กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-08-2025, 18:00
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 561
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 27,161 ครั้ง ใน 1,049 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-08-2025, 22:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,968
ได้ให้อนุโมทนา: 159,519
ได้รับอนุโมทนา 4,500,631 ครั้ง ใน 36,579 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงวัดจันทรังษี หมู่ที่ ๙ บ้านไผ่ ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เพื่อทำการตรวจยกชุมชนบ้านไผ่ขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบประจำปี ๒๕๖๘

เมื่อไปถึงก็เจอหลวงพ่อวัชรินทร์ (พระครูพิทักษ์จันทรังษี) เจ้าอาวาสวัดจันทรังษี เจ้าคณะตำบลหัวไผ่มาต้อนรับ พร้อมกับนำไปกราบรูปหล่อหลวงพ่อสด - พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) วัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งหล่อด้วยโลหะใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักประมาณ ๔๐ ตัน..!

หลังจากนั้นไม่นาน บรรดาคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ก็ทยอยกันเดินทางมาถึง ทางวัดจันทรังษีจึงได้นิมนต์ให้ฉันภัตตาหารเช้าด้วยกัน เมื่ออิ่มแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ออกมาที่บริเวณเต็นท์นิทรรศการ ซึ่งทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลหัวไผ่ ได้จัดให้มีการแช่เท้าด้วยน้ำสมุนไพร ซึ่งบอกว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมาก

กระผม/อาตมภาพเมื่อเป็นคณะกรรมการในการตรวจประเมินด้านนิทรรศการ ก็ต้องมา "ลองของ" แต่ว่านิมนต์คณะกรรมการท่านใดท่านหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีใครยอมลองสักคนเดียว จึงต้องกลายเป็นคณะกรรมการตัวอย่าง หรือจะเรียกว่าเป็น "หนูลองยา" ก็ได้..!

เมื่อแช่เท้าและรับการทาครีมนวดเท้าซึ่งทำด้วยสมุนไพรต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็เข้าไปในบริเวณตรวจประเมิน ได้พบกับหลวงพ่อเจ้าคุณประเวช - พระสุวรรณวชิราทร (ประเวช สุทฺธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง เจ้าอาวาสวัดอ่างทอง วรวิหาร ท่านเจ้าคุณประเวศยกมือไหว้แล้วบอกว่า "เราเป็นญาติกันนะครับ..!"

กระผม/อาตมภาพก็งง ท่านบอกว่า "ผมเป็นคนบางลี่ครับ ที่บ้านแซ่ฉั่วด้วย" พอได้ยินดังนั้น กระผม/อาตมภาพก็มั่นใจเลยว่าเป็นญาติกันอย่างแท้จริง เพราะว่าตระกูลของคุณยายก็คือแซ่ฉั่ว แล้วก็อยู่บางลี่กันมาจนกระทั่งแตกลูกแตกหลานเต็มไปหมด

ท่านเจ้าคุณประเวชบอกว่า "ตอนท่านผู้ว่าฯ พิริยะ ฉันทดิลก อยู่ที่อ่างทอง ท่านมาบอกว่าเป็นญาติกับอาจารย์พระครู ผมก็ยังงงอยู่ จนกระทั่งท่านบอกว่าอาจารย์พระครูมีรกรากข้างยายข้างแม่อยู่ที่บางลี่ ถึงได้มั่นใจว่าเราเป็นญาติกัน" ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพดูแล้ว หลวงพ่อเจ้าคุณประเวชท่านน่าจะมีดีเอ็นเอเดียวกัน เพราะว่าผอมกะหร่อง เอวบางร่างน้อยพอกัน ก็เลยหัวเราะกันทั้งคู่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2025 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-08-2025, 23:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,968
ได้ให้อนุโมทนา: 159,519
ได้รับอนุโมทนา 4,500,631 ครั้ง ใน 36,579 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จากนั้นทางด้านคณะกรรมการวัด ซึ่งมีทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้นำรถรางที่ยืมมาจากบรรดา อบต. บ้าง เทศบาลบ้าง ไม่ทราบเหมือนกันว่ารถรางเทียมนี้ เป็นที่นิยมของทางด้านนี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าทุก อบต. หรือว่าทุกเทศบาล ต่างก็มีอย่างน้อยแห่งละคันสองคัน มานำเอาบรรดาคณะกรรมการ อนุกรรมการ ตลอดจนกระทั่งบรรดาพลขับ ขึ้นรถข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งวัด

ลืมแจ้งทุกท่านไปว่า สถานที่ตรวจประเมินนั้นก็คือศาลาโดมเอนกประสงค์ ข้างมหาวิหารหลวงพ่อสด ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับฝั่งวัด มีถนนและคันคลองคั่นอยู่ หลังจากที่เราข้ามคลองส่งน้ำไปทางฝั่งโบสถ์แล้ว ก็ได้เข้าไปกราบพระประธาน ซึ่งดูทั้งลักษณะของอุโบสถ ตลอดจนกระทั่งพระประธานแล้ว รับประกันได้เลยว่าสร้างก่อนปี ๒๕๐๐ อย่างแน่นอน เนื่องเพราะว่าทรงเหมือนอย่างกับถอดจากอุโบสถวัดท่าขนุนไป โดยฝีมือช่างเดียวกันเลย โดยเฉพาะเมื่อดูที่ฐานพระประธานแล้ว การประดับกระจกก็เป็นฝีมือช่างเดียวกันอีกต่างหาก..!

เมื่อพวกเราเจริญพระพุทธมนต์ถวายหลวงพ่อพระประธานและถ่ายรูปหมู่ร่วมกันแล้ว ทางวัดก็พาไปกราบ "หลวงพ่อโยก" หลวงพ่อโยกก็คือพระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คาดว่าเป็นทองคำ แล้วก็มีการพอกปูนซ่อนเอาไว้ เพื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือทหารพม่า

ปรากฏว่าก่อนหน้านี้ท่านหันไปด้านตะวันออกตรง แต่พอสร้างวิหารครอบ ไม่ทราบเหมือนกันว่าหลวงพ่อท่านหันหลบพวกนั่งร้านหรืออย่างไร ? ก็เลยกลายเป็นหันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่เมื่อจับหมุนกลับมาทิศเดิม ท่านก็หันกลับไปทิศตะวันออกเฉียงเหนืออีก แต่ว่าวิหารได้ออกแบบให้หันทิศตะวันออกตรงไปแล้ว จึงกลายเป็นว่าหลวงพ่อต้องนั่งเอียงข้าง ไม่ตรงกับทางเข้าวิหาร

ส่วนที่สำคัญก็คือว่าข้าราชการท่านใดก็ตาม ถ้าหากว่าต้องการจะโยกย้ายไปจังหวัดไหน หรือว่ากลับถิ่นฐานบ้านช่องของตัวเอง ก็มักจะมากราบขอพรหลวงพ่อโยก แล้วส่วนใหญ่ก็สำเร็จเสียด้วย..! กระผม/อาตมภาพเข้าไปถวายดอกบัวหลวงพ่อโยกแล้ว กราบเรียนหลวงพ่อบอกว่า "ไม่โยกย้ายนะขอรับ" แล้วก็ได้แต่หัวเราะในใจ เนื่องเพราะท่านบอกว่า "อย่างของคุณนั้นนอกเหตุเหนือผล ต่อให้ขอ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะโยกย้ายได้" เสียงที่ว่ามานั้น เป็นเทวดาที่รักษาหลวงพ่อทองคำอยู่ภายในองค์หลวงพ่อโยก..!

หลวงพ่อทองคำนั้นน่าจะเป็นทองเนื้อเจ็ด หน้าตักประมาณ ๓๐ นิ้วเศษ สีสันสดใสสวยงาม ตามที่มองเห็นภายใน แต่ไม่แน่ใจว่าสภาพภายนอกจะเป็นอย่างไร ถือว่าเป็นศิลปะอยุธยาที่มีเศียรเป็นหนามขนุน ซึ่งรูปแบบพวกนี้เราจะมีความเข้าใจ ก็ต่อเมื่อศึกษาลักษณะของพระพุทธรูปยุคสมัยต่าง ๆ มา ถึงพอที่จะรู้กัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2025 เมื่อ 01:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-08-2025, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,968
ได้ให้อนุโมทนา: 159,519
ได้รับอนุโมทนา 4,500,631 ครั้ง ใน 36,579 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกราบหลวงพ่อโยก ขอพรกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็นั่งรถรางเทียมกลับไปที่มหาวิหารหลวงพ่อสด ได้เข้าไปกราบสักการะแล้วถ่ายรูปหมู่ร่วมกันที่นี่

จากนั้นก็ชมนิทรรศการต่าง ๆ แต่ปรากฏว่าสถานที่เมื่อจัดนิทรรศการ โดยเฉพาะเกี่ยวกับศีล ๕ แล้วทางด้านจังหวัดอ่างทอง ได้ระดมเอาบรรดานักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ ที่มีโครงการต่าง ๆ เกี่ยวกับศีล ๕ มาแสดง จึงทำให้ล่าช้า เพราะว่าสถานที่คับแคบ กลับตัวก็ยาก เพียงแต่ว่าเด็กทุกคนมีความสามารถมาก อธิบายขยายความเนื้อหาที่ตนเองรับผิดชอบได้เป็นอย่างดี จึงได้รับรางวัลจากหลวงพ่อโพไซดอน - พระเดชพระคุณพระเทพสมุทรวัชราจารย์ (จรัล สิริธมฺโม) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรปราการ รักษาการประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง เรียกว่าแจกกันจน "มือเป็นระวิง"..!

เมื่อชมนิทรรศการครบแล้ว โดยเฉพาะบรรดาคนขับรถต้องหอบเอาข้าวของต่าง ๆ ที่หลวงปู่หลวงพ่อของตนเองช่วยกันซื้อหา ขึ้นรถกันไปเป็นหอบ ๆ แม้กระทั่งน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ก็ยังซื้อเอามะม่วงดองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอ่างทองไปหลายกล่องเลยทีเดียว..!

ครั้นเข้าไปในศาลาโดมเอนกประสงค์เพื่อทำการตรวจประเมินแล้ว พวกเราก็มองด้วยความชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าผู้ว่าราชการจังหวัดก็ดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดก็ดี นายอำเภอทุกอำเภอ ตลอดจนกระทั่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหัวหน้าส่วนราชการมากันครบถ้วน แล้วไม่ได้ครบถ้วนเฉย ๆ เพราะว่าอยู่จนกระทั่งตรวจประเมินเสร็จ ทั้ง ๆ ที่อากาศร้อนสุด ๆ เพราะว่าหลังคาโดมเอนกประสงค์ก็คือเมทัลชีทที่เรียกตามภาษาชาวบ้านง่าย ๆ ว่าสังกะสีนั่นเอง..! กลายเป็นบรรยากาศตัดกันสุดขั้วกับเมื่อวานนี้

เมื่อวานนี้การตรวจประเมินที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เราอยู่ในศาลาปฏิบัติธรรมที่ติดเครื่องปรับอากาศเย็นยะเยือก เหมือนกับฤดูหนาว แต่ว่าที่นี่กลายเป็นฤดูร้อนจัดเป็นอย่างมาก ทำเอาบรรดา "มเหสักโข" ทั้งฝ่ายราชการและคณะกรรมการนั่งเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน เนื่องเพราะว่าพัดลมไอน้ำก็ดี พัดลมตั้งพื้นก็ตาม ส่งลมมาติดอยู่แค่ภายนอก ทำเอากระผม/อาตมภาพต้องนั่งกระซิบกระซาบกับเพื่อนคณะกรรมการว่า "ดูเอาก็แล้วกัน บรรดาปลาซิวปลาสร้อยเขาทำบุญไว้ดี มีพัดลมให้เย็นสบาย แต่ว่าบรรดาปลาวาฬ ปลาฉลาม ตลอดจนกระทั่งปลาอินทรีย์ครีบสีน้ำเงิน ต้องมานั่งเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2025 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 14-08-2025, 23:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,968
ได้ให้อนุโมทนา: 159,519
ได้รับอนุโมทนา 4,500,631 ครั้ง ใน 36,579 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ด้วยความที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ให้ใจกับงานโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ เป็นอย่างมาก เพราะว่าเป็นไปตามโครงการยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ซึ่งมีการเซ็นเอ็มโอยูกัน ระหว่างคณะสงฆ์กับกระทรวงมหาดไทย แปลว่าเราจะต้องเจอหน้ากันลักษณะแบบนี้อีกหลายปี ท่านจึงให้ใจแบบสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะสงฆ์ก็ดี ทางส่วนราชการก็ตาม มากันครบถ้วนสมบูรณ์ ต้องชมว่าหลวงพ่อเจ้าคุณประเวช เจ้าคณะจังหวัดอ่างทองนั้น แม้ว่าตัวเล็กแต่ว่าทำงานเก่งมาก ประสานงานให้ทุกฝ่ายมาให้ความร่วมมือกันอย่างชนิดที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนอยู่จนกระทั่ง ๑๑ โมงกว่า ถึงได้ทำการปิดประเมิน ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน

กระผม/อาตมภาพไม่ได้อยู่ร่วมฉันเพล เนื่องเพราะว่าไข้เริ่มจับอีกแล้ว จากหนาวสุดมาเจอร้อนสุดเข้า ร่างกายรู้สึกว่ารับไม่ไหว จึงได้ให้น้องเล็กพาวิ่งกลับยังที่พักวัดอุทยาน พร้อมกับฉันข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีติดรถอยู่ รวมทั้งมะม่วงดองด้วย เป็นอาหารมื้อเพล ไปถึงทางวัดอุทยานได้ก็เข้าที่พักสลบไสลไปเลย กว่าจะฟื้นตื่นขึ้นมาได้ ก็เล่นเอาบ่ายโขทีเดียว ต้องบอกว่าสภาพร่างกายชักจะเสื่อมโทรมไปตามสังขารที่อายุกาลผ่านวัยขึ้นทุกที

สมัยบวชใหม่ ๆ เฝ้าอยู่หน้าห้องที่ทำงานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็คือตึกริมน้ำ สถานที่ตรงนั้นเรียกว่า "หน้าตึก" เพราะว่าเป็นห้องที่ต่อออกมาโดยที่ใช้มุ้งลวดล้อมรอบ ลมเข้าได้ทุกทิศทุกทาง แม้เป็นหน้าหนาวที่หนาวจนกระทั่งน้ำมันชาตรีแข็งตัวหมดทั้งขวด..! กระผม/อาตมภาพก็ยังใส่อังสะตัวเดียวอยู่ได้สบาย ขนาดพระเดชพระคุณหลวงพ่อถามว่า "แกไม่มีเครื่องกันหนาวหรือ ?" ยังกราบเรียนท่านไปว่า "ยังไม่หนาวครับ" แต่พอหลังอายุ ๓๐ มาแล้ว ไม่ต้องให้หลวงพ่อท่านถาม แต่ว่าวิ่งไปหาเครื่องกันหนาวมาใส่เอง..!

พอถึงอายุ ๔๐ ปีขึ้นมา จากที่ทำงานกันข้ามวันข้ามคืนเท่าไรก็ไม่เหนื่อย บางทีเดินจงกรมทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งตี ๒ ตี ๓ ถึงจะได้พักนอนสัก ๒ ชั่วโมง แล้วลุกขึ้นมาเดินจงกรมต่อ พอหลังอายุ ๔๐ มาเริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยเหมือนกัน แต่พอหลังอายุ ๕๐ นี้ เริ่มรู้สึกแล้วว่า จากที่ขึ้นเขาลงห้วยเท่าไรก็เหมือนกับเครื่องจักรเครื่องยนต์ ตอนนี้กลับรู้สึกว่าขึ้นบันไดแล้วเมื่อย..!

พอหลังอายุ ๖๐ ตอนนี้กำลังไม่พอที่จะรักษาตัวแล้ว ถึงเวลาถ้าไม่รีบพัก ไม่ไข้จับก็คอพับหมดสภาพไปเลย..! จึงได้แต่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองไปแต่ละงาน หรือว่าแต่ละวัน พูดง่าย ๆ ว่า
ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไปได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2025 เมื่อ 02:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว