กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-07-2025, 19:16
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,119
ได้ให้อนุโมทนา: 225,967
ได้รับอนุโมทนา 809,247 ครั้ง ใน 39,823 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-07-2025, 23:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,877
ได้ให้อนุโมทนา: 159,054
ได้รับอนุโมทนา 4,497,090 ครั้ง ใน 36,488 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ ๗๓ พรรษา ย่าง ๗๔ พรรษาแล้ว ทางคณะสงฆ์ตลอดจนกระทั่งหน่วยราชการ ก็ได้กระทำสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล เพื่ออุทิศถวายแก่พระองค์ท่าน ขอให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร แก่พสกนิกรชาวไทยสืบไปชั่วกาลนาน

ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าในขณะที่ชายแดนของเรามีปัญหาเรื่องดินแดน ปะทะกันจนกระทั่งเสียชีวิตไปฝ่ายละหลาย ๆ ศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ร่วมกับทหารหาญ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาประเทศชาติและป้องกันประชาชน พระองค์ท่านจึงให้งดงานเฉลิมพระชนมพรรษาทั้ง ๒ วัน ก็คือวันนี้และพรุ่งนี้ ให้เหลือแค่การลงนามถวายพระพรเท่านั้น

ส่วนทางวัดท่าขนุนของเรามีการบรรพชาหมู่เฉลิมพระเกียรติ ๗๔ รูป ถ้าหากว่าเดือนหน้า ก็คือวันแม่ ๑๒ สิงหาคม มีการบรรพชาหมู่ถวายพระราชกุศลอีกก็จะดีมาก แต่ว่าจะต้องใช้นักเรียนถึง ๙๐ กว่าคน ก็ฝากเป็นการบ้านให้ทางท่าน ผอ.เจิด (นายศิลป์พิสุทธิ์ พันชะวะนัด) ผู้อำนวยการโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาว่า จะจัดโครงการเฉลิมพระเกียรติอีกรอบหรือใหม่ ? ส่วนอื่นทางวัดท่าขนุนพร้อมที่จะรับผิดชอบอยู่แล้ว

เพียงแต่ว่าสามเณรทั้งหลายหาสติสมาธิไม่ค่อยจะได้ แค่เขาเรียกชื่อยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร..! ไอ้โง่ ๆ แบบนี้ถ้าปล่อยไปอยู่ชายแดนก็เป็นปุ๋ยหมด..!

เพราะฉะนั้น..การบ้านที่จะฝากไปก็คือ เมื่อสึกหาลาเพศไปแล้ว ให้นั่งสมาธิดูลมหายใจเข้าออกของตัวเองสักครั้งละ ๑๕ นาที อย่างน้อยก็เช้าครั้ง เย็นครั้ง เพื่อสร้างสมาธิให้มั่นคง เนื่องเพราะว่าเด็กที่สมาธิมั่นคง จะเรียนหนังสือเก่งทุกคน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2025 เมื่อ 00:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-07-2025, 23:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,877
ได้ให้อนุโมทนา: 159,054
ได้รับอนุโมทนา 4,497,090 ครั้ง ใน 36,488 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตัวหลวงพ่อเอง สมัยเรียนหนังสืออยู่ สมัยนั้นถ้าใครสอบได้ไม่ถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ก็คือตกซ้ำชั้น หลวงพ่อเข้าเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ตอน ๗ ขวบ มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนอายุ ๑๗ - ๑๘ ปี เกือบครึ่งห้อง..! เพราะว่าสอบตกแล้วตกอีก แต่ตัวหลวงพ่อเองสอบทีไรไม่เคยลุ้นว่าจะได้หรือเปล่า หากแต่ลุ้นว่าจะได้ที่ ๑ หรือเปล่า ?!

เพราะว่าโยมพ่อจับสวดมนต์ไหว้พระตั้งแต่ยังไม่ถึง ๒ ขวบ การสวดมนต์ไหว้พระคือการสร้างสมาธิอย่างหนึ่ง แล้วเป็นสมาธิใช้งานด้วย ดังนั้น..ในเรื่องการเรียนจึงไม่เคยหนักใจ เพราะว่าสอบได้ที่ ๑ ของโรงเรียนมาโดยตลอด ไปพลาดอยู่ครั้งเดียวตอนสอบเข้าเรียนชั้นประถมปีที่ ๕ ไม่ได้ที่ ๑ เพราะว่าข้อสอบที่ออกมานั้นไม่เคยเจอมาก่อนเลย แต่ก็เสียท่าให้ครั้งนั้นครั้งเดียวเท่านั้น

ส่วนที่เหลือพอไปเล่าให้คนอื่นเขาฟังว่า "สอบได้คะแนนเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เป็นประจำ" ไม่มีใครเชื่อ..! จนกระทั่งมาเป็นเจ้าคณะตำบลชะแลเขต ๒ ก็คือตอนแก่แล้ว เขาส่งไปเรียนเพิ่มความรู้ เรียกว่าประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ หลวงพ่อทำคะแนนเต็มทุกวิชา กะว่าจะเรียนแค่นั้น แต่เพื่อนฝูงเสียดาย ก็เลยไปแอบสมัครเรียนต่อปริญญาตรีให้ โดยต่อรองกับทางมหาวิทยาลัยว่า "ให้ส่งหลักฐานทีหลัง" ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็อยากได้นักเรียนเก่ง จึงยอมให้สมัครโดยไม่ได้ใช้หลักฐานอะไรเลย

ปรากฏว่าตอนจบปริญญาตรี ได้เกียรตินิยมอันดับ ๑ และเป็นที่ ๑ ของประเทศไทยในปีนั้น ถ้าถามว่าได้ขนาดไหน ? มีวิชาที่เรียนแล้วต้องการเกรด หรือว่าตัดเกรดให้ ๗๕ วิชา หลวงพ่อทำเกรด A ได้ ๖๘ วิชา เหลือกี่วิชาที่ไม่ได้ ? เหตุที่วิชาเหล่านั้นไม่ได้ เพราะอาจารย์บอกว่า "เธอได้เยอะแล้ว ไม่ต้องเอา A หรอก..!"

อาจารย์บางท่านก็พูดให้เจ็บใจเล่น บอกว่า "จะให้คะแนน
พระครูเล็กท่านเต็ม ๑๐๐ ก็ได้ แต่ผมเห็นท่านได้เยอะแล้ว ก็เลยตัดเสีย ๒ คะแนน..!" จึงได้เรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอกไปด้วย

ปกติปริญญาตรีใช้เวลาเรียน ๔ ปี หลวงพ่อเรียน ๒ ปีครึ่ง ปริญญาโทใช้เวลาเรียน ๒ ปี หลวงพ่อเรียน ๑ ปีกับ ๑ เดือน ถ้าไม่ติดน้ำท่วม อาจจะจบก่อน ๑ ปีก็ได้..! ปริญญาเอกให้เวลาเรียน ๓ ปี ไปขอจบตั้งแต่ปีที่ ๒ แต่อาจารย์ไม่ให้ บอกว่าต้องเรียนครบ ๓ ปีถึงจะมีคุณภาพ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2025 เมื่อ 00:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-07-2025, 23:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,877
ได้ให้อนุโมทนา: 159,054
ได้รับอนุโมทนา 4,497,090 ครั้ง ใน 36,488 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอขึ้นปีที่ ๓ เทอมแรก อาจารย์มาถามว่า "ถ้าผมให้จบเทอมนี้ คิดว่าทำวิทยานิพนธ์ทันหรือเปล่า ?" หลวงพ่อถามว่า "ตอนแรกอาจารย์บอกว่าต้องใช้เวลา ๓ ปี แล้วทำไมถึงจะให้จบตอนนี้ ?" ท่านอาจารย์บอกว่า "รุ่นพี่ของท่านไม่มีใครจบเลย..!"

เพราะว่าเขาเปิดในปริญญาเอกปีแรก แล้วหลวงพ่อมาเริ่มเรียนปี ๒ ก็คือเป็นรุ่นที่ ๒ ก็เลยต้องตาลีตาลานทำวิทยานิพนธ์ ทั้ง ๆ ที่เหลือเวลาแค่ ๒ เดือนเท่านั้น ปรากฏว่าสามารถที่จะเรียนจบได้ โดยการสอบวิทยานิพนธ์ใช้เวลาแค่ ๒๒ นาที ขณะที่เพื่อน ๆ โดนกันคนละ ๓ ชั่วโมง ๔ ชั่วโมง เพราะฉะนั้น..ใครที่บอกว่าเรียนเก่ง สมาธิดี หลวงพ่อท้าชนได้ทุกราย..! เพราะว่าคงไม่มีใครสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกจบภายใน ๒๒ นาที ตอนเรียนปริญญาโทก็สอบจบภายใน ๑๕ นาที..!

ครูบาอาจารย์บอกให้รุ่นน้องไปขอดูวิทยานิพนธ์ตัวอย่าง รุ่นน้องถือแฟล็ชไดรฟ์กันมาเป็นแถว ขอตัวอย่างวิทยานิพนธ์ หลวงพ่อบอกว่า "ไม่มีประโยชน์ พวกคุณได้ไปก็ใช้ไม่ได้หรอก เพราะว่าก่อนที่จะเป็นวิทยานิพนธ์ตัวอย่าง ผมไปหาอาจารย์ โดนแก้ยับแก้เยินมา ๑๘ ครั้งแล้ว..! พวกท่านเคยหาอาจารย์กันบ้างไหม ?" พอมาปริญญาเอก หลวงพ่อนัดอาจารย์อาทิตย์ละครั้ง มีใครกล้าสู้ครูแบบนี้บ้าง !?

ท่านอาจารย์ ดร.สุรชัย พรหมพันธ์ เป็นอาจารย์จากข้างนอก ก็คือมาจากสภาผู้แทนราษฎร ตอนสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก ท่านถามแค่ ๔ คำถามแล้วปิดเล่ม บอกว่า "ผมให้ผ่านโดยไม่มีข้อแม้" ประธานในการสอบถามว่า "ขอเหตุผลด้วยครับ" ท่านอาจารย์ ดร.สุรชัยบอกว่า "วิทยานิพนธ์ ๔๐๐ กว่าหน้า ผมถามตรงไหน ท่านสามารถบอกผมได้ว่าข้อมูลอยู่หน้าไหน..! ผมยอมเลยครับ"

ส่วนอาจารย์ที่ปกติแล้วถามมากที่สุด ก็คือ รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหมนั่งเงียบ ประธานกรรมการสอบถามว่า "ท่านอาจารย์สุรพล..มีอะไรถามไหมครับ ?" ท่านอาจารย์สุรพลบอกว่า "ไม่มีครับ..ผมถามมาทุกอาทิตย์แล้ว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2025 เมื่อ 00:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-07-2025, 23:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,877
ได้ให้อนุโมทนา: 159,054
ได้รับอนุโมทนา 4,497,090 ครั้ง ใน 36,488 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นี่คือสิ่งที่อยากจะบอกกับสามเณรทั้งหลายว่า เป็นผลพวงจากการฝึกสมาธิล้วน ๆ หลวงพ่ออ่านหนังสือมาตั้งแต่ ป. ๑ ยันปริญญาเอก ยังไม่ลืมอะไรเลย ใครถามเนื้อหาตรงไหนสามารถอธิบายได้หมด บางทีไม่มีอะไรจะทำ ก็นั่งท่องตำราให้คนอื่นฟังเป็นวัน ๆ จนเขาสงสัยว่า "คนเราจำได้ขนาดนี้เลยหรือ ?"

สามเณรต้องเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า "ผู้มีจิตตั้งมั่น (ก็คือมีสมาธิ) สามารถระลึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วได้นาน" คำว่านานในที่นี้ไม่ใช่แค่เรียนยันปริญญาเอก แต่ว่าระลึกชาติได้เป็นแสนเป็นล้านชาติ..! นั่นคือสิ่งที่พระสงฆ์สมัยพุทธกาลท่านทำได้

ส่วนที่หลวงพ่อทำได้เป็นแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้นเอง แต่ไม่อยากให้สามเณรทั้งหลายเสียประโยชน์ ไหน ๆ ก็มาบวชวัดท่าขนุนแล้ว ไปบอกเขาว่า "เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเล็ก" แต่ถ้าเรียนไม่เอาไหนก็เสียชื่อครูบาอาจารย์หมด..!

เพราะฉะนั้น..การบ้านที่จะให้ไปก็คือ ใครคิดว่าจะเรียนต่อให้เก่ง อย่างน้อย ๆ ไปภาวนา เอาแค่ "พุทโธ..พุทโธ" ก็ได้ หรือใครมีคาถาอะไรก็ว่าไป ให้ได้ต่อเนื่องอย่างน้อย ๑๕ นาทีโดยไม่คิดเรื่องอื่นเลย สักเช้าครั้ง เย็นครั้ง แล้วลองดูว่าผลการเรียนจะดีขึ้นหรือไม่ ?

ส่วนในเรื่องอื่น ๆ นั้น สามเณรอาจจะคิดว่าบวชที่วัดท่าขนุนแล้วเจอพี่เลี้ยงเข้มงวด ขอให้เข้าใจว่า สามเณรคือเชื้อสายของสมณะ เท่ากับเป็น "ว่าที่พระ" คนอื่นเขาต้องกราบไหว้บูชา ถึงเวลาจะกิน เขาต้องประเคนภัตตาหารให้ ถ้าความดีของเราไม่พอ จะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ จึงเป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ก่อนบวชเราไหว้พ่อแม่ ไหว้ครูบาอาจารย์ แต่พอบวชแล้ว ครูบาอาจารย์หรือพ่อแม่ต้องไหว้เรา เราเอาความดีอะไรไปให้ท่านไหว้ ? ก็นอกจากศีลาจารวัตรที่มากกว่าเท่านั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2025 เมื่อ 00:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 28-07-2025, 23:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,877
ได้ให้อนุโมทนา: 159,054
ได้รับอนุโมทนา 4,497,090 ครั้ง ใน 36,488 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ถ้าหากว่าบวชที่อื่น ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ตอนบ่ายพักผ่อน ตอนค่ำจำวัด พวกนั้นกำลังหาเรื่องตกนรก..! หลวงพ่อกล้ายืนยันว่านรกสวรรค์มีจริง เพราะว่าด้วยความที่ฝึกสมาธิมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยเห็นนรกสวรรค์มาตั้งแต่ก่อนอายุครบ ๒๐ แล้วก็เห็นด้วยว่าแต่ละขุมพระเณรลงกันไปชนิดแน่นไปหมด เพราะสักแต่ว่าบวชเท่านั้น..! ไม่ใช่หลวงพ่อทำได้แล้วเป็นผู้วิเศษ ทุกคนก็ทำได้

สภาพจิตของเราเหมือนกับน้ำ ถ้าน้ำกระเพื่อมอยู่ด้วย รัก โลภ โกรธ หลง เราจะมองอะไรไม่เห็น แต่ถ้าน้ำนิ่งจะเหมือนกระจกใส สะท้อนเงาทุกอย่างลงไปชัดเจนมาก สภาพจิตของเราที่นิ่งด้วยอำนาจสมาธิ ถึงเวลาจะเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง แต่ถ้าควบคุมไม่เป็นจะเสียมากกว่าดี อย่างเช่นว่าไปบอกใบ้ให้หวย เหล่านี้เป็นต้น ดังนั้น..สามเณรอยากจะเก่ง อยากจะดี อย่าทิ้งสมาธิเป็นอันขาด..!

ท้ายสุดนี้ก็ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ทุกท่านอุตส่าห์อดทนบวชมา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ผลบุญนี้ จงเป็นปฏิพรย้อนสนองกลับไป ให้สามเณรทั้งหลาย เมื่อสึกหาลาเพศไปแล้ว จะทำสิ่งหนึ่งประการใด ถ้าเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมแล้วไซร้ ก็ขอให้ประสบความสำเร็จจงทุกประการ

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2025 เมื่อ 01:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว