กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 29-06-2024, 20:49
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,996 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 30-06-2024, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,233 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ต้องขออภัยต่อทุกท่านเป็นอย่างสูง ที่เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนวันนี้มาช้า เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพต้องไปเป็นประธาน ในงานรดน้ำศพเจ๊เกี๊ยว (นางนฤณี สมบูรณ์) ซึ่งเป็นกรรมการวัดท่าขนุน มาแต่ดั้งแต่เดิมตั้งแต่สมัยหลวงปู่สาย (พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รูปที่ ๓ อดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ) ท่านอาจารย์สมเด็จ (พระอธิการสมเด็จ วราสโย อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รูปที่ ๔) ท่านอาจารย์สมพงษ์ (พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต อดีตเจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๑ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รูปที่ ๕) มาจนถึงรุ่นของกระผม/อาตมภาพนี้

โดยเฉพาะเจ๊เกี๊ยวนั้นพูดจีนแคะ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองก็มีเชื้อสายจีนแคะเช่นกัน จึงมีความสัมพันธ์กันหลายชั้นหลายเชิงมาก เจ๊เกี๊ยวก็เพิ่งจะใส่บาตรกระผม/อาตมภาพไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ปรากฏว่ามาเสียชีวิตเสียแล้ว

หลังจากนั้นก็ต้องเดินทางไปร่วมพิธีเปิดงานเทศกาลผลไม้ สืบสานลานบ้านลานวัฒนธรรม ของดีอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งเมื่อไปถึงก็ได้ยินพิธีกรกล่าวถึงบรรดาสิ่งของทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งเหล่าชาติพันธุ์ได้นำมาจัดแสดงและจำหน่าย โดยที่กล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งคือ "กระบองจ่อ" โดยที่บอกว่า "ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคนไทยเรียกว่ากระบองจ่อ ?"

กระผม/อาตมภาพจึงต้องขอไมโครโฟนมาจากโฆษก พร้อมกับอธิบายว่าคำนี้มาจากภาษาพม่าคือ "งะบูจ่อ" งะ คือ ปลา ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปลาเล็กปลาน้อยชุบแป้งทอด บู คือ น้ำเต้า แต่ว่าเป็นน้ำเต้าแบบทรงแตงโม ไม่ใช่น้ำเต้าแบบทรงน้ำเต้าจีน ซึ่งทางคนพม่านิยมนำมาหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วชุบแป้งทอด คำว่า จ่อ คือ การทอด นั่นเอง คำนี้จึงมาจากคำว่า "งะบูจ่อ" แปลว่า "ปลาและน้ำเต้าชุบแป้งทอด" แต่คนไทยฟังไม่ถนัด ก็เรียกง่าย ๆ สบายลิ้นว่า "กระบองจ่อ"

แต่ว่าเมื่ออยู่ในพิธีและ ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ประธานในพิธีก็มาถึงแล้ว ทางด้านโฆษกก็ยังคงบรรยายไม่เลิกถึงเรื่องของบ้านปิล็อก โดยมีคำขวัญของอำเภอทองผาภูมิที่ว่า "พุน้ำร้อนหินดาด ตลาดอีต่อง โบอ่องเจดีย์ ราชินีปูไทย เพลินใจแควน้อย เกินร้อยภูผา งามสุดตาเขื่อนวชิราลงกรณ" แล้วกล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ของอำเภอทองผาภูมิ ไปจบลงที่เหมืองแร่บ้านปิล็อก โดยที่กล่าวว่า "ได้ยินว่าคำว่า "ปิล็อก" นั้นมาจากคำว่า "ผีหลอก" ในภาษาไทย แต่ทำไมถึงกลายเป็นปิล็อกไปได้ก็ไม่ทราบ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-04-2025 เมื่อ 19:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 30-06-2024, 01:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,233 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ผู้รู้อย่างกระผม/อาตมภาพไม่สามารถที่จะปลีกตัวไปอธิบายได้ จึงขออธิบายในที่นี้เลยว่า คำว่า "บ้านผีหลอก" หรือ "บ้านปิล็อก" นั้น เนื่องจากว่ามีกะเหรี่ยงครอบครัวหนึ่ง ในเวลาค่ำเมียโดนงูกัด ผู้เป็นผัวจึงวิ่งฝ่าป่าฝ่าดงเพื่อออกไปยังถนน เพื่อหารถที่จะนำเมียไปโรงพยาบาล เนื่องเพราะว่าบ้านปิล็อกนั้น อยู่บนเขาห่างจากทองผาภูมิถึง ๗๐ กิโลเมตร..!

แต่ว่าเคราะห์ร้ายเหลือเกิน ผู้เป็นผัวชาวกะเหรี่ยงไปโดนเสือกัดตาย แต่ด้วยความที่จิตมุ่งมั่นว่าจะต้องหารถเพื่อรับเมียไปโรงพยาบาล ดังนั้น..เมื่อเห็นรถผ่านมา ก็มักจะออกมาโบกมือขอความช่วยเหลือ เมื่อโดนเข้าหลาย ๆ คนเขาเลยเรียกตรงนั้นว่า "บ้านผีหลอก"..!

แต่ด้วยความที่มีชาวมอญ - พม่ามาอยู่แถวนั้นมาก ออกเสียงคำว่า "บ้านผีหลอก" ไม่ถนัดตามแบบไทย จึงเรียกกลายเป็น "บ้านปิล็อก" มาจนทุกวันนี้ เรื่องของชื่อบ้านนามเมืองหรือว่าประวัติศาสตร์ชุมชนเหล่านี้ ถ้าหากว่าไม่กล่าวหรือว่าเล่าขานเอาไว้ นานไปผู้คนก็มักจะลืมเสียหมด

แล้วโฆษกก็ส่งลูกให้กับพิธีกรบนเวที ซึ่งพิธีกรทั้งสองคนก็ใช้วิธีตะเบ็งเสียงใส่ไมค์ฯ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงนิยมในลักษณะแบบนั้น ? โดยเฉพาะมีการเปิดเสียงในลักษณะของการเปิดตัว หรือว่าเน้นในสิ่งสำคัญ เป็นการใช้ลำโพงซับวูฟเฟอร์เปิดซาวด์แทร็ก กระแทกตึง ๆ ๆ ออกมาด้วยเสียงเบส กระผม/อาตมภาพรู้สึกสะเทือนไปทั้งอก หูแทบจะพัง..!

สิ่งที่พูดหรือว่าลำโพงที่เปิดเสียงนั้น สามารถที่จะลดเสียงลงไปถึง ๔ ใน ๕ ส่วนได้เลย เสียงก็จะพอดิบพอดี ไม่เป็นที่ทรมานหูและน่าสนใจมากกว่านั้น แต่ว่าในเมื่อเขานิยมกันแบบนั้น กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ทนเอา..!

หากแต่ว่าน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ซึ่งไปทำหน้าที่เป็นตากล้องให้กระผม/อาตมภาพนั้น ไม่สามารถที่จะทนเสียงได้ ถึงขนาดต้องเผ่นหนีออกจากเต็นท์หลักที่จัดงานไปเลย บอกว่าสะเทือนแต่ละทีใจจะขาด โดนกระแทกจนรู้สึกเจ็บหัวใจไปหมด ซึ่งบุคคลที่มีความอ่อนไหวต่อเสียงแบบนี้ มีจำนวนมากต่อมากด้วยกัน..!

กระผม/อาตมภาพจึงไม่แปลกใจเลยว่า บรรดาผู้ที่นิยมดนตรีแบบเฮวี่เมทัล
ในเวลาอายุมากถึงได้หูพังไปตาม ๆ กัน..! กระผม/อาตมภาพนั้นได้เปรียบที่เป็นทหาร คุ้นชินกับเสียงปืนเสียงระเบิดมามาก จนทุกวันนี้ประสาทหูก็ชำรุดไปเกิน ๔๐ - ๕๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว จึงพอที่จะรับเสียงเหล่านี้ได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2024 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 30-06-2024, 01:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,233 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเริ่มพิธี ท่านนายอำเภอชาคริต ตันพิรุฬห์ เป็นผู้กล่าวรายงาน บอกว่าได้มีการจัดงานเทศกาลผลไม้ของดีอำเภอทองผาภูมิเป็นปีที่ ๑๕ แล้ว สิ่งที่น่าภูมิใจก็คือ ทองผาภูมินั้นมีเงาะทองผาภูมิ และทุเรียนทองผาภูมิ ได้รับการบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ว่า เป็นของที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากที่อื่นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะมีรสชาติที่อร่อยมาก ๆ แล้วก็เป็นการกล่าวตอบจากร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งท่านก็มาเป็นประธานเปิดให้สองปีติดกันแล้ว

ความจริงในตอนแรกนั้น ท่านนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี ก็คือ รศ. ดร. พญ.เรวิกา ไชยโกมินทร์ นั้น ได้รับเชิญให้ไปเปิดงานกิ่งกาชาดซึ่งเป็นเต็นท์อยู่ใกล้เคียงกัน โดยเปิดพร้อม ๆ กันในเวลาทุ่มครึ่ง แต่โดนทักท้วงว่า ควรที่จะให้เกียรติท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดงานให้เสร็จก่อน แล้วท่านนายกเหล่ากาชาดจึงค่อยไปเปิดงานของกิ่งกาชาดอำเภอทองผาภูมิ

เมื่อโดนทักท้วงในลักษณะแบบนี้ ทางผู้จัดงานจึงต้องปรับตารางงานใหม่ เพื่อให้พิธีเปิดทางด้านงานเทศกาลผลไม้สำเร็จเรียบร้อยลงแล้ว หลังจากนั้นจึงเป็นการเปิดงานของทางกิ่งกาชาดอำเภอทองผาภูมิ

กระผม/อาตมภาพขอตัวกลับก่อนที่พิธีจะเสร็จ เพราะว่าไม่สามารถที่จะทนเสียงลำโพงดังสนั่นหวั่นไหวจนหูอื้อแบบนั้นได้ โดยวันนี้ทางเอ็นซีทัวร์ นำโดยคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ได้พาคณะมาเพื่อที่จะซื้อหาผลไม้ต่าง ๆ และจะนำคณะไปร่วมงานใส่บาตรวันอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ด้วย แต่ว่าต้องติดอยู่บนรถตู้เป็นระยะเวลายาวนานทีเดียว เนื่องเพราะว่ามาถึงผิดจังหวะ ไปเจอเอาฝนกระหน่ำลงมาพอดี

กระนั้นก็ตาม เมื่อฝนหยุดและลงไปซื้อหาทุเรียนแล้ว บรรดาผู้ร่วมทัวร์ยังมีกำลังใจนำทุเรียนมาถวายให้กระผม/อาตมภาพเสียอีก ซึ่งมีทั้งทุเรียน มีทั้งมังคุด โดยที่กระผม/อาตมภาพเองนั้น ไม่สามารถที่จะฉันทั้งสองอย่างได้ ทุเรียนนั้นพอที่จะฉันได้สักปีละเม็ดเดียว แล้วก็ต้องทนกับอาการความดันขึ้น ปวดหัวไป ๒ วัน ๓ วัน..! ส่วนมังคุดนั้นมีธาตุเย็นสูงมาก ฉันลงไปเมื่อไร มาลาเรียเรื้อรังก็จะกำเริบทันที..! แต่ในเมื่อญาติโยมมีศรัทธา จึงรับเอามา เพื่อที่จะส่งเข้าโรงครัว ให้เป็นลาภปากของพระภิกษุสามเณรและแม่ชีกันต่อไป

เมื่อกลับมาถึงวัด ถึงได้เริ่มทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ด้วยความเกรงใจว่าญาติโยมที่รออยู่ ว่าจะขาดการรับฟังไป โดยถือคติที่ว่า "มาช้าดีกว่าไม่มาเสียเลย"

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2024 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว