#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ สถานการณ์บ้านเมืองของเราที่มีผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่ประเทศพม่า ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เนื่องเพราะว่าการขุดค้นหาผู้รอดชีวิตภายใต้ตึกถล่มนั้นไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้สามารถนำศพออกมาพิสูจน์ทราบได้ ๑๙ ศพ ส่วนที่เหลือยังต้องรอการขุดค้นต่อไป เพราะว่าจัดอยู่ในประเภทบุคคลสูญหายอีกหลายสิบคน ซึ่งไม่หวังแล้วว่าจะสามารถรอดชีวิตอยู่ได้..!
แล้วเรื่องของเคราะห์ซ้ำกรรมซัดประมาณว่าไม่มีอะไรจะทำ นึกถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตน ไม่ได้นึกถึงความลำบากเดือดร้อนหรือผลกระทบที่จะมีต่อประเทศชาติ ก็คือการเปิดบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย หรือที่เรียกกันว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ครบวงจร เรื่องพวกนี้นั้น ผู้นำศาสนาอื่น ๆ ได้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านแล้ว แต่ทางศาสนาพุทธของเรา พระภิกษุสามเณรโดนห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมาตั้งแต่ต้น จึงไม่สามารถที่จะออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านได้ เพราะว่าเป็นการผิดกฎหมายทางคณะสงฆ์ คือ มติมหาเถรสมาคม แต่กระผม/อาตมภาพขอออกมากล่าวถึง ในฐานะที่ศึกษาหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบ้าง พระองค์ท่านตรัสถึงอบายมุข คือ หนทางแห่งความเสื่อม เอาไว้ ๒ แบบ แบบแรกเรียกกว่าอบายมุข ๔ มีมาในอังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต กล่าวถึงหนทางแห่งความเสื่อม ๔ ประการคือ ๑) ความเป็นนักเลงหญิง ๒) ความเป็นนักเลงสุรา ๓) ความเป็นนักเลงการพนัน ๔) คบคนชั่วเป็นมิตร ท่านทั้งหลายจะเห็นอย่างชัดเจนว่า ๑ ใน ๔ ของหนทางแห่งความเสื่อมนั้นก็คือการเป็นนักเลงการพนัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2025 เมื่อ 01:52 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ส่วนอบายมุขอีกอย่างหนึ่งนั้นมาในสิงคาลกสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ซึ่งกล่าวถึงสิงคาลกมาณพที่มาไหว้ทิศทั้ง ๖ เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอบถามแล้วจึงได้บอกว่า พระอริยสาวกในศาสนาของพระองค์ท่านนั้น จะเว้นจากกรรมกิเลส ๔ และหนทางเสื่อมให้โภคะ ๖ ประการ เพื่อปิดทิศทั้ง ๖ ซึ่งหนทางแห่งความเสื่อมจากโภคะ ๖ ประการนั่นแหละที่เรียกกว่าอบายมุข ๖ ซึ่งประกอบไปด้วย
๑) การดื่มน้ำเมา ๒) การเที่ยวกลางคืน ๓) การเที่ยวดูการละเล่น ๔) การเล่นการพนัน ๕) การคบคนชั่วเป็นมิตร ๖) การเกียจคร้านในการทำงาน ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าการดื่มน้ำเมาในอบายมุข ๖ นั้นก็ตรงกับการเป็นนักเลงสุราในอบายมุข ๔ การคบคนชั่วเป็นมิตรนั้นตรงกันทุกประการ การเล่นการพนัน ตรงกันทุกประการ การเป็นนักเลงหญิงนั้น สงเคราะห์เข้ากับการเที่ยวกลางคืน หรือเที่ยวดูการละเล่นได้ ก็แปลว่าหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไม่มีอะไรคัดค้านกันเลย เพียงแต่ว่าหนทางแห่งความเสื่อมของโภคะ คือทรัพย์สมบัตินั้นจะชัดเจนกว่า และครอบคลุมกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2025 เมื่อ 01:53 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
การดื่มน้ำเมาในปัจจุบันนี้ต้องสงเคราะห์เข้ากับยาเสพติดทั้งปวง เพราะเป็นเหตุแห่งการใช้เงินทองหมดสิ้นไป ทำให้เกิดความเสื่อมของทรัพย์สมบัติ
การเที่ยวกลางคืนนั้น ทุกท่านก็รู้อยู่ มีแต่ทางเสียหายโดยประการเดียว โดยเฉพาะถ้าหากว่าเป็นผู้หญิง โอกาสที่จะถูกหลอกลวงให้เสียหาย มีมากเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์..! การเที่ยวดูการละเล่นนั้น ก็คือไม่ว่าจะมีอะไรสนุกสนาน มหรสพประเภทใดก็ตาม ก็มักจะไปในทุกที่ ในปัจจุบันนี้สงเคราะห์เข้ากับการเล่นเกมต่าง ๆ ไม่ว่าจะในโทรศัพท์มือถือ หรือว่าในคอมพิวเตอร์ เนื่องเพราะว่ามีแต่จะทำให้เสียเงิน เสียทอง เสียเวลา ไม่มีโอกาสที่จะทำการงาน เพราะว่ามัวแต่เที่ยวมัวแต่เล่นอยู่ ส่วนการเล่นการพนันนั้น โบราณเรากล่าวเอาไว้ชัดเจนที่สุดแล้วว่า โจรปล้น ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ากับไฟไหม้ ๑ ครั้ง เนื่องเพราะว่าโจรปล้นขนาดไหนก็ตาม เราก็ยังมีบ้านมีเรือนอยู่ เขาเอาไปแต่ทรัพย์สมบัติที่กอบโกยหอบขนไปได้เท่านั้น แล้วก็มีผู้มากล่าวต่อว่า ไฟไหม้ ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ากับการเล่นการพนัน เนื่องเพราะว่าต่อให้ไฟไหม้บ้านและทรัพย์สมบัติอื่น ๆ จนหมดไป ที่ดิน เรือกสวนไร่นาก็ยังคงอยู่ แต่การเล่นการพนันนั้น เมื่อถึงเวลาหน้ามืดขึ้นมา อย่าว่าแต่ที่ดินเรือกสวนไร่นาเลย แม้แต่ลูกเมียก็เอาไปจำนำกันมาแล้ว..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเล่นการพนันนั้นเป็นการสร้างความเสียหายอย่างยิ่ง ผู้ที่สนับสนุนอย่าได้บอกกล่าวว่ามีข้อห้ามข้อบังคับ เอาแค่ห้ามเยาวชนเข้าไปในแหล่งเที่ยว หรือว่าห้ามเยาวชนซื้อสุราต่าง ๆ แค่นี้ เราก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องเพราะว่ากฎหมายมีเอาไว้สำหรับบุคคลที่เกรงกลัวกฎหมาย มีความละอายชั่วกลัวบาป ส่วนบรรดาผู้ที่ใจกล้าหน้าด้านนั้น ต่อให้ท่านมีข้อห้ามรอบคอบรัดกุมขนาดไหนก็ห้ามไม่ได้..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2025 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
โดยเฉพาะสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ กระผม/อาตมภาพยังไม่เห็นว่ามีอะไรผิด ในเมื่อพระองค์ท่านบอกว่าการเล่นการพนันนั้นเป็นความเสื่อม ถ้าพูดให้ชัด ๆ ตามภาษาไทยคือเป็นต้นเหตุแห่งความฉิบหาย แล้วกระผม/อาตมภาพก็ไม่เข้าใจว่า นักการเมืองของเราทำไมถึงจะเอาความฉิบหายมาใส่บ้านใส่เมืองของเรา ?
ประเทศพม่ามีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ประเทศลาวมีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ประเทศกัมพูชามีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย แล้วท่านทั้งหลายเห็นว่าประเทศทั้งหลายเหล่านั้นมีความเจริญอะไรขึ้นมาบ้าง ? นอกจากความร่ำรวยของคนไม่กี่คน และนักการเมืองที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ดังนั้น..ในเรื่องนี้แม้ว่าพระภิกษุสงฆ์ของเราห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็จริง แต่กระผม/อาตมภาพขอออกมาตักเตือนทุกท่าน ในฐานะพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา เห็นสิ่งหนึ่งประการใดที่จะสร้างความเสื่อมทรามให้กับผู้คนของเรา โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชน ก็ย่อมที่จะต้องออกมาติติง หรือว่าบอกกล่าวให้ผู้คนได้สติ เพราะไม่ว่าจะเป็นอบายมุข ๔ หรือว่าอบายมุข ๖ ก็ตาม การเล่นการพนันเป็นอบายมุข คือทางสร้างความฉิบหายให้กับชีวิตของตน และคนรอบข้างอย่างแน่นอน แล้วบุคคลประเภทนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหากว่าไม่มีคนชั่วที่ช่วยกันทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้น ก็แปลว่าท่านทั้งหลายกำลังคบคนชั่วเป็นมิตร สร้างความฉิบหายซับซ้อนเป็นอย่างที่ ๒ ที่ ๓ ขึ้นมาอีก..! แล้วคนทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นคนดื่มน้ำเมา หรือติดยาเสพติด บุคคลที่เที่ยวกลางคืน หัวไม่วางหางไม่เว้น บุคคลที่ติดเที่ยวการดูการละเล่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพ่อยก แม่ยก หรือว่าเด็กติดเกมก็ตาม บุคคลที่เป็นนักการพนัน บุคคลที่คบคนชั่ว เขาทั้งหลายเหล่านี้ย่อมไม่มีเวลามาทำการทำงาน มีแต่จะสร้างความอ่อนแอให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติบ้านเมืองของเรา พาบ้านเมืองของเราให้ฉิบหายไปกับอบายมุขข้อสุดท้ายที่ว่าเกียจคร้านไม่ทำการงาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2025 เมื่อ 01:56 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
![]()
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าท่านจะปลดล็อกการขายสุรา การซื้อสุราก็ดี การปลดล็อกเวลาในการเที่ยวกลางคืนที่เขามีจำกัดอยู่ก็ดี การเปิดให้มีการเล่นการพนันเสรี หรือว่าบ่อนคาสิโนถูกกฎหมายก็ตาม ก็แปลว่าท่านกำลังบ่อนทำลายประเทศชาติของเราอย่างถึงรากถึงโคน..!
เหมือนอย่างสมัยก่อนที่มีบรรดามหาอำนาจ ๘ ชาติ นำเอาฝิ่นซึ่งเป็น ๑ ในยาเสพติด สงเคราะห์เข้ากับการดื่มน้ำเมาเข้าไปเผยแพร่ในประเทศจีน จนมีผู้ติดฝิ่นเป็นจำนวนมาก กลายเป็น "ผู้ป่วยแห่งเอเชีย" ถึงเวลาก็โดนพันธมิตร ๘ ชาติบุกยึดบ้านยึดเมือง โดยที่ไม่มีกำลังไปต่อต้านเขา ท่านทั้งหลายกำลังสร้างความเสื่อมอย่างหนักหนาสาหัสให้กับประเทศชาติ โดยเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ยังไม่สายเกินไปที่ท่านทั้งหลายจะกลับตัวกลับใจ จะยกเลิกในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ และโดยเฉพาะบรรดาท่านทั้งหลายที่เห็นดีเห็นงาม ปลดล็อกในการขายเหล้า ขายเบียร์ ปลดล็อกเวลาในการเที่ยวกลางคืน แล้วยังมาสนับสนุนในเรื่องของบ่อนการพนันเสรี โดยอ้างว่าเป็นสถานบันเทิงครบวงจร อยากจะบอกว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีแต่สร้างความทุกข์อย่างถึงรากถึงโคน เป็นการบ่อนทำลายประเทศชาติอย่างหนักหนาสาหัส คุณงามความดีมีไม่ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์ แต่เสียหายไป ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์..! ถ้าหยุดได้จงหยุดเถิด ไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านทั้งหลายอาจจะโดนสาบแช่งไปชั่วลูกชั่วหลาน ว่าเป็นตัวการที่ทำลายประเทศชาติของเรา นอกจากบรรดานักปราชญ์หรือว่าผู้รู้ จะไม่สรรเสริญแล้ว ตายไปหวังว่าท่านทั้งหลายจะพ้นจากอบายภูมิได้ เนื่องเพราะว่าท่านเป็นผู้เปิดอบายเอง อบายมุข (หนทางแห่งการสู่อบาย) ท่านเปิดให้คนอื่นแล้วคิดว่าตัวท่านเองจะรอดไปได้หรืออย่างไร ?! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2025 เมื่อ 01:58 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|