กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-06-2025, 19:53
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,070
ได้ให้อนุโมทนา: 225,667
ได้รับอนุโมทนา 807,276 ครั้ง ใน 39,704 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-06-2025, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,716
ได้ให้อนุโมทนา: 158,649
ได้รับอนุโมทนา 4,491,223 ครั้ง ใน 36,326 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ วันนี้ทางวัดท่าขนุน โดยแม่ชีชื่น ศรีสองแคว หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุน จัดงานทำบุญวันเกิดให้กับกระผม/อาตมภาพ ทั้งที่ห้ามแล้วห้ามอีก แต่ก็อยากจะทำ..!

เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้นถือตามแบบโบราณ ก็คือจัดวันเกิดเฉพาะรอบใหญ่ ๖๐ ปีครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นแล้วก็จะจัดในรอบนักษัตร ๑๒ ปี ก็คือถ้าอยู่ถึงอายุ ๗๒ ปี ๘๔ ปี เหล่านี้เป็นต้น ถึงจะจัดงานวันเกิดสักครั้งหนึ่ง แต่ในเมื่อเจ้าภาพมีจิตศรัทธาที่จะเสียข้าวของเงินทอง ก็แล้วแต่เขาจะจัดกันไป กระผม/อาตมภาพอยู่ที่เมืองจีน ก็ได้แต่อนุโมทนาตามภาพที่ทางวัดได้ส่งมาให้เท่านั้น

ในเรื่องของวันเกิดนั้น ตั้งแต่สมัยฆราวาส กระผม/อาตมภาพก็ไม่เคยให้ความสำคัญเลย หากแต่ไปให้ความสำคัญกับโยมแม่มากกว่า เนื่องเพราะว่าในสมัยก่อนนั้น วันเกิดของลูก ๆ ก็คือวันที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดของแม่ โดยเฉพาะแม่เป็นจำนวนมากที่เสียชีวิตในระหว่างคลอดลูก..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วันเกิดกระผม/อาตมภาพจึงมักจะพาแม่ไปทำบุญ พาแม่ไปหาของกินอร่อยที่ท่านชอบใจ หรือไม่ก็อยู่คุยกับแม่ ให้แม่ทำอาหารฝีมือเดิม ๆ ของท่านให้เรากินสักมื้อหนึ่ง แม้แต่ตอนที่เป็นทหารแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังนอนตักแม่เป็นปกติ แม่ก็ยังบ่นว่า "ยังเห็นเป็นเด็กตัวแดง ๆ ดิ้นกระแด่วกระแด่วอยู่เลย ไม่นึกว่าจะโตขึ้นมาได้ขนาดนี้..!"

เรื่องของการแสดงความรักต่อพ่อแม่ของตนนั้น ลูก ๆ จำนวนมากไม่กล้าที่จะแสดงออก แต่ว่าไม่ใช่กระผม/อาตมภาพ สำหรับกระผม/อาตมภาพนั้น นอกจากแสดงความรักต่อพ่อแม่ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว สำหรับลูก ๆ เมื่อรับเข้ามาแล้ว ก็ยังคงช่วยดูแลเขามาจนตลอดถึงปัจจุบันนี้ อย่างเช่นลูกปุ๊ก (นางสาวสุมาลี ตีรเลิศพานิช) ลูกสาวคนโตที่กระผม/อาตมภาพรับเอาไว้ ตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาสก่อนบวชนานทีเดียว จนบัดนี้คุณลูกเธออายุ ๖๐ ปี ครบ ๕ รอบไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังคงดูแลอยู่ตามปกติ

ลูก ๆ คนอื่นก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อมีครอบครัวแล้วก็ย้ายแยกกันไป โอกาสได้พบเห็นหน้าก็น้อยลง อีกประการหนึ่งก็คือ กระผม/อาตมภาพเป็นพระสงฆ์แล้ว การจะแสดงความรักต่อลูก ๆ ก็ไม่สามารถที่จะทำได้เหมือนอย่างสมัยที่เป็นฆราวาสอยู่

จึงขอให้ลูกทุกคนที่ได้ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในวันนี้ พยายามแสดงความรักต่อพ่อแม่ของเราอย่างเป็นรูปธรรม ใครที่ไม่กล้าทำ หรือสร้างวีรเวรวีรกรรมเอาไว้มาก ก็ให้หาโอกาสสำคัญ อย่างเช่นว่าวันเกิดของตนเอง วันขึ้นปีใหม่ วันตรุษสงกรานต์ หรือว่าวันเกิดของพ่อแม่ นำเอาพวงมาลัย หรือดอกไม้ ธูปเทียน ไปกราบเท้าขอขมาท่านเสีย ว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่เราเคยล่วงเกินต่อพ่อแม่มา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บัดนี้เราสำนึกในความผิดนั้นแล้ว ขอให้พ่อแม่อโหสิกรรมให้แก่เราด้วย

ถ้าหากว่าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ กรรมเก่าต่าง ๆ จะหลุดไปทันทีถ้าพ่อแม่เอ่ยปากอโหสิกรรมให้ เราก็สามารถที่จะสร้างความดี โดยการที่ดูแลท่านอย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างเต็มที่ ไม่เหมือนกับสมัยที่กรรมยังกั้นเราอยู่ ทำให้ไม่สามารถที่จะแสดงออกได้อย่างชัดเจน จะมาเสียใจ หรือว่าเสียดายหลังจากที่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2025 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-06-2025, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,716
ได้ให้อนุโมทนา: 158,649
ได้รับอนุโมทนา 4,491,223 ครั้ง ใน 36,326 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวันนี้ กระผม/อาตมภาพตื่นขึ้นมาตี ๓ ครึ่งของทางประเทศจีน ถ้าหากว่าเป็นเมืองไทยก็ประมาณตี ๒ ครึ่งเท่านั้น อากาศทางด้านนี้อยู่ที่ ๑๘ - ๑๙ องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามาได้ถูกจังหวะ ถูกฤดูกาลอย่างมาก เนื่องเพราะว่าทางมณฑลกานซู่ มณฑลซินเจียงนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ทะเลทราย หรือว่ากึ่งทะเลทราย อากาศจะร้อนมาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน บางปีขึ้นไปถึง ๕๐ กว่าเกือบ ๖๐ องศาเซลเซียส..!

กระผม/อาตมภาพพยายามที่จะสอบถามจากทางลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) แล้ว คุณลูกเธอบอกว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ดีที่สุด แต่ว่าเป็น "ไฮซีซั่น" จะต้องไปตบตีแย่งชิงทั้งในส่วนของที่พัก รถยนต์ ตลอดจนกระทั่งมัคคุเทศก์ เพราะว่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่งานล้นมือทั้งนั้น

อย่างคุณโบตั๋นบอกว่ารับงานต่อเนื่องมา ๔ ชุด ยังไม่ได้พักเลย..! ถ้าหากว่าสมองไม่ค่อยทำงานก็ต้องขออภัยต่อลูกทัวร์ทุกท่านด้วย การมาในช่วงไฮซีซั่นนั้น อากาศดีเหมาะที่จะเดินทางมาก็จริง แต่ว่าช่วงนี้ทุกอย่างก็จะแพงไปหมด ค่าทัวร์ก็จะสูงกว่าช่วงปกติไปมาก จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายถ้าทำความเข้าใจไม่ได้ ก็จะต้องเป็นคนที่พอจะควักกระเป๋าได้โดยไม่กระทบกระเทือนอะไรเลยเท่านั้น..!

วันนี้เรานัดปลุกกันตอนตี ๕ ครึ่ง แต่เมื่อโทรศัพท์ปลุก กระผม/อาตมภาพยกออกสองครั้ง ปรากฏว่าทางด้านพนักงานหญิงมาเคาะประตูเรียก แจ้งว่า "ทางคณะให้ปลุกท่านในเวลานี้" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจ เนื่องเพราะว่ายังแปรงฟันจนฟองฟอดเต็มปากอยู่..! ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ เท่านั้น หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เก็บข้าวของ มาถ่ายรูปต่าง ๆ ตามแต่ที่ตนเองจะชอบใจ โดยเฉพาะหามุมหล่อให้ "เจ้าเสี่ยวหลาง" หมาป่าทิเบตที่ตนเองซื้อมาเมื่อวานนี้

ครั้นได้เวลา ๖ โมงครึ่งก็ลงไปยังห้องอาหาร ปรากฏว่าเขาเปิดแล้ว จึงได้จัดการกวาดเอาอาหารมาจานใหญ่ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผักทั้งนั้น เมืองจีนดีที่ว่ากินผักกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แล้วอาหารที่นี่ก็มีเยอะมาก โดยเฉพาะผลไม้สด กระผม/อาตมภาพเจอผลไม้ชนิดหนึ่ง หน้าตาคล้าย ๆ มะเขือ รูปร่างยาวลงไปเล็กน้อย ดูแล้วไม่ทราบว่าเป็นลูกอะไร ก็เลยหยิบติดมือมา เพื่อที่จะลองชิมดูตามประสาบุคคลที่ไม่กลัวของแปลก ครั้นถึงเวลาชิมแล้วก็รู้สึกว่ารสชาติว่าค่อนข้างจะกรอบและฉ่ำน้ำมาก หวานน้อย ๆ เท่านั้นเอง

เมื่อมีโอกาสถามคุณโบตั๋น ถึงได้บอกว่า"เหรินเซียมก้วย" ซึ่งแปลตรง ๆ ว่า "ลูกโสมคน" กระผม/อาตมภาพจึงนึกถึงพ่อซุนหงอคงที่ขึ้นไปอาละวาดบนสวรรค์ ได้ไปขโมยเอาบรรดาผลไม้วิเศษมากินเล่น ในจำนวนนั้น มีเจ้าเหรินเซียมก้วยอยู่ด้วย แต่ว่ากินไปในลักษณะนี้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะอาการมาลาเรียกำเริบหรือเปล่า ? เนื่องเพราะว่าดูลักษณะแล้วน่าจะเป็นของธาตุเย็น เพราะว่าฉ่ำน้ำเหลือเกิน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2025 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-06-2025, 01:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,716
ได้ให้อนุโมทนา: 158,649
ได้รับอนุโมทนา 4,491,223 ครั้ง ใน 36,326 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นอิ่มหนำสำราญกันแล้ว พวกเราก็ลงไปข้างล่างเพื่อที่จะรอรถ แต่ปรากฏว่ารถมารอพวกเราก่อนแล้ว จึงพากันขึ้นไปจับจองที่นั่ง หลังจากที่พร้อมแล้ว ทางด้านคุณโบตั๋นก็สั่งโชเฟอร์ออกเดินทาง ปรากฏว่าวิ่งไปไม่นาน ฝนก็เริ่มพรำ ๆ ลงมา "ท่านอูฐ" ซึ่งกระผม/อาตมภาพเรียกท่านซาอุด ที่ไม่ทราบเหมือนกันว่าชื่อนี้แปลว่าอะไร ? พ่อเจ้าประคุณบอกว่าถ้าเอาชื่อจีนก็มี เรียกว่า "ซู่อู่" ซึ่งกระผม/อาตมภาพอดที่จะขำไม่ได้ เนื่องเพราะว่าข้าวของเงินทองหรือว่าผู้คนทุกอย่างในโลก ถ้ามาถึงประเทศจีนแล้วก็จะมีชื่อจีนไปเสียหมด บางทีเจ้าของชื่อฟังแล้วยังไม่รู้เลยว่าเป็นตัวเองหรือเปล่า..!?

พวกเราวิ่งไปประมาณ ๑ ชั่วโมง "ท่านอูฐ" ก็บอกว่ามีอุโมงค์อยู่ข้างหน้า กระผม/อาตมภาพจึงบอกให้ทุกคนช่วยดูไว้เป็นพยาน ปรากฏว่าไม่กี่กิโลเมตรต่อมาก็มีอุโมงค์ให้พวกเรามุดเข้าไปหลบฝน แต่ว่าไม่นานก็โผล่ออกมาเปียกที่อีกด้านหนึ่ง ต้องมุดอุโมงค์ครั้งแล้วครั้งเล่า บางทีก็ยาวนานจนกระทั่งเป็นห่วงว่าคนขับจะหลับหรือเปล่า ? เพราะว่าอุโมงค์บางแห่งนั้นติดป้ายเอาไว้ว่า ๗,๐๐๐ เมตร ก็คือ ๗ กิโลเมตรนั่นเอง..!

จนกระทั่งโผล่ออกมาอีกฝั่งหนึ่งแล้ว "ท่านอูฐ" ก็บอกว่าข้างหน้าขวามือจะมีห้องน้ำห้องส้วม แล้วก็มี "เหมาหนิวโร่ว" ที่พวกเราอยากได้ด้วย ซึ่งก็คือเนื้อจามรีแห้งนั่นเอง กระผม/อาตมภาพพอบอกไป คุณโบตั๋นก็ค้านสุดตัว บอกว่า "เป็นไปไม่ได้ แถวนี้ไม่เคยมีเนื้อจามรีขาย" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่หัวเราะ ไปรอพิสูจน์เอาก็แล้วกัน..!

เมื่อรถเลี้ยวเข้าไป ปรากฏว่ายังไม่ทันจะเข้าห้องน้ำเลย ทางด้านหน้าของร้านค้าก็มีพ่อค้ามานั่งหั่นเนื้อจามรีแห้ง ซึ่งมีทั้งอบแห้ง แล้วก็มีทั้งลักษณะเหมือนอย่างกับต้มอัดความดันแล้วใส่ถุงสุญญากาศ ทำเอาพวกเรารี่กันเข้าไปหาแทบจะลืมเข้าห้องน้ำ..! คนโน้นก็สั่ง ๑ จิน คนนี้ก็สั่ง ๑ จิน น้ำหนัก ๑ จินของทางเมืองจีน ที่บางทีพวกเราเรียกว่า ๑ ตำลึง หรือว่า ๑ ชั่งจีนนั้น เท่ากับ ๕๐๐ กรัมของบ้านเรา เมื่อพวกเราได้สั่งซื้อสินค้าเรียบร้อยแล้ว กลับมาขึ้นรถ คุณโบตั๋นถึงได้ยอมแพ้ ถวายเงินทำบุญมา ๒๐ หยวน บอกว่า "ขอฝากเนื้อฝากตัวกับ "ท่านอูฐ" ด้วย" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไปฝากเอาเองก็แล้วกัน..!"

พวกเราวิ่งต่อไปท่ามกลางฝนที่ตกหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหลายชั่วโมงผ่านไปก็ไปแวะที่ร้านสรรพสินค้าขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง เพื่อให้พวกเราไปเข้าห้องน้ำตามเคย แต่ว่าที่นี่มีสินค้าที่ระลึก ทำเป็นรูปอูฐทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก พี่วิไล (นางสาวณัฐรดา ภูมิธเนศ) ซึ่งเปลี่ยนชื่อมา ๓ ครั้งแล้ว บอกว่า "ขออนุญาตซื้อถวายหลวงพ่อในวันเกิด ๑ ตัว" เมื่อสอบถามดูแล้ว ปรากฏว่าเจ้าอูฐตัวเบ้อเริ่มราคาตัวละ ๘๐ หยวนเท่านั้นเอง..!

เมื่อกระผม/อาตมภาพเห็นว่า คบหาสมาคมกับพี่เขามา ๔๐ กว่าปีแล้ว พี่เขาก็ยังไม่เคยที่จะได้ให้ของขวัญอะไรเลย เพราะว่ากระผม/อาตมภาพปฏิเสธไปทุกครั้ง ครั้งนี้จึงยอมรับ ทำเอาอีกฝ่ายแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2025 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-06-2025, 01:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,716
ได้ให้อนุโมทนา: 158,649
ได้รับอนุโมทนา 4,491,223 ครั้ง ใน 36,326 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อพวกเรากลับขึ้นรถมา พร้อมกับสินค้าติดไม้ติดมือมา โดยแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีข้ออ้างว่า "มาช่วยทำให้เศรษฐกิจของจีนคล่องตัวขึ้น" โดยมีกระผม/อาตมภาพเป็นผู้คอยขัดคอ โดยเฉพาะคุณหมอมุก (นางสาวรุจิรา งามพฤกษ์วานิชย์) ลูกสาวของคุณนายสมหวัง (นางสมหวัง งามพฤกษ์วานิชย์) เมื่อถึงเวลาเดินตรงไปร้านชานมไข่มุก

กระผม/อาตมภาพก็ตะโกนห้ามว่า "คุณหมออย่าเข้าไป แถวนั้นอันตรายมาก..!" อีกฝ่ายหนึ่งก็ได้แต่หัวเราะแหะ ๆ ตัดใจเดินออกมา จนกระผม/อาตมภาพต้องบอกว่า "คุณหมอรีบไปฝึกสมาธิ เพราะว่าถ้ากำลังสมาธิสูงขึ้น เราจะสามารถห้าม รัก โลภ โกรธ หลง ได้ดีกว่านี้ แต่ว่าการฝึกสมาธิระยะแรกต้องระวัง ถ้าหากว่าคลายอารมณ์ไม่เป็น จะกลายเป็นเก็บกด ถึงเวลา รัก โลภ โกรธ หลง ตีเราพังลงไป ก็จะมาแบบฟ้าถล่มดินทลายเลย..!"

พวกเราวิ่งตรงมาถึงเมืองอู่เวยก่อนเวลา เนื่องเพราะคุณโบตั๋นบอกว่า "น่าจะถึงประมาณเที่ยงครึ่ง หลวงพ่อสามารถฉันอาหารเลยเพลได้หรือไม่ ?" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่ต้องกังวล เที่ยงครึ่งของประเทศจีนก็เพิ่งจะ ๑๑ โมงครึ่งของประเทศไทย" แต่ปรากฏว่าเราไปถึงแค่ ๑๑.๔๕ น.ของเมืองจีนเท่านั้น ก็เพิ่งจะ ๑๐.๔๕ น. ของเมืองไทยเท่านั้นเอง

ร้านอาหารเป็นของโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งจัดเอาไว้ให้พวกเราโต๊ะเดียวนั่งรวมกันทุกคน จึงได้มีคุณณรงค์ (นายฑนดล ภูมิธเนศ) กับ น้องพอร์ช (เด็กชายเสฏฐ์ ชาครวิโรจน์)มานั่งประกบซ้ายขวา เพราะว่าเป็นผู้ชายสองคนในคณะ เมื่ออาหารอะไรมาถึง กระผม/อาตมภาพก็ตักก่อน แล้วคนอื่นถึงจะตักกันต่อไป

แต่ว่ากับข้าวนั้นมาถึง ๑๐ อย่างด้วยกัน พวกเราจึงกินจนเหลือแล้วเหลืออีก ซึ่งบางคนก็บ่นว่าเราจะกินล้างกินผลาญแบบนี้ไม่ได้ แต่ลูกกิฟท์อธิบายว่า คนจีนนั้นกินอาหารมากกว่าเราหลายเท่า พอไปซื้ออาหารที่เมืองไทยก็มักจะบ่นว่า "ทำไมถึงให้น้อยนัก ?" ส่วนของเราพอมาซื้ออาหารที่เมืองจีนก็จะตกใจว่า "ทำไมเขาถึงให้มากนัก ?" ในเมื่อเขาจัดมาในลักษณะที่ให้คน ๑๓ คนแบ่งกันกิน เขาก็มาเต็มที่แบบคนจีนกิน แต่ถ้าเป็นคนไทยน่าจะเพิ่มคนได้อีกสัก ๓ เท่า ในเมื่อเหลือก็ต้องปล่อยให้เหลือไป..!

ครั้นพวกเราจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็กลับขึ้นรถ ตอนนี้ต้องขึ้นทางด่วน โดยบังคับให้รัดเข็มขัดทุกคน เนื่องเพราะว่าถ้าตำรวจตรวจเจอว่ารถที่ขึ้นทางด่วน ซึ่งอนุญาตให้วิ่งได้ ๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง ถ้าไม่รัดเข็มขัดก็จะโดนปรับหนักมาก แล้วดีไม่ดีก็บันทึกประวัตินักท่องเที่ยวผู้นั้นเอาไว้ ถึงเวลาถ้าเข้าประเทศใหม่ อาจจะโดนปฏิเสธ โดยที่ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำไปว่าตนเองโดนปฏิเสธเพราะอะไร..?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2025 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 22-06-2025, 01:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,716
ได้ให้อนุโมทนา: 158,649
ได้รับอนุโมทนา 4,491,223 ครั้ง ใน 36,326 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราวิ่งมาลงทางด่วนที่เมืองจางเยว่ ตรงไปที่วัดจางเยว่ต้าฝอ ซึ่งเป็นวัดโบร่ำโบราณสร้างมา ๙๘๒ ปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์หมิง ราชวงศ์ชิง ก็มีพระมหากษัตริย์เสด็จมาทะนุบำรุงวัดนี้ เป็นวัดที่มีหลวงพ่อพระพุทธไสยาสน์ในร่มองค์ใหญ่ที่สุด ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะว่าไปพบพระพุทธพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่กว่านี้ หรือว่าใหญ่ขนาดนี้มาแล้ว และก็อยู่ในร่มด้วยเช่นกัน

เพียงแต่ว่าคุณโบตั๋นบอกว่าห้ามถ่ายรูป แต่นักท่องเที่ยวทุกคนก็ถ่ายกันหน้าตาเฉย จนกระทั่งวนรอบตัววิหารใหญ่แล้ว ก็ออกมายังวิหารรองและพระเจดีย์ ตลอดจนกระทั่งร้านขายของที่ระลึก พวกเราได้ชมกระทั่งพิพิธภัณฑ์ของทางวัด ซึ่งเก็บของเก่าเอาไว้มากมาย แล้วก็ไม่หวง มีปัญญาถ่ายรูปได้ก็ถ่ายไป..!

จนกระทั่งทุกคนไร้แรงบินกันดีแล้ว ก็เข้าห้องน้ำของทางวัด แล้วกลับขึ้นรถ วิ่งไปไม่กี่นาทีก็มายังถนนคนเดินเมืองจางเยว่ ซึ่งเป็นถนนคนเดินโบร่ำโบราณที่บริเวณประตูเมืองเก่า ปล่อยให้พวกเราลงไปใช้เวลาช็อปปิ้ง ๑ ชั่วโมง โดยที่กระผม/อาตมภาพบอกว่าต้องตรงเวลาด้วย เพราะว่าวันนี้ กระผม/อาตมภาพจะต้องเรียนวิชาพระไตรปิฎกศึกษาเพิ่มเติมออนไลน์อีก ๓ ชั่วโมง พวกเราจึงกลับมากันตรงเวลามาก แล้วก็มุ่งตรงไปยังโรงแรมที่พักของคืนนี้

พวกเราเมื่อมาถึงแล้ว กระผม/อาตมภาพก็งงเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าห้องพักของตนอยู่ชั้น ๖ แต่กดลิฟท์แล้วปรากฏว่ามาอยู่ชั้น ๘ คุณดาหวัน (นางสาวเพชรดาวัลย์ พัสลุผล) กับคุณพอร์ชลูกชายก็งง ๆ อยู่เหมือนกัน ท้ายที่สุด พวกเราก็ลองเอาคีย์การ์ดไปแปะประตูดูก่อน ปรากฏว่าเปิดได้เสียอีก..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงฟันธงว่าเจ้าของโรงแรมน่าจะ "บ้าเลขมงคล" ก็คือเลข ๘ จึงได้เอาเลข ๘ มาไว้หน้าห้องของชั้น ๖ ทุกห้อง..!

เมื่อเข้าห้องมาได้แล้ว รู้สึกว่า "รับประทานแห้ว" แน่นอน เนื่องเพราะว่าวันนี้ไม่มีอ่างแช่น้ำร้อนให้ จึงมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้เอาไว้ก่อน เมื่อส่งเรียบร้อยแล้วก็ต้องเข้าระบบ Zoom Meeting Online เพื่อศึกษาวิชาพระไตรปิฎกศึกษากันต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2025 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว