กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-05-2025, 19:48
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 503
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 25,080 ครั้ง ใน 991 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-05-2025, 00:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,435
ได้ให้อนุโมทนา: 158,058
ได้รับอนุโมทนา 4,481,120 ครั้ง ใน 36,044 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ พวกเราส่วนหนึ่งก็กำลังทำความสะอาดสถานที่ เพื่อรอรับงานเป่ายันต์เกราะเพชรช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งฉิวเฉียดกับการประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ที่วัดดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี พูดง่าย ๆ ว่าประชุมวันที่ ๓๐ วันที่ ๓๑ ก็เป็นวันเป่ายันต์เกราะเพชร..!

ดังนั้น..เรื่องต่าง ๆ ต้องเตรียมการให้พร้อมไว้ กรรมการที่ตั้งเอาไว้แต่ละฝ่ายให้ทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่ โดยเฉพาะฝ่ายดูแลจัดการจราจร เพราะว่าผู้คนที่มาจำนวนมาก ๆ มักจะมีบุคคลที่ไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องของระเบียบของสถานที่อะไรอยู่เป็นปกติ หลายต่อหลายคนจะใช้วิธีหน้าด้าน จอดรถขวางคนอื่นเพื่อที่ตัวเองจะได้มาเข้าพิธี ประกาศเรียกเท่าไรก็ทำหูทวนลม ถ้าเจอบุคคลประเภทนี้ก็ให้รถตำรวจยกไปเลย ให้ไปจ่ายค่าปรับเสียให้เข็ด..!

เมื่อกลับมาจากต่างประเทศ กระผม/อาตมภาพก็ต้องมาไล่ตามงาน ด้วยความที่ว่าการเดินทางไปอินเดียงวดนี้คร่อมอยู่ระหว่าง ๒ เดือน โดยปกติแล้ว ช่วงปลายเดือนจะมีสารพัดบัญชีที่ต้องทำให้เสร็จเรียบร้อย แล้วก็งานอื่น ๆ อีกมาก ถ้าหากว่ามีเร่งด่วนก็ต้องรีบทำให้เขาก่อน เมื่อกลับมาเลยเวลาปลายเดือนไปหลายวัน จึงต้องมาเร่งรัดงานต่าง ๆ เพื่อส่งให้ทันกับเวลา

ถ้าถามว่ารู้อย่างนี้แล้วทำไมถึงไปปลายเดือนคร่อมต้นเดือน ? ก็เพราะว่าผู้ร่วมคณะส่วนหนึ่งรับราชการอยู่ ซึ่งมีระเบียบชัดเจนว่าแต่ละเดือนให้ลาได้ไม่เกินกี่วัน ดังนั้น..ถ้าหากว่าคร่อม ๒ เดือน เขาจะได้ใช้วันลาได้ทั้ง ๒ เดือน โดยที่ไม่ต้องลากิจลาป่วยอย่างอื่น

ซึ่งก็คล้ายคลึงกับระเบียบของวัดท่าขนุนของเรา ซึ่งบางทีพระใหม่หรือว่านาคที่มาใหม่ก็ยังไม่ทราบว่า
ถ้าท่านอยู่วัดครบ ๑ เดือน มีสิทธิ์ลาได้ ๗ วัน ถ้าหากว่าอยู่ครบ ๒ เดือนโดยไม่ได้ลา ก็มีสิทธิ์ลาได้ ๑๕ วัน วันไปก็นับ วันกลับก็คิด ยกเว้นพวกที่เรียนหนังสือที่ไม่อนุญาตให้ลา เนื่องเพราะว่าแทบจะไม่มีเวลาอยู่วัดทำงานอยู่แล้ว แถมยังใช้เงินเป็นจำนวนมากในการเรียนอีก ต้องช่วยอยู่วัดทำงานให้คุ้มกับค่าเรียนบ้าง ยกเว้นเรื่องสำคัญพิเศษเร่งด่วน ให้มาขออนุญาตกระผม/อาตมภาพทีละอย่าง ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าเหลวไหลก็ไม่ต้องไป..!

สถานที่ต่าง ๆ ถ้าหากว่ามีบุคคลจำนวนมาก ระเบียบจะต้องชัดเจน อย่างพวกเราที่มาลงสมุดลา เมื่อครู่นี้
กระผม/อาตมภาพก็ได้เขียนถามไว้ว่า "ใครลา ?" และ "ใครอนุญาต ?" เนื่องเพราะบอกแค่ว่าวันนี้ไปไหนเท่านั้นเอง ลงสมุดต้องลงให้ชัดเจนว่าพระภิกษุ หรือสามเณร หรือญาติโยมท่านใด ฉายาหรือนามสกุลอะไร ? ไปทำธุระอะไร ? แล้วนำไปให้เวรที่รับสังฆทานอยู่เซ็นเสียก่อนถึงจะไปได้ ไม่ใช่ทิ้งเอาไว้เฉย ๆ ปล่อยให้เขามาหาเองว่าใครลา ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2025 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-05-2025, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,435
ได้ให้อนุโมทนา: 158,058
ได้รับอนุโมทนา 4,481,120 ครั้ง ใน 36,044 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าท่านอยู่ ๆ หายไป เมื่อถามแล้วต้องมีคนรู้ว่าไปไหน เพราะว่าภิกษุเที่ยวไปโดยไม่บอกลา ถ้าไม่ได้อานิสงส์พรรษาก็ผิดศีลอยู่แล้ว อย่าเห็นว่าเป็นของเล็กน้อย เพราะว่าแต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่เป็นระเบียบของวัด ส่วนใหญ่ก็ช่วยไม่ให้เราละเมิดศีลของพระนั่นเอง แต่ก็มีบุคคลมักง่ายบางประเภท ที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ สักแต่ว่าเขียน ๆ ไป ใครจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ช่าง กูไปแล้ว..!

อย่าลืมว่าพวกเราถือว่าเป็นวัดสายปฏิบัติ ถ้าหากว่าทำไปแล้วหาความละเอียดของใจไม่ได้ แม้กระทั่งเรื่องของการลายังไม่ชัดเจน ก็ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่น เพราะว่ากำลังใจในการปฏิบัติธรรมต้องละเอียดกว่านั้น ระเบียบวินัยต่าง ๆ หรือว่าศีลพระ เป็นการตีกรอบป้องกันไม่ให้กิเลสกินเราได้ง่าย

โดยเฉพาะการลา ถ้าบอกครูบาอาจารย์เอาไว้ ครูบาอาจารย์หลายต่อหลายท่านมีความสามารถพิเศษ เราไปประสบเหตุฉุกเฉินที่ไหน บางทีท่านก็สามารถช่วยได้ ตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านคุย ๆ อยู่กับญาติโยมที่ไปกราบเป็นปกติ อยู่ ๆ ก็หยุดชะงัก เอามือตบพื้นกระดานศาลาเสียงปังใหญ่ แล้วก็หันมาบอกกับญาติโยมว่า "พระที่ลาไปธุดงค์เจอกับควายป่า ถ้าหากว่าไม่ช่วยจะเป็นอันตราย"

บรรดาญาติโยมก็สอบถามว่า "พระรูปไหนที่ออกธุดงค์แล้วมาลาท่าน ท่านก็บอกให้" พอถึงเวลาพระท่านกลับมาก็สอบถามว่า "วันนั้น เวลานั้น มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ?" พระท่านก็บอกว่า กำลังเดินธุดงค์อยู่ เผลอสติหน่อยเดียว เดินไปเผชิญหน้ากับควายป่าทั้งฝูง ซึ่งควายป่านั้นเป็นสัตว์ที่มุทะลุดุดันมาก ถ้าเจออะไรที่คิดว่าเป็นศัตรูจะวิ่งใส่และขวิดแหลกเอาไว้ก่อน..!

แม้กระทั่งกาญจนบุรีของเรา ท่านอาจารย์เป้า ขอเอ่ยชื่อก็ได้ พระครูใบฎีกาอุเทน อุฏฺฐานโรจโน อดีตเจ้าอาวาสวัดไกรเกรียง โดนควายป่าขวิดมรณภาพ พระธุดงค์คณะนั้นท่านไม่ทราบเหมือนกันว่าจะหนีไปทางไหน เพราะว่าเผชิญหน้ากับควายทั้งฝูง ท่านบอกว่า
"อยู่ ๆ ได้ยินเสียงปังใหญ่ เหมือนฟ้าผ่า แล้วควายก็ตกใจ เตลิดไปหมด..!"

แม้แต่สมัยที่กระผม/อาตมภาพออกนอกวัด ไปลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่าน เมื่อถึงเวลากลับมา ท่านจะถามทันทีว่า "ไปตรงนั้นมา ไปตรงนี้มา ใช่หรือไม่ ?" เพราะว่าส่วนใหญ่กระผม/อาตมภาพเองนั้น ถ้าหากว่าสงสัยอะไร ต้องไปพิสูจน์ทราบ ท่านบอกว่าตรงไหนเป็นภูเขาทอง ตรงไหนมีแร่ยูเรเนียม ก็ไปดูว่าจริงอย่างที่ท่านพูดไหม ? เมื่อกลับมาท่านสอบถาม ก็เรียนตอบท่านไปตามความเป็นจริง ท่านบอกว่า "แกไปแล้วยังดี เพราะว่ามีกล้องถ่ายรูป ถึงเวลาก็มีรูปถ่ายมาเป็นหลักฐาน สมัยข้าไม่มีของแบบนี้ ได้แต่จำแล้วก็มาเล่าให้คนอื่นฟัง คนที่เชื่อก็ดีไป คนที่ไม่เชื่อก็หาว่าข้าโกหก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2025 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-05-2025, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,435
ได้ให้อนุโมทนา: 158,058
ได้รับอนุโมทนา 4,481,120 ครั้ง ใน 36,044 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..แม้แต่เรื่องการลาภายในวัดของเรา ก็อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะว่าเป็นการขัดเกลาและฝึกตนเองของพวกเรา ให้อยู่ในกรอบ อยู่ในระเบียบ ซึ่งเรื่องของระเบียบกฎเกณฑ์ก็คือศีลนั่นเอง ถ้าเราสามารถที่จะทำได้เป็นปกติ กำลังใจในการรักษาศีลของเราก็ไม่ต่างจากการรักษาระเบียบตรงนั้น

อีกประการหนึ่งก็คือ ญาติโยมที่มาหาแล้วสอบถามหากระผม/อาตมภาพ ตอบเขาไปชัด ๆ เลยว่า "หลวงพ่อเล็กไม่รับแขก ท่านเอางานคณะสงฆ์เป็นใหญ่" เพราะฉะนั้น..ถึงเวลาจะไปงานคณะสงฆ์ก่อน อย่าได้คิดว่าไปกิจนิมนต์เป็นอันขาด เพราะว่าการไปกิจนิมนต์ ส่วนใหญ่ก็จะได้สตางค์ กระผม/อาตมภาพไปงานไหนก็จ่ายงานนั้น..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเอางานคณะสงฆ์เป็นใหญ่ ก็ไม่มีเวลาที่จะมาต้อนรับญาติโยม แล้วก็ได้ตั้งเวรสังฆทานเอาไว้ เพื่อให้ต้อนรับและรับการทำบุญจากญาติโยม แต่ก็ยังมีบุคคลอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งไม่เข้าใจว่าสังฆทานและปาฏิปุคคลิกทาน นั้นต่างกันอย่างไร ? ก็ระบุจำเพาะเจาะจงว่า "จะมาหาหลวงพ่อเล็กเพื่อถวายสังฆทาน..!" ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะเป็นสังฆทานได้ เพราะเป็นการเจาะจงเฉพาะตัวบุคคลไปแล้ว

ช่วยบอกให้เขาทราบด้วยว่า สังฆทานก็คือทานสำหรับส่วนรวม พระภิกษุสามเณรในสถานที่นั้น มีส่วนที่จะร่วมกินร่วมใช้ทั้งหมด ปาฏิปุคคลิกทานเป็นทานเจาะจงเฉพาะพระสงฆ์หรือสามเณรรูปใดรูปหนึ่ง ซึ่งอานิสงส์ต่างจากสังฆทานเป็นแสนเท่า..!

เนื่องเพราะว่าถึงเวลาแล้วพวกเราก็มักจะถวายสังฆทานกับพระที่เรามั่นใจ อย่างเช่นว่าถ้าเป็นสมัยก่อนแถวนี้ ก็อยากถวายสังฆทานกับหลวงพ่ออุตตะมะ (พระราชอุดมมงคล วิ.) วัดวังก์วิเวการาม หรือว่าถ้าเป็นที่อื่น ก็อยากถวายสังฆทานกับหลวงพ่อคูณ (พระเทพวิทยาคม) วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น

ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ พระหนุ่มเณรน้อยที่ไม่ได้มีส่วนร่วมก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่กำลังใจมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวจริง ๆ พออดอยากลำบากเข้าก็อาจจะสึกหาลาเพศไปหมด พระศาสนาของเราก็จะตั้งอยู่ไม่ได้ แต่ว่าสังฆทานนั้นมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ เพราะว่าเป็นทานรักษาพระศาสนา ดังนั้น..ช่วยบอกให้ญาติโยมเขาตั้งกำลังใจเสียใหม่ว่า ตั้งใจถวายสังฆทานเพื่อหมู่สงฆ์ทั้งปวงที่อยู่ในอารามแห่งนี้ อย่าได้จำเพาะเจาะจงว่าจะถวายกับใคร เพราะว่าโอกาสพลาดมีสูงมาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2025 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-05-2025, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,435
ได้ให้อนุโมทนา: 158,058
ได้รับอนุโมทนา 4,481,120 ครั้ง ใน 36,044 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งก็คือ เนื่องจากว่ากลับมาแล้ว กระผม/อาตมภาพต้องทำบัญชีรับจ่ายของการทำบุญทางออนไลน์ด้วย ปรากฏว่าเดือนนี้ยอดเงินทำบุญออนไลน์มหาศาลมาก เนื่องเพราะว่าได้รับโอนจากคุณสิริกุล อาจมังกรมา ๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยปกติแล้ว วันไหนเงินทำบุญถึง ๕,๐๐๐ บาท กระผม/อาตมภาพก็ดีใจมากแล้ว บางทีก็อยู่ที่ ๓๐๐ - ๔๐๐ หรือ ๕๐๐ - ๖๐๐ บาท เดือนไหนยอดรวมถึง ๑๐,๐๐๐ บาทก็จะดีใจมาก ไม่ใช่ดีใจว่าได้เงิน แต่ดีใจว่าญาติโยมยังสร้างความดีกันมาก

ลักษณะเดียวกับที่พระภูมิเจ้าที่ท่านมาจดความดีของบุคคล แล้วไปส่งให้ปัญจสิกขเทพบุตรประกาศในที่ประชุมเทวสภาทุกวันพระ เมื่อมีบุคคลสร้างบุญสร้างกุศลมาก เทวดานางฟ้าก็ดีใจว่า ถึงเวลาแล้วเราก็จะมีสหาย ก็คือเพื่อนที่จะมาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ก็ลักษณะเดียวกันกับที่กระผม/อาตมภาพว่าดีใจที่เห็นโยมทำบุญกันมาก
คำว่ามากในที่นี้คือจำนวนคน ไม่ใช่จำนวนเงิน เพราะว่าหลายท่านก็ตั้งโอนอัตโนมัติวันละ ๑ บาทเป็นปกติอยู่แล้ว..!

เพียงแต่ว่าถ้าเป็นไปได้ กรุณาอย่าใส่เศษสตางค์มา อาตมภาพไม่ได้หมิ่นเงินน้อย แต่เนื่องเพราะว่า
บัญชีทำบุญออนไลน์นั้น ผูกอยู่กับกรมสรรพากร ทางวัดต้องลงบัญชีทุกบาททุกสตางค์ พลาดแม้แต่สตางค์เดียว เขาสามารถตั้งข้อหาว่าทุจริตได้ ดังนั้น..ถ้าเป็นไปได้ กรุณาอย่าเอาเลขสวยเข้าว่า บางท่านก็โอนมามีเศษสตางค์ ๑๑ สตางค์ ต้องการเลข ๑ บางท่านโอนมามีเศษ ๙ สตางค์บ้าง ๙๙ สตางค์บ้าง เพราะคิดว่าเป็นเลขมงคล

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ถ้าท่านทำแล้วสบายใจก็ทำเถิด แต่ว่าเลขมงคลของท่านขอให้เป็นยอดเต็มได้หรือไม่ ? เพื่อที่อาตมภาพจะได้ไม่ต้องลำบาก เพราะว่าถ้าหากว่าผิดพลาดแม้แต่สตางค์เดียว เขาสามารถเล่นงานข้อหาทุจริตได้ ถ้าโดนแบบนั้นเราก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกแล้ว

จำได้ว่าบ่นไปทีไร ก็จะหายไปหลายเดือน แล้วก็ค่อย ๆ กลับมามาอีก อาจจะเป็นความเคยชินของท่านก็เป็นได้ ถ้าอนุเคราะห์สงเคราะห์พระแก่ให้ทำงานง่ายขึ้น ก็กรุณาโอนเป็นจำนวนเต็ม จะ ๑ บาท ๒ บาท ๓ บาทก็ได้ แต่ถ้าไม่กลัวว่าพระจะลำบาก จะโอนเป็นเศษสตางค์ตามเดิม อาตมภาพก็ไม่ได้ว่าอะไร

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2025 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:29



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว