ได้รับอนุโมทนา 4,523,371 ครั้ง ใน 37,217 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เสร็จแล้วก็ขึ้นรถเพื่อที่จะตรงไปยังลุมพินีสถาน ซึ่งเป็นที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่รถของเราใช้เวลาในการเดินทางประมาณ ๒๕ นาที คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์ ซึ่งงวดนี้ขอมาเป็นลูกทัวร์ด้วย ทำการโฆษณาหนังสือ ๒ เล่ม ที่ใช้สำหรับแจกในงานศพตัวเอง..!

กระผม/อาตมภาพได้อ่านเล่มแรกไปแล้ว กำลังรออยู่ว่าเล่ม ๒ เมื่อไรจะออก ปรากฏว่าพิมพ์มาเป็นเล่มเรียบร้อยแล้ว ต้องบอกว่าถ้ามีเวลาต้องรีบอ่าน เนื่องเพราะว่าประสบการณ์ของคนอายุ ๘๐ กว่าปี ทั้งการดำรงชีวิตครอบครัว ทั้งการทำหน้าที่การงาน ฝ่าฟันกันมาลักษณะไหน จึงประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก

เมื่อถึงทางด้านวัดไทยลุมพินี พวกเราก็ไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็ไปนั่งสามล้ออินเดียที่เรียกว่า "ริกชอร์" ที่ปกติแล้วนั่งกันคันละ ๔ คน แต่คันของกระผม/อาตมภาพนั้นนั่งไป ๕ รูป/คน..! เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพไปนั่งคู่กับคนขับ อาศัยว่าตัวเล็กไม่เกะกะ คนขับก็เลยไม่ว่าอะไร แต่ลืมไปว่ารถต้องวิ่งฝ่าความหนาวระดับ ๑๑ องศาเซลเซียส เล่นเอาสะท้านไปเหมือนกัน..! รถวิ่งเข้าไปในอุทยานลุมพินีค่อนข้างจะลึกมาก จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่จอด แล้วก็ต้องเดินเข้าไปอีกเป็นระยะทางไกลทีเดียว ต้องผ่านบรรดาสวาวานรบริวารของพระรามจำนวนมาก ซึ่งออกมาจับเห็บจับเหากัน หลายตัวก็จ้องดูว่านักท่องเที่ยวจะมีอาหารให้หรือเปล่า ?

เมื่อพวกเรามาถึงบริเวณทางด้านหน้า ซึ่งมีดวงไฟที่จุดมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยประมาณ ยังไม่เคยดับเลย เรียกกันว่า "เปลวไฟแห่งสันติภาพ" เมื่อหันไปทางซ้ายก็จะเห็นพระพุทธเจ้าปางประสูติ ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่แต่ไกล พวกเราที่ทยอยกันมาถึง เข้าไปฟังคำบรรยายว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แต่ว่าทำไม่สำเร็จ เนื่องเพราะว่าไปสั่งหินแกรนิตจากประเทศจีนมาทำฐาน ซึ่งทางด้านอินเดียนั้นไม่ชอบใจ เนื่องจากมีการกระทบกระทั่งกับจีน จนกระทั่งต้องมาปรึกษาพระเดชพระคุณพระพรหมวชิรโพธิวงศ์ ท่านแนะนำว่าให้สั่งจากประเทศไทย เท่านั้นแหละ งานทุกอย่างก็สำเร็จลงด้วยดี..!

เมื่อฟังบรรยายและถ่ายรูปหมู่แล้ว ต้องเดินเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลเข้าไป แล้วก็เลี้ยวขวาเอารองเท้าไปฝากไว้ก่อน ใครที่มีถุงสวมเท้าที่ยังไม่ได้ทิ้งจากวันก่อนที่พุทธคยา ก็เอามาสวมกันใหม่ตรงนี้เอง จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปข้างในจนถึง "วิหารมหามายาเทวี" ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า วันนี้, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,601
ได้ให้อนุโมทนา: 160,897
ได้รับอนุโมทนา 4,523,371 ครั้ง ใน 37,217 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราต่อคิวนักท่องเที่ยวต่าง ๆ เข้าไปสักการะยังด้านใน สถานที่ภายในนี้เขาห้ามถ่ายรูป แต่เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึง เจ้าหน้าที่เขาเปิดทางแยกให้ไปสักการะอีกด้านหนึ่ง ทำเอาลูกศิษย์มือไวถ่ายรูปกระผม/อาตมภาพที่กำลังเงยหน้ามองภาพและอธิษฐานอยู่พอดี กลายเป็นว่าได้รูปสวยมาโดยไม่ได้ตั้งใจ..! จากนั้นพวกเราก็เดินทะลุออกไปทางด้านหลัง ชม "สระโบกขรณี" ตลอดจนกระทั่ง "ต้นโพธิ์ตรัสรู้" ที่ "ริปุมัลละ" ได้ไปนำเมล็ดมาจากพุทธคยามาขยายพันธุ์ปลูกไว้ที่นี่ อายุได้นับพันปีแล้ว..!

หลังจากนั้นก็ไปนั่งกราบพระ เจริญพระพุทธมนต์ เจริญพระกรรมฐาน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แล้วมาถ่ายรูปหมู่ร่วมกันที่ริมบริเวณสระโบกขรณี เจอพรรคพวกเพื่อนฝูงอีกหลายคณะที่แห่กันมา ทำเอากระผม/อาตมภาพต้องกลายเป็นดาราหน้ากล้อง ให้บรรดาเพื่อนและลูกศิษย์ถ่ายรูปไปด้วย..! แล้วก็เดินออกมาชม "เสาอโศก" ที่อยู่ข้างวิหารมหามายาเทวี แล้วพวกเราก็ต้องรีบกลับออกมา รับรองเท้าคืน เนื่องเพราะว่าวันนี้จะต้องรีบไปสนามบิน ถ้าหากว่าขืนช้า เดี๋ยวจะทำกิจกรรมอื่นได้ไม่ครบ ต้องขออภัยญาติโยมทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง

พวกเรานั่งรถสามล้อกลับมาที่วัดไทยลุมพินี ปรากฏว่าท่านเจ้าคุณสุพจน์ - พระราชโพธิวิเทศวัชรสุธี, ดร. (สุพจน์ กิตฺติวณฺโณ ป.ธ. ๙) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาล ท่านได้กลับมาจากพุทธคยาในการไปบวชให้กับคณะตำรวจแล้ว พวกเราจึงเข้าไปภายในพระอุโบสถ กราบพระแล้วก็รวบรวมปัจจัยถวายผ้าป่ากับท่าน

กระผม/อาตมภาพต้องเติมให้ครบทุกรายการ รวมเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ รูปี ๑๐,๐๐๐ บาทไทย และ ๑๐๐ ดอลลาร์ ท่านเจ้าคุณสุพจน์ขออนุญาตกราบกระผม/อาตมภาพก่อน มีการบ่นด้วยว่าไม่เจอกันนานมาก เนื่องเพราะว่าครั้งสุดท้ายนั่นก็คือ ตอนที่ท่านไปช่วยเหลือแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล..!

เมื่อพวกเราถวายผ้าป่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องรีบเดินทางกลับ เพื่อที่ไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม แล้วจะได้เดินทางไปยัง "สนามบินไภรวะ" ต่อไป แต่ว่าท่านเจ้าคุณสุพจน์ขอเวลาชั่วคราว ก็คือให้กระผม/อาตมภาพไปช่วยอธิษฐานจิต ให้การสร้างพระมหาเจดีย์ของวัดไทยลุมพินีนี้สำเร็จเรียบร้อยลงโดยเร็ว..! กระผม/อาตมภาพจึงต้องฝากบรรดาเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ให้ช่วยกันใช้ความสามารถให้เต็มที่ มีโอกาสแล้วจะมาทำบุญให้กับท่านทั้งหลายอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า วันนี้, 00:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,601
ได้ให้อนุโมทนา: 160,897
ได้รับอนุโมทนา 4,523,371 ครั้ง ใน 37,217 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอสวนออกมา ปรากฏว่าเจอคณะพระทั่วประเทศไทย ๑๐๐ กว่ารูป ที่ท่านเจ้าคุณกอล์ฟ - พระวิเทศวัชราจารย์ (เฉลิมชาติ ชาติวโร) เจ้าอาวาสวัดสิทธารถราชมณเฑียร เลขานุการธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล ต้องลากระผม/อาตมภาพเพื่อไปต้อนรับคณะนี้เอง หลายท่านที่รู้จักกันก็ทักทายกันด้วยความดีใจ

กระผม/อาตมภาพออกมาแล้ว ก็ขึ้นรถกลับไปยังโรงแรม RAMADA By Wyndham เมื่อไปถึง อาหารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อตักมาแค่สิ่งที่ตนเองชอบใจ ปรากฏว่านายกูเป้ได้เอาแกงถวายมา ๑ ถ้วย บอกว่า "เป็นมัตตั้นแพะครับ อร่อยมาก" กระผม/อาตมภาพตักเข้าปากคำแรก ก็ต้องบอกว่าสมคำร่ำลือจริง ๆ จากที่เคยกิน "แกงกะหรี่มัตตั้นแกะ" อร่อยที่สุดที่ปากีสถานมาแล้ว ขอยืนยันว่า "แกงกะหรี่มัตตั้นแพะ" ของโรงแรม RAMADA By Wyndham นี้ อร่อยที่สุดเท่าที่เคยฉันมา..!

เมื่ออิ่มแล้ว พวกเราก็ต้องรีบขึ้นรถตรงไปยัง "สนามบินไภรวะ" หรือที่คนอื่นอ่านไม่ค่อยจะถูกว่า "ไปราว่า" บ้าง "ไพราว่า" บ้างซึ่งความจริงมาจากชื่อของเจ้าแม่นภิสราเทวีส่วนหนึ่ง ก็คือ "พระไภรวะ" ที่บ้านเราเรียกว่า "พระพิราพ" ทุกคนล้วนแล้วแต่คิดว่าเป็นผู้ชาย แต่เจ้าแม่แกยืนยันว่าใครบนพระไภรวะหรือพระพิราพ แกเป็นคนรับทั้งหมด..!

เมื่อไปถึง พวกเราก็ต้องเข้าคิวให้เขาตรวจพาสปอร์ตว่ามีรายชื่อตรงกับในตั๋วเครื่องบินหรือไม่ ? แล้วก็ไปสแกนกระเป๋า เจอคณะของหลวงพ่อพระครูประเสริฐ - พระครูโกศลธรรมานุสิฐ เจ้าคณะอำเภอบางปลาม้า เจ้าอาวาสวัดสวนหงษ์ จังหวัดสุพรรณบุรีที่ตรงนี้ ปรากฏว่ากลับเครื่องเที่ยวเดียวกันเสียด้วย..!

ผ่านการสแกนเข้าไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็มีการตรวจร่างกายซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งมั่นใจ แล้วพวกเราจึงเข้าไปเช็คอินทางด้านในได้ กระผม/อาตมภาพต้องมอบน้ำหนักทั้งหมดให้กับทางเอ็นซีทัวร์ตามเคย เมื่อได้ตั๋วมาแล้วก็ไปผ่านการตรวจคนออกจากเมือง ซึ่งทาง ตม.ของประเทศเนปาลจะทำการประทับตราพาสปอร์ตและประทับตั๋ว (บอร์ดดิ้งพาส) ให้ด้วย ครั้นเข้าไปข้างในแล้ว ยังมีการสแกนอีกชั้นหนึ่ง เมื่อผ่านเครื่องเอ็กซเรย์แล้ว ถึงจะได้รับตราประทับที่บอร์ดดิ้งพาสเป็นดวงที่ ๒ ถ้าใครมีตราประทับไม่ครบ ก็จะไม่ให้เข้าไปทางด้านใน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า วันนี้, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,601
ได้ให้อนุโมทนา: 160,897
ได้รับอนุโมทนา 4,523,371 ครั้ง ใน 37,217 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเข้าไป ก็ได้คุยกับพรรคพวกเพื่อนฝูงหลายต่อหลายคน ทางด้านทิดดอย (นายภาณุพงศ์ วังประภา) ตรวจสอบแล้วแจ้งว่าเครื่องดีเลย์จากกรุงเทพฯ ๓๐ นาที แต่เจ้าแม่นภิสราเทวี ซึ่งถ้าเรียกแค่ "เจ้าแม่นภิสรา" ปรากฏว่ามีคนพูดไม่ชัดเรียกเป็น "เจ้าแม่น้ำพริกสละ" มาแล้ว ท่านยืนยันว่าไม่ต้องกังวล เครื่องมาถึงตามปกติและกลับได้ตามปกติ..!

เนื่องเพราะว่าฤดูนี้ ส่วนใหญ่ถ้ามาถึง
แล้วทัศนวิสัยปิด หมอกปกคลุมไปทั้งสนามบิน เครื่องก็จะลงไม่ได้ ปรากฏว่าเครื่องของเราลงได้ แล้วพวกเราก็ผ่านการตรวจตั๋วเพื่อที่จะขึ้นไปข้างใน โดยที่เขาเรียกพระขึ้นก่อน เมื่อนั่งเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วทุกคน ปรากฏว่าเครื่องออกก่อนเวลา ๕ นาที..! เจ้าแม่แกทำได้จริง ๆ แถมยังทำหน้าทะเล้นโบกมือ "บ๊ายบาย" ให้เสียด้วย..!

เมื่อเครื่องวิ่งออกมา กระผม/อาตมภาพก็หลับตาภาวนาอุทิศส่วนกุศล และขอบคุณขอบใจทุกท่านที่ช่วยเหลืออนุเคราะห์สงเคราะห์ทั้งขามาและขากลับ ปรากฏว่าทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) สะกิด "หลวงพ่อครับ ไม่อยากรบกวน แต่นั่นน่าจะเป็นเทือกเขาหิมาลัยครับ" เมื่อกระผม/อาตมภาพมองไปก็ยืนยันว่าใช่เลย เพราะผ่าน North Face พอดี จึงได้ทำการถ่ายรูปไปหลายรูป

รอจนกระทั่งถ่ายรูปยอดเขาไกรลาศแล้ว ถึงได้กลับไปเข้าสมาธิต่อ มารู้ทีหลังว่าหลายต่อหลายคนถ่ายแล้วพยายามส่งรูปลงกลุ่มไลน์ แต่เนื่องจากว่าฝีมือไม่ถึง เพราะว่ามือไม่นิ่ง รูปจึงค่อนบ้างเบลอบ้าง ติดปีกเครื่องบินบ้าง กระผม/อาตมภาพจึงต้องส่งรูปของตัวเองลงไปให้ทุกคนดูแทน

ที่น่าอัศจรรย์ก็คือเครื่องของเรามาลงที่สนามบินนานาชาติดอนเมืองก่อนเวลา ๒๕ นาที..! เจ้าแม่แกสุดยอดตรงนี้เอง ไม่เชื่อก็ไม่ได้..! เมื่อพวกเราประทับตราพาสปอร์ตเข้าเมืองแล้ว ก็มารอรับกระเป๋า กระผม/อาตมภาพนอกจากรับกระเป๋าแล้ว ยังต้องรับปัจจัยสารพัดที่หลายต่อหลายคนควักกระเป๋าทำบุญส่งท้าย บางคนถึงขนาดประกาศว่าถวายหมดตัวเลย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต้องเดินกลับบ้านหรือเปล่า !?

จากนั้นกระผม/อาตมภาพ น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) และไอ้อ้วน (นางสาวดวงฤทัย ตั้งวรกุลกิจ) ก็ต้องขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น ๓ เพราะว่าทิดรอย (นายณพจน์ วิไลรัตน์ ) นำรถมารอรับอยู่ที่นั่น วิ่งฝ่ารถติดเล็กน้อย ไปจนถึงวัดอุทยานซึ่งเป็นที่พักคืนนี้ กระผม/อาตมภาพเองเมื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว จึงรีบมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน หลังจากนี้ก็จะฉันยาและนอนสลบไสลแล้ว

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 03:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:32



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว