กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-08-2025, 16:52
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 570
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 27,528 ครั้ง ใน 1,058 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-08-2025, 23:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,064
ได้ให้อนุโมทนา: 159,960
ได้รับอนุโมทนา 4,504,163 ครั้ง ใน 36,675 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพต้องเตรียมพร้อมตั้งแต่เช้า เนื่องเพราะว่ามีงานบวงสรวง เพื่อขออนุญาตยกเพชรยอดมงกุฎถวายองค์พระวิสุทธิเทพ ในพระจุฬามณีเจดีย์สถาน วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ หมู่ที่ ๑ บ้านแม่ป่าไผ่ ตำบลป่าไผ่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

เมื่อถึงเวลา ทางวัดนำเอา "รถกอล์ฟ" หรือว่า "รถไฟฟ้า" มารับกระผม/อาตมภาพไปยังด้านสวนลำไย ซึ่งเป็นที่ตั้งพระจุฬามณีเจดีย์สถานของทางวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ซึ่งรอบบริเวณพระจุฬามณีเจดีย์สถานนั้น มีการปูหญ้าเทียมไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่เนื่องจากว่าฝนตกต่อเนื่องกันมาหลายคืน ก็เลยออกไปในแนว "หญ้าเน่า" เสียมากกว่า..!

เมื่อตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ เดินทางมาถึง กระผม/อาตมภาพรับท่านเข้าที่นั่งแล้วก็นั่งรอเวลา ซึ่งน่าจะเป็นการให้ฤกษ์โดยท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิลังการ์ เนื่องเพราะว่าใช้ฤกษ์ ๐๗.๐๘ น.

ครั้นถึงเวลา ตุ๊พ่อสิงห์ก็ให้กระผม/อาตมภาพเป็นผู้จุดธูปเทียนและทำบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งการบวงสรวงนั้น ตั้งแต่กระผม/อาตมภาพออกจากวัดท่าซุงมาปีแรก ก็ตก ๓๐ กว่าปีมาแล้ว ทำการบวงสรวงโดยใช้เสียงตัวเองมาโดยตลอด เนื่องเพราะว่าด้วยความเคารพในครูบาอาจารย์ จึงได้ทำการเปิดเสียงที่บันทึกไว้ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ในการทำบวงสรวงขออนุญาตสร้างสำนักปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี ได้ยินเสียงท่านพูดเข้าหูมาอย่างชัดเจนว่า "พวกแกใช้ข้าจนตายแล้ว ยังจะใช้ต่ออีกหรือ..!?" ซึ่งตรงนี้หมายความว่า ควรที่จะทำเองได้แล้ว..!

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระผม/อาตมภาพก็ทำการบวงสรวงโดยใช้เสียงตัวเอง แล้วก็ได้รับเคล็ดลับต่าง ๆ ที่ท่านค่อย ๆ บอกทีละเล็ก ทีละน้อย ว่าทำอย่างไรการบวงสรวงถึงจะได้ผลดีมาก

อย่างเช่นวันนี้ ฝนฟ้าที่ควรจะตกกระหน่ำทั้งวัน ก็อุตส่าห์เว้นช่วงให้ โดยที่พระครูปลัดฟลุก (พระครูปลัดธีร์นวัช ญาณสิทฺธิวาที) เจ้าอาวาสวัดยางกวง จังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่า "ทางเชียงใหม่ ฝนกำลังกระหน่ำอยู่เลยครับ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2025 เมื่อ 00:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-08-2025, 23:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,064
ได้ให้อนุโมทนา: 159,960
ได้รับอนุโมทนา 4,504,163 ครั้ง ใน 36,675 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทำการบวงสรวงบอกกล่าวขออนุญาต และขอความสะดวกในงานเรียบร้อยแล้ว ก็มาดูการฟ้อนบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งบรรดาช่างฟ้อนนั้น มีทั้งการฟ้อนดาบ ที่ภาษาเหนือเรียกว่า "ฟ้อนเจิง" เท่าที่พบมาก็เป็นการฟ้อนโดยผู้ชาย แต่ที่นี่เป็นเด็กผู้หญิง..! นอกจากจะฟ้อนดาบแล้ว ยังมีการพ่นไฟอีกด้วย..! ส่วน "นางรำ" ซึ่งเป็น "นายรำ" ไปครึ่งหนึ่ง ก็มาแสดงการฟ้อนตามวัฒนธรรมล้านนาของตน เป็นการแสดงที่ดูแล้วรู้สึกว่าเจริญตาเจริญใจมาก กระผม/อาตมภาพแจกรางวัลไปคนละ ๑,๐๐๐ บาท หมดไปทั้งสิ้น ๙,๐๐๐ บาทถ้วนพอดี..!

หลังจากนั้นก็ช่วยกันพยุงตุ๊พ่อสิงห์ขึ้นสู่ชั้น ๒ ของพระจุฬามณีเจดีย์สถาน จุดธูปเทียนบูชาองค์พระวิสุทธิเทพ แล้วทางเจ้าภาพก็ได้นำเอาบริเวณที่ตั้งของเพชรยอดมงกุฎ ซึ่งมีส่วนสำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุด้วย มาให้กระผม/อาตมภาพทำการบรรจุ จากนั้นนั่งฟังพระเจริญพระพุทธมนต์จนได้เวลา กระผม/อาตมภาพก็ขึ้นไปทำการสวมเพชรยอดมงกุฎ ถวายแด่องค์พระวิสุทธิเทพ

เมื่อขึ้นไปข้างบนถึงได้รู้ว่าองค์พระวิสุทธิเทพนั้นใหญ่มากจริง ๆ เนื่องเพราะว่าเพชรยอดมงกุฎนั้น ดูด้วยสายตา อย่างน้อยส่วนที่สวมลงไปก็กว้างเกือบ ๑ ฟุต แต่พอลงมาข้างล่างแล้วมองกลับขึ้นไป เห็นเล็กนิดเดียวเท่านั้น เมื่อทำการกรวดน้ำ รับพรเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็โยกย้ายกลับไปทางศาลาพระราชพรหมยาน ของฝั่งวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ นั่งอนุเคราะห์สงเคราะห์รับสังฆทานจากญาติโยมทั้งหลาย

เมื่อได้เวลา กระผม/อาตมภาพก็นำตุ๊พ่อสิงห์เข้าสู่ซุ้มสืบชะตา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ได้ทำการจุดเทียนค่าคิง เทียนวิปัสสี เทียนมหามงคล เทียนขันแก้ว ๕ โกฐาก เทียนธาตุทั้ง ๔ และเทียนน้ำมนต์ของบรรดาพระเถระภาวนาจารย์ซึ่งมาร่วมอธิษฐานจิต

ตั้งแต่ท่านพระครูพิศาลสันติคุณ หรือหลวงพ่อบุญส่ง วัดเขาแร่ในพระสังฆราชูปถัมภ์ จังหวัดสุโขทัย

หลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร

ครูบาวิฑูรย์ ชินวโร ประธานที่พักสงฆ์ปรียนันท์ธรรมสถาน จังหวัดนครสวรรค์

พระปลัดเอกลักษณ์ ปญฺญาคโม เจ้าอาวาสวัดพุทธพรหมยาน จังหวัดฉะเชิงเทรา

ท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิลังการ์ จังหวัดสิงห์บุรี

และตัวกระผม/อาตมภาพเอง ก็แปลว่า "เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว" เนื่องเพราะว่าแม้กระทั่งธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยที่โต๊ะหมู่ก็ได้รับเชิญให้จุดด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2025 เมื่อ 00:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-08-2025, 23:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,064
ได้ให้อนุโมทนา: 159,960
ได้รับอนุโมทนา 4,504,163 ครั้ง ใน 36,675 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่ออธิษฐานปลุกเสกวัตถุมงคลเสร็จเรียบร้อย ก็ได้ทำน้ำมนต์พรมทั่วบริเวณพิธี โปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา รับไทยธรรมจากเจ้าภาพแล้วก็ขอตัวเดินทางกลับ เนื่องเพราะว่าคืนนี้ก่อนสว่างต้องกลับให้ถึงวัดท่าขนุน เนื่องจากหมดเขต "สัตตาหะกรณียะ" พอดี ก่อนสว่างวันนี้จะต้องถึงวัด รอจน "ได้อรุณ" แล้ว ถึงได้ทำการขอสัตตาหะฯ ครั้งใหม่ เพื่อที่จะเดินทางไปงานต่าง ๆ ต่อไป

ต้องบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงโหดมากในชีวิต เนื่องจากว่าต้องตรวจยกหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต่อเนื่องกัน จากภาค ๑๓ ก็คือ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และ ตราด มาเป็นภาค ๑๔ ก็คือ นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และ สมุทรสาคร โดยมีงานสืบชะตาอายุวัฒนมงคล ๘๘ ปีของตุ๊พ่อสิงห์คั่นกลางอยู่ ก็คือไม่มีเวลาเว้นวรรคให้หายใจเลย..!

แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำ เนื่องเพราะว่าตุ๊พ่อสิงห์นอกจากจะเป็นรุ่นพี่ รุ่นครูบาอาจารย์ที่กระผม/อาตมภาพเคารพนับถือเป็นการส่วนตัวแล้ว ท่านยังเป็นหลักให้กับคณะศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงทางภาคเหนือนี้อีกด้วย

ในส่วนนี้ทุกท่านจะเห็นว่าในเรื่องของพระพุทธศาสนานั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะว่าเป็นหลักชัย เป็นหลักยึด ให้กับญาติโยมทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรม โดยเฉพาะหลักของศีล ๕ ซึ่งเป็นแม่บทของกฎหมายทั่วโลก

ไม่มีใครอยากให้เขามาฆ่าเรา มาทำร้ายเรา ดังนั้น..เราก็ไม่ควรที่จะไปฆ่าใคร หรือทำร้ายใคร

ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาลักขโมย หยิบฉวยช่วงชิงสิ่งของของเรา เราก็ไม่ควรที่จะไปหยิบฉวยช่วงชิงสิ่งของของใคร

ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาช่วงชิงคนที่รักของตนเอง เราก็ไม่ควรที่จะไปช่วงชิงคนรักของใคร

ไม่อยากให้เขามาโกหกหลอกลวงเรา เราก็ควรที่จะพูดคำสัตย์คำจริง

ไม่มีใครอยากจะเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ ขาดสติสัมปชัญญะ เราก็ไม่ควรที่จะย้อมใจตนเองด้วยสุรายาเสพติด
เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2025 เมื่อ 00:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 24-08-2025, 23:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,064
ได้ให้อนุโมทนา: 159,960
ได้รับอนุโมทนา 4,504,163 ครั้ง ใน 36,675 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลักธรรมเบื้องต้นก็คือศีล ๕ นี่แหละ ที่พระภิกษุสามเณรของเราต้องนำไปเผยแผ่ และมอบให้กับญาติโยมทุกคนที่เข้าสู่วัดวาอาราม เมื่อจะทำบุญประกอบกิจกองบุญการกุศลใด ๆ ก็ตาม เราจะเห็นว่ามีการสมาทานศีลก่อนทุกครั้ง ก็แปลว่าสถาบันศาสนาของเรา เป็นสถาบันที่สร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติอย่างแน่นแฟ้น เนื่องเพราะว่าถ้าคนไม่ละเมิดศีล ๕ ก็แทบจะอยู่ภายใต้กฎหมายทุกข้ออยู่แล้ว

แต่ก็ยังมีบุคคลที่ต้องบอกว่า "ไอคิวเตี้ย ไอเดียต่ำ ปัญญานิ่ม" ไม่เห็นคุณประโยชน์ของพระพุทธศาสนา ไม่เห็นคุณประโยชน์ของพระภิกษุสามเณร แล้วมากล่าวจาบจ้วงต่าง ๆ นา ๆ ทั้ง ๆ ที่
หลักเบื้องต้นแค่การรักษาศีล ก็ช่วยประเทศชาติไปได้เกินครึ่งแล้ว ถ้ายังมีหลักของสมาธิและการภาวนาเข้าไปอีก ท่านทั้งหลายก็จะรู้จักระงับยับยั้งไม่ก่อกรรมทำชั่วต่าง ๆ ช่วยให้สังคมของเราสงบสุขร่มเย็น ไม่ใช่ถึงเวลาก็อ้างหลักของศาสนาที่ต้องเข่นฆ่าผู้อื่นแล้วตนเองได้บุญ ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนั้น พิจารณาอย่างไรก็ไม่น่าจะใช่..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่บรรดาท่านทั้งหลายกล่าวหาพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาว่า อยู่ในลักษณะของภัยคุกคาม ก็คงจะอยู่ในลักษณะของภัยคุกคาม เพราะว่าช่วยให้ประเทศชาติเป็นปึกแผ่นแน่นหนา จนท่านไม่สามารถที่จะแทรกเข้ามา เพื่อที่จะสร้างความแตกร้าวขึ้นภายในสังคมของเรา แล้วจะได้ฉวยโอกาสเข้ามาครอบงำ ดังนั้น..ถ้าท่านทั้งหลายคิดในลักษณะนี้ จะหาว่าพระภิกษุสงฆ์ของเราเป็นภัยคุกคาม ก็ย่อมถูกต้องในสายตาของท่าน

แต่ว่าแค่เบื้องต้นของเราที่พระสงฆ์จะต้องปฏิบัติสารพัดหน้าที่ โดยที่แทบจะไม่มีงบประมาณมาสนับสนุนเลย หรืออย่างที่กระผม/อาตมภาพรับงบประมาณโครงการลานบุญ ลานปัญญา ตามโครงการของทางราชการมา ๒,๕๐๐ บาท แต่ต้องทำเอกสารรายงานผลการปฏิบัติงานตลอด ๔ ไตรมาส ก็คือ ๓ เดือนรายงานทีหนึ่ง แค่ค่ากระดาษอย่างเดียวก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว..!

ท่านทั้งหลายยังเกรงว่าพระสงฆ์ของเรายังจะร่ำรวยไปอีก ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่ท่านเห็นนั้นเป็นแค่ส่วนน้อย เพราะว่าวัดวาอารามนั้น ๆ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีครูบาอาจารย์เป็นที่เคารพนับถือ ญาติโยมทั้งหลายจึงไปทำบุญด้วยศรัทธา แต่สามารถที่จะกล่าวว่าเป็นการให้โดยเสน่หา ซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายข้อใดเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังโดนกล่าวหาว่าเป็นภัยคุกคาม ท่านทั้งหลายคิดว่ากล่าวแบบนี้แล้วยุติธรรมอยู่หรือ ?
เรื่องพวกนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าบุคคลที่เชื่อถือก็ยังเชื่อถือต่อไป ส่วนบุคคลที่ไม่เชื่อถือ พูดจน "ปากฉีกถึงหู" ตามโบราณเขาว่า ก็ยังคงไม่เชื่อถือต่อไป

แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพไม่ได้กังวลใจ เพราะว่า
สิ่งที่ท่านคิด สิ่งที่ท่านพูด และสิ่งที่ท่านทำ จะแสดงผลให้อย่างชัดเจนหลังจากที่ท่านสิ้นชีวิตไปแล้ว ถึงเวลานั้น..ต่อให้ท่านสำนึกเสียใจ ก็น่าจะไม่ทันการแล้ว..! กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่เอาใจช่วยว่า ขอให้ท่านทั้งหลายสามารถมีความเป็นสัมมาทิฏฐิ รู้จักขอขมากรรมต่าง ๆ ที่ตนเองได้ล่วงเกินไปแล้ว ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ท่านจะได้รับในโลกหน้า ก็ค่อนข้างที่จะอเนจอนาถและยาวนานจนคิดไม่ถึง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2025 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:34



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว