#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ สามเณรของเราต้องสำนึกอยู่เสมอว่า เราเป็นเชื้อสายของสมณะ เป็นบุคคลที่คนอื่นเขากราบไหว้ ถ้าหากว่าความดีไม่พอ ให้คนอื่นที่เขาอายุมาก ที่เรียกว่า "วัยวุฒิ" มากกว่า ความรู้ความสามารถมาก เรียกว่า "คุณวุฒิ" มากกว่า เขามากราบมาไหว้ เราก็มีแต่จะขาดทุนไปทุกวัน
ดังนั้น..จึงต้องระมัดระวังอยู่เสมอว่าตอนนี้เราคือสามเณร แม้ว่าตอนนอนหลับอาจจะฝันว่าวิ่งเล่นบ้าง แต่ว่าตื่นขึ้นมาแล้ว ต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราคือสามเณร โกนหัวแล้ว นุ่งห่มผ้าเหลืองแล้ว อย่าเผลอไปคิดว่าเป็นฆราวาส สำหรับวันนี้ กระผม/อาตมภาพเองได้รับข่าวบางส่วนจากพรรคพวกทางประเทศพม่าส่งมาให้ เอาแค่ว่าสถานที่สำคัญหลายแห่งในประเทศพม่าได้รับความเสียหายหนักมาก ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่มัณฑะเลย์ หัวใจของมัณฑะเลย์เลยมี ๒ อย่างก็คือหลวงพ่อพระมหาเมี้ยตมุนี หรือที่คนไทยเรียกว่าหลวงพ่อมหามัยมุนี มณฑปหลวงพ่อเสียหายเกือบหมด องค์หลวงพ่อเอง ความเสียหายอื่นดูไม่ชัดเจน ยกเว้นมหามงกุฎที่เอียงและบิดเบี้ยวไป อาจจะมีสิ่งของหล่นใส่ แล้วทางพม่าก็ขอร้องว่าอย่าถ่ายรูปจนกว่าจะทำหรือว่าซ่อมเสร็จ อีกส่วนหนึ่งก็คือยอดเขามัณฑะเลย์ตอง ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีความเสียหายเท่าไร แต่น่าจะเสียหายมากกว่าทางด้านล่าง เนื่องเพราะว่าตลอดทางขึ้นไปนั้นมีพระพุทธรูปใหญ่ และบนยอดเขามีพระเจดีย์อยู่ด้วย ส่วนที่พักรอบข้างตัวเมืองมัณฑะเลย์ นอกจากเสียหายเพราะแผ่นดินไหวแล้ว ยังโดนไฟไหม้ซ้ำจนไม่เหลือซาก พูดง่าย ๆ ว่าดีที่ไม่มีฝนลงมาซ้ำเติม เลยทำให้ชาวบ้านสามารถที่จะนอนพักแถวใต้ต้นไม้ได้ ส่วนเรื่องของการค้นหาศพ หรือช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัย โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์ซึ่งเข้าสอบที่อาคารเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์มัณฑะเลย์ ยังไม่มีความชัดเจน แต่เขาคาดว่าคงจะมรณภาพเป็นร้อยรูป..! ส่วนทางมณฑลสะกาย ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ความช่วยเหลือเข้าไปไม่ถึง เพราะว่าถนนจากมัณฑะเลย์ผ่าน "อังวะ" ที่พม่าเรียกว่า "อิงวะ" เข้าไปสู่สะกาย โดนแผ่นดินไหวพังหมด ไม่มีสถานที่พอให้พาหนะวิ่งได้เลย สะพานที่ข้ามจากมัณฑะเลย์ไปสะกายสองแห่ง ก็คือสะพานข้ามแม่น้ำอิระวดี หรือแม่น้ำเอยาวตี แห่งหนึ่งพังถล่มลงน้ำ อีกแห่งหนึ่งตอม่อทรุดและร้าว ทำให้ไม่มีใครกล้าใช้งาน ปัจจุบันนี้ต้องอาศัยแพขนานยนต์พาคนข้ามไปมา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2025 เมื่อ 01:45 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ยอดเขาสะกายซึ่งเป็นสถานที่สำคัญมาก โดยเฉพาะวัดซุนอู ซึ่งจะมีหลวงพ่อโตอยู่องค์หนึ่ง ที่ใครจะตื่นเช้าสักเท่าไรก็ตาม ถ้าไปถึงหลังเที่ยงคืน จะมีข้าวพระถวายอยู่ก่อนชุดหนึ่งเสมอ จนเขาเชื่อกันว่าเทวดามาถวายข้าวพระ ปรากฏว่าหลวงพ่อวัดซุนอูพังลงมาเกินครึ่งองค์ เหลือแค่พระอังสาคือบ่าซ้าย กับองค์พระ แล้วก็หน้าตักหน่อยเดียวเท่านั้น..!
วัดวัดอูมินตงเส่ไม่มีความชัดเจนว่าพังลงไปเท่าไร โดยเฉพาะวัดนี้จะมีพระพุทธรูปอยู่ ๓๐ องค์ ส่วนที่เสียหายหนักอีกส่วนหนึ่งก็คือพระเจดีย์โบดอพะยา ซึ่งพระเจ้าปะดุง หรือพระเจ้าโบดอ ตั้งใจสร้างให้เป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ของเดิมโดนแผ่นดินไหวโค่นไปแล้วเกินครึ่ง ฐานก็มีรอยแตกร้าวอยู่ กลายเป็นที่เที่ยวสำคัญ ตอนนี้พังลงมาอีกครึ่งหนึ่ง..! ส่วนที่ไม่ได้ข่าวก็คือระฆังยักษ์มิงกุนเกาเลาจี เป็นระฆังที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนัก ๕๕,๕๕๕ ชั่ง อยากรู้ว่าน้ำหนักเป็นกิโลกรัมเท่าไร ๑ ชั่งของพม่าเท่ากับ ๓ ปอนด์อังกฤษ ก็เอา ๓ คูณ ๕๕,๕๕๕ แล้วหารด้วย ๒.๒ ก็จะเป็นน้ำหนักกิโลกรัม เมืองเพียวบ่วย ซึ่งเป็นเมืองเล็กใกล้เคียงบริเวณมัณฑะเลย์ เส้นทางขึ้นสู่รัฐฉาน เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่น่าอยู่มาก พังทลายแทบไม่มีอะไรเหลือเลย และความช่วยเหลือก็เข้าไปไม่ถึงด้วย เพราะว่าถนนหนทางเสียหายหมด..! เมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งก็คือเมืองมะกูย หรือที่คนไทยอ่านตามภาษาอังกฤษว่า "มาเกว" สิ่งสำคัญก็คือพระมหาเจดีย์เมียะตะลูน ซึ่งเขาเชื่อกันว่าเป็นที่เก็บแท่น ซึ่งอัญเชิญพระพุทธเจ้าตอนที่เสด็จมาสุวรรณภูมิเอาไว้ เป็นบริโภคเจดีย์ ปรากฏว่ากำแพงและตัวอาคารโดยรอบพังหมด แต่องค์เจดีย์ไม่มีอะไรเสียหาย ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองตอนช่วงที่ไปกราบ ประทับใจสุด ๆ ตรงที่ว่า องค์เจดีย์เปล่งรัศมีเรืองรอง รู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางพระจันทร์วันเพ็ญ สงบเย็นมาก ถ้าใครมีโอกาสลองไปกราบดูสักครั้งหนึ่ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2025 เมื่อ 01:48 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ส่วนสำคัญก็คือรัฐฉาน โดยเฉพาะแหล่งเที่ยวสำคัญ ทะเลสาบอินเลที่เมืองยองชุย บ้านเรือนญาติโยมพังทลายเกิน ๑๐๐ หลัง เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่ปลูกอยู่ในทะเลสาบ ซึ่งพื้นก็คือโคลน โดยเฉพาะเส้นทางที่เข้าไปวัดสำคัญก็คืองะแพชอง สองฟากฝั่งบ้านเรือนถล่มราบหมด..!
วัดผ่องต่ออูที่เป็นวัดสำคัญ เขาถ่ายให้ดูแค่บริเวณที่พังด้านนอกเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปด้านบน จึงไม่ทราบว่ามีความเสียหายอะไรมากไปกว่านั้นหรือเปล่า ? การจัดการเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต เมรุไม่เพียงพอที่จะเผาศพ ส่วนใหญ่จึงใช้วิธีเผากลางแจ้ง ก็คือเอาฟืนมากองสุม แล้วก็เอาศพไว้ตรงกลาง พูดง่าย ๆ ว่าพอวางศพลงไปแล้วมีไม้ทับอยู่ด้านบนด้วย เผากันแบบนั้นเลย..! บ้านเราที่เคยอเนจอนาถมากจากสึนามิในปี ๒๕๔๗ ถ้าจำไม่ผิด เราก็คงจะรู้ว่าในเวลาเกิดภัยพิบัติใหญ่ ๆ แบบนั้น ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่จำเป็นที่สุดก็คือการพึ่งพาตัวเองได้ ที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกพวกเราว่า ให้หาอาหารหรือน้ำติดบ้านเอาไว้ อย่างน้อย ๆ ให้พอใช้งานได้ ๒ - ๓ วัน ก็เพื่อถึงเวลาถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ หรือใกล้เคียงอย่างนี้ เราจะได้อาศัยตนเองก่อน ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น เพราะว่าถ้าความช่วยเหลือไปช้า หรือว่าไปไม่ได้ อย่างน้อยเราก็จะอยู่รอดไปได้อีกระยะหนึ่ง เราจะเห็นว่าในส่วนสำคัญของชีวิตจริง ๆ แล้วก็เหลือแค่ปัจจัย ๔ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ในช่วงภัยพิบัติ อาหารกับยารักษาโรคเป็นเรื่องจำเป็นที่สุด ส่วนอื่นสามารถที่จะขาดชั่วคราวได้ เรื่องพวกนี้อย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ถ้าเราไม่ประมาทตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีการเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน โอกาสที่เราจะรอดได้นานกว่า หรือว่ารอดไปเลย ย่อมมีสูงกว่าคนที่ไม่ได้เตรียมพร้อม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2025 เมื่อ 01:50 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
สมัยก่อนที่กระผม/อาตมภาพยังเป็นทหารอยู่ เขาสอนเอาไว้ว่าในช่วงภัยพิบัติต้องมีอาวุธติดตัวด้วย ถามครูฝึกว่าทำไม ? เราขนอาหารกับน้ำไว้ไม่ดีกว่าหรือ ? ครูฝึกบอกว่าถ้าไม่มีอาวุธ แล้วคุณจะเอาอะไรป้องกันอาหารและน้ำของคุณ ? เพราะว่าถึงเวลาคนหิวขึ้นมา วิธีง่ายที่สุดก็คือแย่งชิงหรือว่าปล้นจากคนอื่น..!
จึงเป็นเรื่องที่พวกเราทั้งหลายต้องตระหนักเอาไว้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็ตาม เปรียบเทียบกับประเทศพม่าที่เป็นศูนย์กลางแผ่นดินไหวแล้ว เป็นแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น จนกระทั่งวันนี้ หลังเหตุการณ์เกิดขึ้นมา ๓ วันแล้ว ยังไม่สามารถที่จะได้ข้อสรุปว่ามีผู้เสียชีวิตเท่าไร ไม่สามารถจะประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ยกเว้นเปรียบเทียบว่า เหมือนกับโดนระเบิดปรมาณูหลายลูกทีเดียวพร้อมกัน..! กระผม/อาตมภาพเองได้ยินบางคนที่เปรียบเทียบว่า "พอมีผู้นำเป็นหญิงแล้วเกิดภัยพิบัติขึ้น" อยากจะบอกว่าไอ้นั่นพยายามที่จะโยงให้มีเรื่องให้ได้ เพราะว่าในช่วงที่เกิดภัยพิบัติอย่างสึนามิ ก็ไม่ใช่ว่าผู้นำของเราจะเป็นผู้หญิง..! ในส่วนที่เกิดขึ้นนั้น เรื่องของสงครามในที่ต่าง ๆ สำคัญมาก เพราะว่ามีการใช้วัตถุระเบิดหรือขีปนาวุธ ที่สร้างแรงสะเทือนให้กับพื้นโลกต่อเนื่องยาวนาน เมื่อแรงสะเทือนสะสมถึงที่สุดก็จะปล่อยออกมา ก็แปลว่าจะมีเกิดขึ้นอีกถ้าหากว่าสงครามในที่ต่าง ๆ ยังไม่ได้ลดน้อยถอยลง บ้านเราแม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ซึ่งมีอันตรายจากภัยพิบัติน้อย แต่ก็ควรที่จะมีการเตรียมตัวอยู่ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะบุคคลที่ขายบ้านหนีน้ำท่วมในปี ๒๕๕๔ ไปซื้อคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะไปอยู่ชั้นสูง ๆ เจอแผ่นดินไหวครั้งนี้ก็คงนั่งกลุ้มใจว่า หนีน้ำได้..แต่หนีแผ่นดินไหวไม่พ้น เรื่องพวกนี้ก็คงจะต้องแก้ไขกันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือว่าตัวเราเอง ถ้ามีข่าวคืบหน้าอะไรก็จะมานำเสนอให้ทุกท่านได้ทราบอีกวาระหนึ่ง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2025 เมื่อ 01:53 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|