กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-11-2025, 19:46
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 605
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 28,784 ครั้ง ใน 1,093 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-11-2025, 22:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,498
ได้ให้อนุโมทนา: 160,650
ได้รับอนุโมทนา 4,519,187 ครั้ง ใน 37,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ก่อนอื่นต้องเจริญพรขอบคุณคณะญาติโยมทุกท่าน ที่ร่วมกันบูชาวัตถุมงคล และร่วมกันบริจาคสร้างหอพักนักเรียนหญิงบ้านไกล ให้กับทางโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ซึ่งขาดปัจจัยอยู่ ๑ ล้านกว่าบาท จากจำนวนที่ท่านทั้งหลายบูชาวัตถุมงคลก็ดี โอนปัจจัยเข้ามาทำบุญโดยไม่รับวัตถุมงคลก็ตาม ถ้าหากว่าโอนครบถ้วน ยอดเงินก็ได้ตามที่ต้องการแล้ว ขอให้ทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังโดยทั่วหน้ากันทุกท่านทุกคนเทอญ

ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ กระทู้บอกบุญของโครงการรักษ์ธรรมรักษ์ไทย ก็น่าจะปิดตัวลงสิ้นเดือนนี้เลย เพราะว่าโดยปกติแล้ว เราจะสร้างถาวรวัตถุที่เป็นสาธารณประโยชน์ให้กับโรงเรียนและสถานที่ต่าง ๆ ปีละ ๑ อย่าง ส่วนใหญ่แล้วก็ต้องรอจนกระทั่งเกือบถึงวันเด็กแล้วค่อยปิดกระทู้ แต่งวดนี้ทุกท่านให้ความร่วมมือ ในการสร้างวิหารทานบวกธรรมทานนี้ได้เร็วมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราได้เงินครบแล้วก็จะปิดกระทู้ไปเลย พบกันอีกครั้งก็ปีหน้า ใครที่ต้องการมีส่วนร่วมบุญ สามารถโอนได้จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ นี้ ไม่สามารถที่จะโอนยาวไปจนใกล้วันเด็กเหมือนกับทุกปี

สำหรับช่วงวันนี้ กระผม/อาตมภาพเดินทางกลับมาวัดท่าขนุน ไม่สามารถจะทำความเร็วได้เลย เนื่องเพราะว่าญาติโยมทั้งหลายเดินทางมาเที่ยวทองผาภูมิกันมาก โดยเฉพาะบางท่านที่พบกันกลางทางระหว่างที่แวะเข้าห้องน้ำ เมื่อทราบว่ากระผม/อาตมภาพอยู่ทองผาภูมิก็บอกว่า "ถ้าหากท่านจะไปขุดทอง ช่วยบอกด้วยนะครับ" แสดงว่าเรื่องยอดเขาแหลมกลายเป็นสีทอง สร้างชื่อเสียงให้กับทองผาภูมิ จนเป็นแหล่งเที่ยวได้มากเป็นพิเศษ

แล้วก็มีอาจารย์บางท่านที่บอกว่า "เป็นเพราะแสงอาทิตย์ทอทาบลงบนยอดเขาพอดี จนเกิดภาพแบบนั้นได้" ถ้าหากว่าเป็นยอดเขาหิมะ กระผม/อาตมภาพจะไม่เถียง เพราะว่าเจอด้วยตนเองมาหลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นยอดเขาที่มีแต่ต้นไม้เขียว ๆ แสงอาทิตย์ลงอย่างไรก็เป็นสีทองอร่ามแบบนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะยอดเขารอบข้างก็มีอยู่ แล้วทำไมเป็นสีทองอยู่แค่ที่เดียว ?!

ดังนั้น..บางเรื่องถ้าพยายามจะเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรือทางโลกมาอธิบาย ก็กลายเป็นขยายความโง่เสียเปล่า ๆ แต่ก็เห็นอาจารย์ท่านนี้พยายามที่จะขยายความโง่อยู่บ่อย ๆ ต้องแล้วแต่ท่านก็แล้วกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2025 เมื่อ 19:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-11-2025, 22:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,498
ได้ให้อนุโมทนา: 160,650
ได้รับอนุโมทนา 4,519,187 ครั้ง ใน 37,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องบางอย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นอจินไตย ก็คือเรื่องที่ไม่ควรคิด ได้แก่


เรื่องที่ ๑ พุทธวิสัย ความสามารถขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่สร้างบารมีมาอย่างน้อยก็ ๒๐ อสงไขย กับอีกหลายแสนมหากัป เนื่องเพราะว่าพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้เร็วที่สุด ก็คือพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะ เป็นผู้ชำนาญ ถนัดในด้านการใช้ปัญญา จึงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณได้เร็วที่สุด

แต่กระนั้นก็ตาม บาลีก็ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า จิตติตัง สัตตะสังเขยยัง ก็คือคิดว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้า ก็ปาไป ๗ อสงไขยกัปแล้ว นวะสังเขยยะ วาจะกัง ออกปากว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้า อีก ๙ อสงไขยกัป แล้วท้ายที่สุดก็คือปฏิบัติกาย วาจา ใจ เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง ทุ่มเท ชนิดที่แลกด้วยชีวิต ก็คือผ่าอก ควักหัวใจ ควักดวงตา ตัดแขน ตัดขา เชือดเนื้อตัวเอง ตัดศีรษะตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทานบารมีก็ดี เป็นพุทธบูชาก็ตาม อีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป ก็แปลว่าหลักสูตรที่สั้นที่สุด พระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญบารมีอย่างน้อย ๒๐ อสงไขย กับอีก ๑ แสนมหากัป..!

ขอยืนยันคำว่า "มหากัป" ไม่ใช่ "อันตรกัป" อันตรกัปคือรอบของกัปทั่วไป อรรถกถาจารย์ท่านอธิบายไว้ว่า ตั้งเลข ๑ ขึ้นมา แล้วต่อด้วยเลข ๐ จำนวน ๑๔๐ ตัว เป็นตัวเลขที่ต้องใช้ยกกำลังเท่านั้น ผ่านไป ๑๐๐ ปีลดลง ๑ ปี ผ่านไป ๑๐๐ ปีลดลง ๑ ปี จนกระทั่งเหลือแค่หลักสิบ แล้วผ่านไป ๑๐๐ ปี เพิ่มไป ๑ ปี ผ่านไป ๑๐๐ เพิ่มไป ๑ ปี จนขึ้นไปเป็น ๑๔๑ หลักตามเดิม จึงจะได้ ๑ รอบอันตรกัป..!

ที่บาลีท่านเปรียบเอาไว้ว่า มีภูเขาที่เป็นศิลาแท่งทึบ ประกอบด้วยเนื้อหินล้วน กว้าง ๑ โยชน์ ยาว ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ก็คือด้านละ ๑๖ กิโลเมตร เพราะว่า ๒๐ วาเป็น ๑ เส้น ๔๐๐ เส้นเป็น ๑ โยชน์ ก็แปลว่า ๑ โยชน์เท่ากับ ๘,๐๐๐ วา ก็คือ ๑๖,๐๐๐ เมตร ในเมื่อหักกลบลบล้างว่า ๑,๐๐๐ เมตรเท่ากับ ๑ กิโลเมตร ก็จะได้ด้านละ ๑๖ กิโลเมตร

ระยะเวลา ๑๐๐ ปี เทวดาเอาผ้าเนื้ออ่อนเหมือนสำลีมาลูบภูเขานั้นครั้งหนึ่ง ๑๐๐ ปีมาลูบภูเขานั้นครั้งหนึ่ง จนภูเขานั้นสึกเสมอพื้น ท่านว่ายังไม่ได้ ๑ รอบอันตรกัปดี..! แล้ว ๖๔ รอบอันตรกัปจะเท่ากับ ๑ อสงไขยกัป ๔ อสงไขยกัป เท่ากับ ๑ มหากัป ก็แปลว่า ๑ มหากัป ท่านทั้งหลายจะต้องรอจนกว่าจะลูบภูเขาสึกเสมอพื้นไป ๒๕๖ ลูกเป็นอย่างน้อย..!

แล้วผู้ที่สร้างบุญสร้างบารมีมาขนาดนั้น ความสามารถของพระองค์ท่านไม่ใช่สิ่งที่เราจะจินตนาการถึง อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ในสีสปาสูตรว่า สิ่งที่พระองค์ท่านรู้เหมือนกับใบไม้ทั้งป่า แต่ที่เอามาตรัสสอนเพื่อประโยชน์สุขในปัจจุบัน เพื่อประโยชน์สุขในอนาคต และเพื่อประโยชน์สูงสุดนั้น เป็นแค่ใบไม้กำมือเดียว ใบไม้กำมือเดียวของพระองค์ท่านคือ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2025 เมื่อ 00:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-11-2025, 22:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,498
ได้ให้อนุโมทนา: 160,650
ได้รับอนุโมทนา 4,519,187 ครั้ง ใน 37,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องที่ ๒ คือฌานวิสัย ความสามารถของผู้ทรงฌาน ทรงสมาบัติ ถ้าเราทำไม่ได้ ไม่มีทางที่จะจินตนาการถึงว่าทำไมท่านถึงผาดแผลงสำแดงฤทธิ์ได้พิลึกพิลั่นอัศจรรย์ขนาดนั้น ?!

เรื่องที่ ๓ กรรมวิบาก การส่งผลของกรรม เราทำอะไรย่อมได้รับผลเช่นนั้น จนกระทั่งบางทีก็คิดไม่ถึงว่า แค่ความคิดหรือคำพูดก็ส่งผลต่อชาติต่อไปแล้ว อย่างเช่นบุคคลที่เกิดมาตัวติดกันแบบแฝดสยาม หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเมตตาบอกว่า "เกิดจากที่ชาติก่อนอธิษฐานว่า เกิดมาแล้ว
จะไม่พรากจากกัน..!"

เรื่องสุดท้ายคือโลกจินไตย ความเป็นไปของโลก คำว่าโลกในที่นี้ ไม่ใช่แค่โลกของเราเท่านั้น แต่ก็คืออวกาศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโลกก็ดี ระบบสุริยะจักรวาลก็ตาม ตลอดจนกระทั่งไปถึงเนบิวลา กาแล็กซี่ ยูนิเวิร์สต่าง ๆ ทำไมก่อเกิดขึ้นมาได้ ? พระองค์ท่านตรัสว่า "ผู้ที่คิดพึงมีส่วนของความเป็นบ้า..!" บาลีท่านใช้คำว่า "อุมฺมตฺตกภาโค"

อย่างที่นักเรียนบาลีหลายคนโดยรุ่นพี่เขาหลอก ให้ท่องพระคาถาเพื่อเรียนบาลีเก่ง ทุกวันต้องตื่นขึ้นมาล้างหน้าก่อนอีกาบินผ่านน้ำ ก็แปลว่าต้องตื่นแต่เช้ามืด เนื่องเพราะว่าใกล้อรุณ อีกาก็ออกหากินแล้ว ตักน้ำมาแล้วก็ภาวนาว่า "อหํ อุมฺมตฺตโก โหมิ" ล้างหน้าทุกวันแล้วจะเรียนบาลีเก่ง แล้วก็ต้องเก่งจริง ๆ เพราะไปแปลได้ทีหลังว่า "ขอให้กูเข้าถึงความเป็นบ้า..!"

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ถ้าเราพยายามจะเอาความรู้ทางโลก ๆ มาอธิบาย ก็เสียเวลาเปล่า ฟังแล้วก็ต้องใช้คำว่า สมัยนี้เขาใช้คำว่าอะไร ? ใช้คำว่า "ไม่เก็ท" "ไม่เมกเซ้นท์" ใช่ไหม ? เพราะว่าเขาอธิบายตามความรู้ในลักษณะอนุมานเอาบ้าง ตามตรรกะบ้าง ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้แล้วว่าอย่าพึงเชื่อ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2025 เมื่อ 00:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-11-2025, 22:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,498
ได้ให้อนุโมทนา: 160,650
ได้รับอนุโมทนา 4,519,187 ครั้ง ใน 37,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไล่ตั้งแต่ มา ปรมฺปราย อย่าเชื่อเพราะถืออย่างนั้นสืบ ๆ กันมา

มา อิติกิราย อย่าเชื่อเพราะเขาลือกันว่าอย่างนั้น

มา นยเหตุ อย่าเชื่อเพราะตรึกแล้วเข้ากับความเชื่อเดิมของเรา

มา ตกฺกเหตุ อย่าเชื่อเพราะพิจารณาแล้วว่าเป็นเหตุเป็นผล

ไล่ไปจนถึงข้อสุดท้าย มา สมโณ โน ครูติ อย่าเชื่อเพราะสมณะนี้เป็นครูของเรา..!

ก็คือให้ปฏิบัติจนเกิดผลแล้วค่อยเชื่อ ไม่ใช่กูค้านไปเสียทุกเรื่อง..! ไอ้พวกค้านทุกเรื่องนั่นเขาถือว่าโง่จัด คนที่ฉลาดจริง ต้องพิสูจน์ทราบเสียก่อนแล้วค่อยเชื่อ

ดังนั้น..การท่องเที่ยวทองผาภูมิของเรา "บูม" กลับขึ้นมา ไม่ใช่เพราะเป็น "ไฮซีซั่น" เฉย ๆ แต่เป็นเพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ผิดแปลกจากที่อื่น ทำให้ผู้คนอยากจะมาสัมผัสด้วยตนเอง ความจริงใครจะปีนขึ้นยอดเขานั้นก็ได้ สมัยก่อนพวกกระผม/อาตมภาพกับคุณป้านิภา คงสุขและคณะ ได้นำเอาพระพุทธรูปไปไว้ที่ถ้ำบนยอดเขาแหลมนั้นด้วย ลองขึ้นไปดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่าก็น่าจะดี แต่ต้องขออภัย..ขึ้นยากกว่ายอดเขาพระพุทธบาทของเราหลายเท่า..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2025 เมื่อ 00:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว