กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 16:57
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 608
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 28,864 ครั้ง ใน 1,096 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,520
ได้ให้อนุโมทนา: 160,796
ได้รับอนุโมทนา 4,520,221 ครั้ง ใน 37,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่อำเภอทองผาภูมิอยู่ที่ ๑๙ องศาเซลเซียส คนไปจากที่อื่นบ่นว่าหนาว แต่คนทองผาภูมิบ่นว่าร้อน..! เนื่องเพราะว่าจาก ๑๒ องศาเซลเซียส กระโดดขึ้นมาเป็น ๑๖ เป็น ๑๘ และเป็น ๑๙ องศาเซลเซียสในวันนี้ อากาศที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ ๒ องศาเซลเซียสขึ้นไป ไม่ว่าจะลบหรือบวก คนเราจะรู้สึกได้ชัดเจนมาก แล้วนี่ไม่กี่วันกระโดดขึ้นมาถึง ๗ องศาเซลเซียส ไม่ให้บ่นว่าร้อนก็คงไม่ได้ กระผม/อาตมภาพจึงมาลาเรียกำเริบ เจ็บตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่ว่าภารกิจก็ยังคงต้องทำเป็นปกติ..!

วันนี้ต้องไปบรรยายถวายความรู้ให้แก่พระนวกะ ซึ่งบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ที่วัดสี่แยกเจริญพร หมู่ที่ ๔ ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งพระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพร จัดให้มีการอุปสมบทหมู่ทุกปี แต่ละปีก็มีเข้าร่วมการอุปสมบทหมู่เป็นจำนวนมาก ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าท่านให้โอกาสทุกคน แม้กระทั่งคนติดยาบ้ามาก็ตาม..! ถ้าหากว่าในช่วงที่บวชยอมละทิ้งทุกอย่าง ท่านก็เต็มใจที่จะบวชให้

ถ้าหากว่าเป็นที่วัดท่าขนุน บุคคลประเภทนี้ทางวัดต้องจัดการตรวจสอบประวัติก่อนทุกอย่าง ถ้าหากว่ามีคดีความอะไรก็จะไม่รับเข้าบวช ยกเว้นบุคคลที่คดีความสิ้นสุดลงแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งานอุปสมบทหมู่ในวาระปัญญาสมวาร เพื่อถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ของวัดท่าขนุน จึงมีนาคหลุดเข้าไปอุปสมบทแค่ ๗ รูปเท่านั้น แต่ของพระครูเทพนี่ถึงขนาด ๗๐ กว่ารูป เพียงแต่ว่าผ่านมา ๕ วัน ใครที่ความประพฤติ "ไม่เอาอ่าว" พระครูเทพก็ไล่สึกไปเสียหมด จึงเหลืออยู่แค่ ๖๐ รูปถ้วน ๆ..!

เมื่อมาถึง ปรากฏว่าคนแรกที่พบก็คือน้องจอย (ภารดี อารมณ์ชื่น) เจ้าของเว็บเพจอารมณ์ดี พระ กระผม/อาตมภาพถามว่า "มาอยู่ประจำตลอดโครงการเลยหรือเปล่า ?" ปรากฏว่าน้องจอยแจ้งว่า "มาเฉพาะวันที่หลวงพ่อมาเจ้าค่ะ" เป็นอันว่าจบกัน ถ้ากระผมไม่ได้มา น้องจอยก็คงจะไปเสาะหาพระเครื่องมาเข้าเพจของตนเอง เพื่อทำการบริการลูกค้า หรือไม่ก็วิ่งทำบุญทำกุศล ตามวัดต่าง ๆ ตามประสา "เด็กสายบุญ" กันต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า วันนี้, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,520
ได้ให้อนุโมทนา: 160,796
ได้รับอนุโมทนา 4,520,221 ครั้ง ใน 37,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึง พระครูเทพก็เร่งรัดบรรดาพระใหม่มารวมตัวกัน เพื่อที่จะฟังบรรยายธรรม บรรดาพระวิปัสสนาจารย์ที่นำโดยพระครูชนะชัย (ท่านพระครูกาญจนธรรมชัย) เจ้าอาวาสวัดหนองไม้แก่น จังหวัดกาญจนบุรี พระวิปัสสนาจารย์ประจำวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ ก็มากราบ

หลังจากนั้น เมื่อบรรดาพระใหม่มากันครบถ้วนแล้ว
กระผม/อาตมภาพก็บรรยายถวายความรู้ให้กับทุกท่าน อยู่ในลักษณะที่ให้กำลังใจทุกท่านว่า "การบวชนั้นไม่ยาก แต่ว่าการที่เราจะรักษาความเป็นพระ ให้ชาวบ้านเขาไหว้ได้เต็มมือนั้นยากมาก" พร้อมกับเตือนพระใหม่เป็นระยะ ๆ ไป ท่านที่มาถึงพอวางบาตรลง ก็บอกกับท่านว่า ถ้าหากว่าบาตรไม่มีขาบาตรให้วางคว่ำลง ถ้ามีขาบาตรค่อยวางตั้งอยู่บนขาบาตร เนื่องเพราะว่าข้อนี้ก็เป็นศีลพระข้อหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้า "ประทุษร้ายบาตร" คือทำให้บาตรชำรุดลง ก็โดนปรับอาบัติศีลขาดได้..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในสมัยพุทธกาล ส่วนใหญ่จะเป็นบาตรดินเผา ถ้าเผลอเมื่อไรก็ตกแตก จึงเป็นเรื่องที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงกำหนดข้อปฏิบัติเอาไว้เยอะมาก อย่างเช่นว่าจะเก็บบาตรไว้ใต้เตียง ก็ต้องยื่นมือเข้าไปลูบดูก่อนว่า เมื่อยื่นบาตรเข้าไปจะกระทบวัสดุอะไรหรือเปล่า ? ไม่เช่นนั้นถ้ากระทบแตก ก็ต้องลำบากเดือดร้อนไปขอจากชาวบ้านเขามาใหม่ ซึ่งชาวบ้านเขาก็ทำมาหากินด้วยการปั้นเครื่องปั้นดินเผาต่าง ๆ ส่วนพระไปขอฟรี ถ้าเขาไม่ศรัทธา อาจจะโดนด่ามาก็ได้..!

หรือไม่ก็ห้ามวางไว้บนพรึง คำว่า "พรึง" ในสมัยปัจจุบันนี้เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้เสียแล้ว ความจริงก็คือแนวสันไม้ที่ตียาว ๆ เป็นแนวรั้ว แล้วทางด้านบนสุดจะมีสันไม้ที่ตีปิดลูกกรง เขาเรียกกันว่าพรึง ถ้าหากว่าเป็นพรึงใหญ่ที่สุด เต็มที่ก็ไม่เกิน ๔ นิ้ว หรือกว้างประมาณแค่ ๑ ฝ่ามือวางขวางเท่านั้น ดังนั้น..ถ้าวางบาตรเอาไว้มีสิทธิ์ตกแตกได้อย่างแน่นอน แม้ว่าสมัยนี้จะเป็นบาตรโลหะ บาตรสเตนเลสแล้วก็ตาม ก็ยังมีโอกาสที่จะชำรุดบุบได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง

ส่วนพระใหม่ที่นั่งตัวเอียง เอามือค้ำพื้น ขอให้เปลี่ยนเป็นนั่งตัวตรง เราทั้งหลายเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เท่ากับเป็นเจ้าชายในศากยตระกูลขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่อยู่ในวรรณะกษัตริย์ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ต้องประกอบไปด้วยสง่าราศี ควรแก่ผู้อื่นเขาเคารพนับถือ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงนำเอาแนวปฏิบัติของศากยราชตระกูล มากำหนดเป็นเสขิยวัตร ๗๕ ข้อให้พระภิกษุสามเณรของเราได้ยึดถือและปฏิบัติ ดังนั้น..ในส่วนนี้เท่ากับพระภิกษุสามเณรก็คือบุคคลในวรรณะกษัตริย์ เท่ากับว่าเป็นเจ้าชายในศากยราชตระกูล จึงต้องไว้สง่าของตนเองอยู่เสมอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า วันนี้, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,520
ได้ให้อนุโมทนา: 160,796
ได้รับอนุโมทนา 4,520,221 ครั้ง ใน 37,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงส่วนนี้เมืองไทยของเรามีอยู่ในลักษณะของการ "ขี้โกง" เพื่อศึกษาวิชาการเหมือนกัน ก็คือว่าบุคคลที่จะศึกษาวิชาการสร้างแมลงภู่คำนั้น เขากำหนดไว้ข้อหนึ่งตายตัวเลยว่า "จะต้องมีเชื้อเจ้า" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหลือเชื้อเจ้าแค่ไม่กี่คน วิชาการต้องสาบสูญไปอย่างแน่นอน ก็เลยมีการอาศัยเชื้อเจ้าจากเชื้อสายศากยบุตรพุทธชิโนรสนี่แหละ บวชมาแล้วก็อ้างสิทธิ์ตรงนี้ในการศึกษาวิชาการสร้างแมลงภู่คำ

ดังนั้น..การสร้างแมลงภู่คำในปัจจุบันนี้ จะหาสล่า ก็คือช่างที่เป็นเชื้อเจ้าจริง ๆ ก็หาไม่ได้เสียแล้ว ส่วนใหญ่ก็เหลือแค่บรรดาพระภิกษุที่ศึกษาวิชาการสืบต่อกันมาเท่านั้น กระผม/อาตมภาพได้ยินทีไรก็รู้สึกว่า "แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ ?" แต่ก็ต้องยอม เพราะว่าเป็นการพลิกแพลง เพื่อรักษาวิชาการเหล่านั้นเอาไว้

เมื่อให้โอวาทและยกตัวอย่างประกอบเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว
กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเพื่อที่จะเดินทางเข้าสู่ที่พัก พระครูเทพก็ให้ญาติโยม ตลอดจนกระทั่งน้องจอยมาถวายไทยธรรม รับแล้วก็ขอตัวเดินทาง ความจริงต้องไปร่วมเปิดโรงทาน เพื่อที่ให้บุคคลต่าง ๆ ซึ่งมาถวายสักการะพระบรมศพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้มีอาหารและน้ำดื่มรับประทานกัน

การเปิดโรงทานนี้นำโดยพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี และหลวงพ่อเจ้าคุณพระวชิรปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกุโร) เจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) ซึ่งเป็นเพื่อนพระอุปัชฌาย์ร่วมรุ่นชักชวนเอาไว้ แต่ว่าโรงทานท่านจะเปิดตอน ๑๐ โมงครึ่ง กระผม/อาตมภาพบรรยายเสร็จก็เลยเวลาไปแล้ว จึงตรงเข้าที่พักเลย

หลังจากฉันเพลแล้วพักผ่อนไปครู่หนึ่ง ลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ก็แวะมา นำเอาส้มสายน้ำผึ้งลังมหึมามาถวาย กระผม/อาตมภาพถึงจะชอบฉันผลไม้มากเท่าไรก็ตาม แต่ว่าถ้าจะฉันส้มนั้น ชอบแบบติดรสเปรี้ยวมากกว่า ส้มสายน้ำผึ้งออกหวานเกินไป
อายุขนาดนี้ขืนฉันมาก ๆ ดีไม่ดีเบาหวานอาจจะถามหา..! จึงหยิบมาแค่ไม่กี่ผล

แล้วขณะเดียวกัน ก็ปรึกษาหารือกันเรื่องการเดินทางไปยังสิบสองปันนา ซึ่งมณฑลยูนนานของทางด้านประเทศจีนนั้นประกอบไปด้วยชาติพันธุ์ต่าง ๆ จำนวนมากมาย แต่ว่าส่วนใหญ่นั้นเป็นเผ่าไต ซึ่งสามารถใช้ภาษาไทยที่เราฟังแล้วเข้าใจถึง ๕๐ - ๖๐ เปอร์เซ็นต์ทีเดียว อย่างเช่นว่าวัดหลวงไตลื้อที่เราจะไปกัน เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า วันนี้, 01:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,520
ได้ให้อนุโมทนา: 160,796
ได้รับอนุโมทนา 4,520,221 ครั้ง ใน 37,135 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเป็นคนกำหนดเองว่า "ไปยูนนานเที่ยวนี้อย่าให้เหลืออะไรค้างคาใจ" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องกำหนดสถานที่ท่องเที่ยวกระโดดขึ้นกระโดดลง ก็คืออาจจะอยู่ทางใต้ของมณฑล แล้วโดดขึ้นไปทางเหนือ เราจึงมีการนั่งรถไฟความเร็วสูงหลายต่อหลายเที่ยวด้วยกัน และในขณะเดียวกัน เราไปกันหน้านี้ก็คือช่วงเดือนมกราคม ๒๕๖๙ ก็จะเป็นช่วงที่หิมะตกฟูฟ่องดีมาก ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าร่างกายไม่แข็งแรง ก็ต้องเตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พร้อมด้วย

ส่วนลูกกิฟท์นั้นพยายามที่จะให้บริการดีที่สุด ก็คือจองโรงแรมระดับ ๔ ดาว ๕ ดาวเลยทีเดียว แม้กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ทำให้ค่าทัวร์แพงเสียเปล่า ๆ" คุณลูกเธอก็บอกว่า "ถือว่าเป็นสไตล์ของทางเติมเต็มทราเวลก็แล้วกัน" คือ"กินหรู อยู่สบาย บริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า" กระผม/อาตมภาพเองที่ไปโดยมีคนอื่นควักกระเป๋าจ่าย ก็เลยเถียงไม่ออก ได้แต่เตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปเท่านั้น

ยังโชคดีที่ว่าอีกไม่กี่วันจะมีการทดสอบเบื้องต้น ก็คือเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่งที่ประเทศอินเดีย ในช่วงที่ขึ้นไปลุมพินีนั้น อากาศน่าจะไม่หนีจากบริเวณที่เราจะเดินทางไปในมณฑลยูนนาน โดยเฉพาะแถวลี่เจียงหรือแชงกรีล่า ซึ่งตรงนี้ก็เท่ากับว่ากระผม/อาตมภาพมีโอกาสที่จะอุ่นเครื่องตัวเอง ให้เคยชินกับสภาพอากาศเสียก่อน

เรื่องตลกก็คือว่าอากาศ ๑๐ กว่าองศาเซลเซียสที่ทองผาภูมิ รู้สึกหนาวกันแทบตาย แต่พอไปในสถานที่อากาศติดลบเข้าจริง ๆ เดินไปเดินมา กลับร้อนจนเหงื่อแตกพลั่ก ต้องบอกว่าบรรดาเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายท่านรักพวกเรามาก ถ้าหากว่ามีการอุทิศส่วนกุศลให้ก่อน แล้วขอความช่วยเหลือจากท่าน ก็มักจะได้รับความเมตตาอยู่เสมอ ต้องขออนุญาตเจริญพรขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วย

ถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะมีการขี่ม้าเพื่อขึ้นไปบนยอดเขาหิมะมังกรหยก แต่สมัยนี้เขาไม่ให้ใช้ม้าแล้ว เนื่องเพราะว่าทางการจีนเขาจัดกระเช้าให้ขึ้นไปข้างบน ทำให้บรรดาผู้ที่ไปกับคณะทัวร์ จะอายุมาก อายุน้อยเท่าไร ก็สามารถขึ้นไปพิชิตยอดเขาหิมะมังกรหยกได้ แม้ว่าถ้าเดินไม่ไหว ไม่สามารถจะไปถึงจุดสูงสุดได้ อย่างน้อย ๆ ระดับ ๔,๐๐๐ กว่าเมตร ท่านก็ไปยืนเต๊ะท่าถ่ายรูปอวดชาวบ้านเขาได้แล้ว เพียงแต่อย่าถ่ายให้ติดกระเช้าก็พอ คนอื่นเขาไม่รู้หรอกว่าเราขึ้นไปแบบไหน..!?

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว