กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-08-2025, 18:24
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 561
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 27,161 ครั้ง ใน 1,049 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-08-2025, 22:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,968
ได้ให้อนุโมทนา: 159,519
ได้รับอนุโมทนา 4,500,631 ครั้ง ใน 36,579 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ จนป่านนี้ ในเรื่องที่ สส.พรรคหนึ่งออกมากล่าวจาบจ้วงพระสงฆ์จนกระทั่งพระพุทธศาสนา และอภิปรายเพื่อตัดงบประมาณทุกอย่าง ก็ยังไม่มีพระเถระที่เป็นระดับผู้ใหญ่พอออกมาพูดถึงเลยแม้แต่รายเดียว ส่วนใหญ่ก็เป็นปลาซิวปลาสร้อยอย่างกระผม/อาตมภาพนี่เอง..!

เป็นเรื่องที่น่าหนักใจมากว่า
ในเรื่องที่ผู้อื่นรุกรานพระพุทธศาสนาที่เหมือนกับเป็นบ้านซึ่งท่านอาศัยอยู่ แต่ว่าท่านซึ่งเป็นใหญ่ในบ้าน แทนที่จะออกไปป้องปราม หรือว่าปราบปราม ต่อให้ไม่ออกไปป้องปราม หรือว่าปราบปรามเอง ก็สั่งผู้น้อยหรือเด็กในบ้านก็ได้ แต่ท่านกลับไม่ทำอะไรกันเลย นอกจากมองเด็ก ๆ ไปกระโดดโลดเต้น ซึ่งการที่เด็กออกไปแทนแบบนี้ โจรที่คิดจะปล้นบ้านท่านย่อมไม่มีความเกรงใจอยู่แล้ว..!

ท่านทั้งหลายอย่าไปหลงติดในวาทกรรมคำว่า "พหุวัฒนธรรม" ถ้าไปแตะต้องแล้วจะเกิดการแตกความสามัคคีในประเทศ เนื่องเพราะว่าวาทกรรมนี้เป็นการตีกินเอาข้างเดียว ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งฉวยโอกาสยกทุกอย่างขึ้นมา เพื่อที่จะอุดปากพวกเราเอาไว้ไม่ให้ถกเถียง แล้วก็หลอกกินไปทุกเรื่อง ประมาณว่าหลอกด่าพวกเราว่าโง่เสียด้วยซ้ำไปในการประชุมของพวกเขา ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็เริ่มเห็นด้วยกับคำด่าของเขาแล้ว
เนื่องเพราะว่าท่านทั้งหลายวางเฉยในเรื่องที่ไม่ควรวางเฉยนั่นเอง..!

เพียงแต่ว่าวันนี้กระผม/อาตมภาพมีภารกิจ ต้องไปงานสวดพระอภิธรรมของพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ (พูลศักดิ์ ปญฺญาวุโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขื่อนวชิราลงกรณ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งมีการสวดพระอภิธรรมเป็นคืนสุดท้าย หลังจากนั้นก็จะไปทำพิธีพระราชทานเพลิง ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคมปีนี้ ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้ กระผม/อาตมภาพตรากตรำงานมากจนเกินไป พอช่วงค่ำมาลาเรียเรื้อรังก็กำเริบอยู่ทุกวัน ทำให้ออกงานไม่ได้

วันนี้เป็นตายอย่างไรก็ต้องไป เพราะว่าเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงกันด้วย เป็นพระเถระซึ่งเป็นเจ้าคณะปกครองระดับสูงของอำเภอทองผาภูมิด้วย ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนตามเวลา จึงต้องมาทำการบันทึกก่อนเวลาอยู่ในขณะนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2025 เมื่อ 00:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-08-2025, 22:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,968
ได้ให้อนุโมทนา: 159,519
ได้รับอนุโมทนา 4,500,631 ครั้ง ใน 36,579 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าเรื่องที่จะกล่าวถึงนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ท่านผู้แทนราษฎรซึ่งทรงความเกลียดชังบรรดาพระสงฆ์ของเราทั้งหลาย หากแต่ว่าจะกล่าวถึงในเรื่องทุเรียนของอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะโดนพ่อค้ามาเหมาหมดสวนจนไม่มีเหลือ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นคนทองผาภูมิ ก็ไม่แน่ว่าจะมีทุเรียนทองผาภูมิไว้กินเอง..!

จนกระทั่งมีพ่อค้าแม่ค้านำทุเรียนที่อื่นแทรกเข้ามาขายแทน หรือไม่ก็เป็นทุเรียนพื้นเมือง ซึ่งไม่ใช่พันธุ์ทองผาภูมิ คำว่าทุเรียนทองผาภูมินี้ก็คือทุเรียนหมอนทอง ซึ่งโดนดัดแปลงสายพันธุ์จากธรรมชาติ กลายเป็นทุเรียนที่เนื้อเนียน รสชาติหวานมันอร่อย กลิ่นจาง กลายเป็นว่าเคยชนะเลิศในการประกวดทุเรียนโลกมาแล้ว

ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าทำไมทุเรียนปีนี้จึงอยู่ในลักษณะมีจำหน่าย ? กระผม/อาตมภาพดูแล้ว เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน

สาเหตุแรกนั้นเกิดจากอากาศเปลี่ยนแปลง ทำให้ทุเรียนออกดอกหลายรุ่น บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เคยเหมาสวนแล้วตัดทีเดียวหมดสวน ไม่สามารถที่จะทำได้เหมือนเดิม เนื่องเพราะว่าทุเรียนออกหลายรุ่น ถ้าหากว่าตนเองเหมาไปแล้ว ไม่สามารถที่จะตัดได้ทีเดียว แค่ค่าขนส่งในการเดินทางหลายรอบก็แย่แล้ว

ประการที่สองก็คือต่างประเทศที่รับทุเรียนของเรา โดยเฉพาะประเทศจีน กำหนดมาตรฐานสูงขึ้นอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปุ๋ย เรื่องของยาก็ดี ถ้าหากว่ามีสารต้องห้าม เขาจะส่งคืนมาทั้งหมด ซึ่งถ้าส่งคืนมาก็คือเน่าเสีย ขาดทุนยับเยินอย่างแน่นอน เพราะว่าระยะทางเดินทางทางเรือกันหลายวัน

ประการต่อไป เมื่อมาตรฐานสูงขึ้น โอกาสที่จะพลาดมีมากขึ้น ทางล้งก็คือพ่อค้าผู้รับซื้อทุเรียน ก็ต้องมากดราคาทางสวนลงเพื่อชดเชยข้อผิดพลาดตรงนี้ พูดง่าย ๆ ว่าราคาต้องถูกลง เผื่อว่าตนเองพลาดแล้วขาดทุน ก็จะได้ขาดทุนน้อยลง จึงทำให้มีผู้ที่ยอมให้เหมาสวนน้อยลงไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2025 เมื่อ 00:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-08-2025, 22:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,968
ได้ให้อนุโมทนา: 159,519
ได้รับอนุโมทนา 4,500,631 ครั้ง ใน 36,579 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการต่อไปก็คือประเทศจีนเอง บริเวณเกาะไห่หนาน หรือที่เราเรียกว่าไหหลำ ซึ่งมีบรรยากาศคล้ายคลึงกับประเทศไทย มีการปลูกทุเรียนเองเป็นพัน ๆ ไร่ ซึ่งเริ่มให้ผลผลิตเองแล้ว ตลอดจนกระทั่งประเทศลาวและเวียดนาม ก็มีทั้งนักลงทุนภายในประเทศของตนเอง และพ่อค้าจีนไปร่วมลงทุน ทำการปลูกทุเรียนเป็นจำนวนมาก แล้วเขาสามารถที่จะขนส่งตรงเข้าประเทศจีนได้เลย ทำให้ทุเรียนสดใหม่กว่า เนื่องเพราะว่าลาวมีทางรถไฟความเร็วสูง ที่มุ่งตรงสู่ประเทศจีนเลย

ส่วนประเทศเวียดนามนั้น ทางด้านตอนเหนืออย่างเช่นเมืองหล่าวกายที่กระผม/อาตมภาพเรียกเล่น ๆ ว่า "เมืองเล้าไก่" ก็มีพรมแดนติดกับประเทศจีน สามารถที่จะขนส่งทางรถยนต์ถึงภายในวันเดียว จึงทำให้ได้เปรียบในเรื่องของการค้า ก็คือต่อให้ทุเรียนรสชาติยังไม่ได้อย่างของประเทศไทย แต่ด้วยความที่ประหยัดในการขนส่ง ราคาก็จะถูกกว่า พ่อค้าจีนย่อมรับซื้อในสิ่งที่ถูกกว่าแล้วไปขายในราคาเดิม ซึ่งแพงเท่ากับทุเรียนไทย ก็ทำให้ได้กำไรมากกว่า

จึงหาซื้อทุเรียนจากเมืองไทยน้อยลง เพราะว่าเมืองไทยเรามีการขนส่งทางเรืออย่างเดียว การขนส่งทางรถยนต์ จะผ่านประเทศลาวก็ดี ประเทศเวียดนามก็ดี ก็ยังเป็นระยะทางที่ไกลเกินไป และขนส่งได้ครั้งละไม่มากเหมือนทางเรือ เราจึงเสียเปรียบเขาทางด้านนี้

ประการสุดท้ายที่กระผม/อาตมภาพมองเห็น และบ่นทุกครั้งที่ได้เข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการจัดงาน เทศกาลผลไม้ของดีอำเภอทองผาภูมิ และสืบสานลานบ้านลานวัฒนธรรม ก็คือพ่อค้าของพวกเราไม่รู้หลักการค้า ถ้าเราขายราคาถูกลงแต่ขายได้มาก ก็เท่ากับกำไรมาก แต่นี่ท่านทั้งหลายกะจะเอารวยทีเดียว ขายทุเรียนกิโลกรัมละ ๑๘๐ บาทบ้าง ๒๐๐ บาทบ้าง ซึ่งราคานี้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคนจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สามารถที่จะเลือกซื้อในห้าง ชนิดที่เขาแกะเปลือกแล้วด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือราคานี้เป็นราคาประกันสินค้าเลย ว่าต้องได้ของดีแน่นอน ไม่ต้องมาลุ้นว่าเจอทุเรียนอ่อนหรือเปล่า ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2025 เมื่อ 00:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 16-08-2025, 22:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,968
ได้ให้อนุโมทนา: 159,519
ได้รับอนุโมทนา 4,500,631 ครั้ง ใน 36,579 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อท่านขายราคาสูง เขาต้องเดินทางไกลมาเพื่อที่จะกิน แล้วคิดว่ามีใครเขาอยากที่จะเดินทางบ้าง ? ในเมื่อเดินแค่ไม่กี่ก้าว เข้าห้างตามบ้านก็กินได้แล้ว ถ้าหากว่าเรายังไม่มีการปรับราคาลง ท้ายที่สุดก็หาลูกค้าไม่ได้ กลายเป็นทุเรียนล้นตลาดด้วยสาเหตุต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น

แต่ก็เป็นความโชคดีจากบรรดาคอทุเรียนที่ไม่ย่อท้อ เนื่องเพราะว่าพอมาแล้วก็ได้ทุเรียนราคาถูก ซึ่งในปัจจุบันนี้ ราคาอยู่ที่ประมาณ ๓ กิโลกรัม ๑๐๐ บาท ต่างกับราคาปีก่อน ๆ เหมือนฟ้ากับเหว..! แต่ว่าปีนี้ทุเรียนเนื้อหาก็ไม่ค่อยจะดีนัก เนื่องเพราะว่ามีฝนตกลงมาอย่างหนักเป็นช่วง ๆ ทำให้เกิดอาการ "ไส้ซึม" ก็คือเนื้อภายในบางส่วนเละ ไม่อร่อยเหมือนเดิม จึงยิ่งกลายเป็นซ้ำเติมสถานการณ์ให้หนักขึ้นไปอีก

ประกอบกับรัฐบาลของเราไม่มีฝีมือในการบริหารประเทศ ทำอะไรไม่เป็น แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี หรือว่ารัฐมนตรี จะทำอะไรแต่ละทีก็ต้องมองหน้าผู้ใหญ่เสียก่อนว่า "เรื่องนี้ควรที่จะทำได้หรือไม่ ?" ทำให้เศรษฐกิจตกสะเก็ด ผู้คนหางานทำยาก หาเงินยาก หลายต่อหลายรายก็กลายเป็นขายของไม่ออก เจ๊งระนาวไปตาม ๆ กัน ก็เลยทำให้ผู้คนเซฟตัวเอง ด้วยการไม่จำเป็นที่จะต้องกินของชอบของแพงก็ได้ จนกว่าที่จะพ้นระยะไปก่อน

แต่กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ถ้าจากที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกกล่าวมานั้น ระยะเวลาค่อนข้างที่จะยาวนานหลายปี ท่านทั้งหลายคงจะมีโอกาสปรับตัว เปลี่ยนกำลังใจของตนเอง ในการที่จะทำให้ทุเรียนทองผาภูมิ ซึ่งโด่งดังมาก ออกสู่ตลาดในฐานะสินค้าที่มีแต่คนแย่งกันซื้อ โดยที่ราคาไม่สูงมากนัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2025 เมื่อ 00:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 16-08-2025, 22:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,968
ได้ให้อนุโมทนา: 159,519
ได้รับอนุโมทนา 4,500,631 ครั้ง ใน 36,579 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ขณะเดียวกัน เมื่อ "อุปสงค์" มีมาก ความต้องการมีมาก "อุปทาน" ก็ต้องมากตามไปด้วย เพราะว่าบุคคลที่โลภ ก็จะไล่ปลูกทุเรียนกันชนิดไม่ทำอย่างอื่น แม้กระทั้งปัจจุบันนี้ ก็มีการโค่นสวนยางเพื่อปลูกทุเรียนกันเป็นจำนวนมากแล้ว ครั้นถึงเวลาของออกสู่ตลาดมาก ราคาก็จะตกลงไปอีก..!

เรื่องพวกนี้เป็นวงจรอุบาทว์ตามปกติ พูดง่าย ๆ ก็คือว่าเห็นเขารวยไม่ได้ ต้องการที่จะรวยด้วย แต่ว่าต้องขยับตัวให้เร็วหน่อย ถ้าขยับตัวช้า แทนที่จะรวยอาจจะกลายเป็นเจ๊งก็ได้..!

กระผม/อาตมภาพ
อยากจะให้ท่านทั้งหลายปลูกผัก ปลูกหญ้า พืชผลการเกษตรอื่น ๆ อยู่ในลักษณะเก็บขายได้ทุกวันบ้าง เก็บขายได้ทุกอาทิตย์บ้าง เก็บขายได้ทุกเดือนบ้าง และเก็บขายได้ทุกปีบ้าง ซึ่งเรื่องพวกนี้กระผม/อาตมภาพในฐานะที่เป็นพระ และได้แนะนำทุกท่านมาหลายปีแล้ว ก็คงจะไม่ขอกล่าวถึง ว่าพืชผลการเกษตรแต่ละประเภทมีอะไรบ้าง ให้ท่านไปศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง

รีบทำตอนนี้ ยังพอรับสถานการณ์เลวร้ายเหล่านี้ได้ทัน แต่ถ้าขยับตัวช้า นอกจากจะไม่ทันแล้ว ถึงเวลายังหากินไม่ได้อีกด้วย ก็จะทำให้ทุกคนต้องลำบากเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน ถ้าอยู่ในสภาวะเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็ได้กล่าวแค่ว่า เราเตือนคุณแล้ว..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เผือกน้อย : 17-08-2025 เมื่อ 05:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:34



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว