#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ภารกิจสำคัญของกระผม/อาตมภาพก็คือ เดินทางไปร่วมพิธีปฐมนิเทศคณาจารย์ ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ณ ห้องเธียเตอร์ โซน C อาคารเรียนรวม ถนนพหลโยธิน เขตวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ขณะเดียวกันท่านอาจารย์ รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป ก็ได้นิมนต์ให้ไปดูห้องประชุม ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้บอกบุญญาติโยมทั้งหลาย สร้างไว้ในนามของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ แต่ปรากฏว่าออกมาเป็น "ห้องประชุมพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร." ไปแทน เนื่องจากว่าตอนที่บริจาคเงิน แจ้งความประสงค์ว่าจะสร้างเอาไว้ในนามวิทยาลัยสงฆ์ แต่เจ้าหน้าที่จำได้แต่ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ก็เลยลงเป็นชื่อส่วนตัวไป หลังจากนั้นแล้วก็ได้เข้าร่วมการประชุมตามวาระปกติ เมื่อประชุมไปได้ระยะหนึ่ง ก็เปลี่ยนมาเข้าประชุมทางระบบ Zoom Video conferencing แทน คราวนี้ในส่วนที่วันนี้อยากจะเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมในวันนี้นั้นคือ การที่รัฐบาลซึ่งถ้าว่ากันตามภาษาจีนแต้จิ๋ว ท่านว่า "เจียะป้าบ่อสื่อ" ก็คือกินอิ่มแล้วไม่มีอะไรจะทำ ได้ไปปลดล็อคกัญชาจากยาเสพติด กลายเป็นพืชการเกษตรปกติทั่วไป ตรงจุดนี้ขอบอกเอาไว้ว่า ในเรื่องของกัญชานั้นมีคุณอนันต์และมีโทษมหันต์ คำว่า มีคุณอนันต์ ก็คือใบกัญชาสด ไม่ว่าท่านจะนำมาทำเป็นอาหาร หรือว่าเคี้ยวกินสด ๆ หรือว่าชงน้ำกินแทนชาก็ได้ สามารถที่จะช่วยเหลือรักษาโรคต่าง ๆ ได้มากมาย ส่วนที่เห็นชัดที่สุดก็คือคนนอนไม่หลับ รับประกันได้ว่า ถ้าหากว่ากินมาก ก็อาจจะนอนไปถึง ๓ วัน ๓ คืน โดยไม่ลุกเลย..! แต่คนเราส่วนใหญ่แล้วกลับไปใช้ในทางมึนเมาแทน ก็คือมีการเปลี่ยนแปลงจากสภาพสด ไปเป็นใบแห้งบ้าง ไปเป็นน้ำมันบ้าง ซึ่งทั้ง ๒ อย่างนี้ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เราจะเห็นว่าคนเมากัญชานั้น บางทีแม้แต่เชือกเส้นเดียวที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง ก็นั่งหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แค่นั้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2022 เมื่อ 02:19 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ขอให้ทุกท่านได้ทราบว่า ในเรื่องของการทำดีทำชั่วนั้น โดยธรรมชาติแล้ว คนเรามีสภาพจิตที่ไหลลงต่ำได้ง่ายมาก ดังนั้น...การที่ไปปลดล็อคกัญชาจากพืชเสพติด ให้ออกมากลายเป็นพืชทางเกษตร โอกาสที่จะทำให้เสียหายใหญ่หลวงย่อมมีมากกว่า
เพราะว่าโดยปกติแล้ว คนเราก็ไม่มีใครที่จะใช้ในทางการแพทย์รักษาโรค ส่วนใหญ่ก็คือใช้ในการย้อมจิตของตนให้มึนเมา คราวนี้ถ้าหากว่าเรารู้เท่าทัน แล้วใช้ในการักษาโรค ก็ยังต้องอาศัยหลักมัชฌิมาปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือต้องใช้แต่พอเหมาะพอดี พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ยังอยู่วัดบางนมโคนั้น วัดข้างเคียงแห่งหนึ่งมีสระน้ำอยู่ภายในวัด ปรากฏว่าวันหนึ่งปลาช่อนตัวใหญ่ลอยหัวขึ้นมา จะตายด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่ทราบ บรรดาเด็กวัดเห็นเข้าก็ไปนำมาทำเป็นอาหาร โดยตกลงกันว่าจะผัดเผ็ดพริกไทยอ่อน เนื่องจากว่าปลาเริ่มอืดแล้ว อาจจะมีกลิ่นบ้าง จึงต้องอาศัยเครื่องแกงต่าง ๆ มากลบกลิ่นปลา เมื่อตกลงกันว่าผัดเผ็ดพริกไทยอ่อน ก็พอดีหลวงพ่อเจ้าอาวาสเดินผ่านไป หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านก็ปรารภลอย ๆ ว่า "ถ้าใส่กัญชาสักหน่อยจะอร่อยมาก" บรรดาลูกศิษย์วัดมองหน้ากัน แล้วด้วยความที่ขาดมัชฌิมาปฏิปทา ก็มาคิดกันว่า ถ้าใส่หน่อยจะอร่อยมาก ก็ใส่ให้เยอะ ๆ ไปเลยแล้วกัน จึงได้ใส่ใบกัญชาสดลงไปหลายกำ แล้วก็ยังมีน้ำจิตน้ำใจด้วยการนำไปถวายหลวงพ่อเจ้าอาวาสด้วย หลวงพ่อเจ้าอาวาสก็ไม่ทราบว่าเจอบรรดาลูกศิษย์ "เล่น" เสียแล้ว จากที่ปรารภว่าใส่ไปหน่อยจะอร่อยมาก เจอใส่ใบกัญชาไปหลายกำ เมื่อถึงเวลาฉันเสร็จ ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ เล่าให้ฟังก็คือ หัวไถพื้นอยู่ตรงนั้นแหละ หลับไม่รู้เรื่องไปเลย ใครมาเรียกก็ได้แต่ อือ ๆ ๆ เท่านั้น หลับไปประมาณ ๒ วันกับ ๒ คืน กว่าที่จะตื่นขึ้นมาในลักษณะที่เรียกง่าย ๆ ว่า "ยังไม่เป็นผู้เป็นคน" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แม้แต่ในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ถ้าหากว่าเราใช้เกินไปจนกลายเป็นไม่มีมัชฌิมาปฏิปทา ก็ยังก่อให้เกิดโทษได้ง่าย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2022 เมื่อ 02:21 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
อีกส่วนหนึ่งก็คือพระภิกษุสามเณรของเรา ซึ่งในสมัยก่อนนั้นการสูบบุหรี่มีเป็นปกติ เพราะว่าชาวบ้านไม่ได้ตำหนิติเตียน แถมยังจัดหามาถวายอีกด้วย ถ้าหากว่าหลวงปู่หลวงพ่อนิยมใบจากกับยาเส้น ก็จะช่วยหามาอย่างดี ถ้าหากว่าท่านนิยมบุหรี่ที่มวนสำเร็จแล้ว ก็ไปเสาะหายี่ห้อที่ถูกใจท่านมาถวาย
แม้แต่กระผม/อาตมภาพ ตอนบวชใหม่ ๆ ไม่เกิน ๑๐ พรรษา ไม่ว่าจะไปกิจนิมนต์ที่บ้านใดก็ตาม ก็จะมีญาติโยมแบ่งบุหรี่ซองหนึ่งออกมาเป็นประมาณ ๕ ส่วน ใส่จานรองกาแฟ ก็คือประมาณจานละ ๔ - ๕ มวน แล้วก็ถวายพระไปทีละรูป กระผม/อาตมภาพเองก็จะเจอพระที่นั่งข้างเคียง คว้าไปเทใส่ย่ามตัวเอง โดยให้เหตุผลว่า "ท่านไม่สูบ..ขอผมก็แล้วกัน" แต่ในเมื่อการสูบบุหรี่ในระยะหลังนี้กลายเป็นที่รังเกียจของผู้คน แม้กระทั่งในสถานที่วัดวาอารามก็กลายเป็นเขตปลอดบุหรี่ ถ้าหากว่าใครสูบบุหรี่ภายในวัด จะมีการปรับเจ้าอาวาส ในฐานะเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ๒,๐๐๐ บาทอีกด้วย..! แล้วลองคิดดูว่าเมื่อปลดล็อคกัญชาแล้ว จะมีพระภิกษุสามเณรสูบกัญชาหรือไม่ ? ก็น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่บรรดาหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสทั้งหลายต้องมาปวดหัวกันต่อไป ถ้าหากว่าเรายกเอาพระธรรมวินัยขึ้นมา ก็จะเห็นว่า กัญชานั้นไม่ใช่สิ่งที่พระภิกษุสามเณรของเราจะสูบได้ เนื่องเพราะว่าถ้าใช้มหาปเทส ๔ เข้ามาเป็นตัวจับ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้มหาปเทส ๔ ไว้ ในการตีความสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ได้บัญญัติขึ้นในพระธรรมวินัยนี้ เราก็จะเห็นข้อความที่ว่า "สิ่งใดไม่สมควร เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร" การสูบกัญชานั้นทำให้เสียสุขภาพ ทำให้ประสาทหลอน ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ดังนั้น...จึงไม่ใช่สิ่งที่สมควร เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่สมควร ก็แปลว่าพระภิกษุสามเณรของเราไม่สมควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2022 เมื่อ 02:24 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เพียงแต่ว่าบรรดาหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสต้องบอกกล่าวให้ชัดเจนว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำให้สภาพจิตของเราแปรปรวน ถ้าไม่ใช่บุคคลที่ฝึกฝนสมาธิจิตมาถึงระดับมั่นคงจริง ๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะเพี้ยนได้..ประสาทหลอนได้
แม้กระทั่งในศีล ๕ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็บัญญัติเอาไว้ว่า สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมณี คือให้เว้นขาดจากสุรา คือสิ่งที่กลั่นแล้วประกอบด้วยแอลกอฮอล์ เว้นขาดจากเมรัย คือสิ่งที่หมักดองแล้วเกิดแอลกอฮอล์ และเว้นจากสิ่งมึนเมา คือมัชชะ ได้แก่ บรรดายาเสพติดทั้งปวง แม้กระทั่งใบกระท่อม ถ้าหากว่ากินมากเกินไปจะทำให้เสียหายกับร่างกาย ก็ควรที่จะเว้นเอาไว้ด้วย เพราะว่าพระภิกษุสามเณรของเรานั้นเป็นปูชนียบุคคล เป็นบุคคลที่ชาวบ้านเขากราบไหว้ ให้ความเคารพบูชา สิ่งหนึ่งประการใดที่ไม่เหมาะไม่ควรต่อฆราวาสทั่วไป สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เราที่เป็นพระภิกษุสามเณร ก็ยิ่งต้องละเว้นให้เด็ดขาดกว่า ดังที่จะเห็นได้ว่า บรรดาพระภิกษุสามเณรชาวไทยที่ไปเรียนที่อินเดียก็ดี ที่ไปเที่ยวศรีลังกาก็ตาม ในสมัยก่อนที่บุหรี่จะเป็นที่รังเกียจนั้น บางท่านก็ไปสูบบุหรี่ให้เขาเห็น ปรากฏว่าคนอินเดียนั้นเห็นการสูบบุหรี่เป็นกิเลสใหญ่ จึงมีการกระชากบุหรี่ทิ้งไปเลย แล้วแถมยังด่าว่าด้วยว่า "เป็นนักบวชแล้ว กิเลสแค่นี้ละไม่ได้ แล้วจะเป็นนักบวชไปทำไม ?" อาจารย์ของกระผม/อาตมภาพท่านหนึ่งก็คือ ท่าน ผศ.ดร.วศิน กาญจนวณิชย์กุล สมัยนั้นท่านยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ ยังเป็นมหาสมยศ ป.ธ.๕ อยู่ ไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกที่อินเดีย เมื่อถึงเวลาเจออาจารย์บรรยายยาว ๆ ๓ ชั่วโมง ๔ ชั่วโมงต่อเนื่องกัน ด้วยความที่ท่านเป็นคนติดบุหรี่ ก็อดบุหรี่ถึงขนาดมือไม้สั่น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2022 เมื่อ 02:25 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
เมื่อหมดชั่วโมงก็รีบวิ่งจากห้องออกมา จุดบุหรี่..กะว่าจะอัดให้หายอยาก คุ้มค่ากับที่อดมาหลายชั่วโมง ปรากฏว่าเพื่อนนักศึกษากระชากบุหรี่ออกจากมือไปกระทืบดับ..! เพราะเห็นว่าท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ แล้วยังจะมาติดอะไรกับในเรื่องของกิเลสเล็กน้อยแค่นี้..!?
แต่ด้วยความที่คนติดบุหรี่นั้น เมื่อโดน "สกัดดาวรุ่ง" ก็เกิดอาการ "เห็นช้างเท่าหมู" ท่านอาจารย์วศินนั้นร่างกายค่อนข้างจะเล็กและผอม ถ้าจัดเป็นนักมวยก็รุ่นไม่น่าจะเกินแบนตัมเวท แต่ว่าเพื่อนที่เป็นชาวอินเดียนั้น ท่านทั้งหลายก็คงจะรู้ว่าพี่น้องแขกอินเดียนั้น แต่ละท่านล้วนแล้วแต่ระดับเฮฟวี่เวททั้งนั้น..! ในเมื่อโดนสกัดดาวรุ่งห้ามสูบบุหรี่ ทั้ง ๆ ที่อดจนมือไม้สั่นมา ท่านอาจารย์วศินก็เห็นช้างเท่าหมู ทิ้งหมัดตรงเข้าใส่เพื่อนที่ตัวใหญ่เป็นยักษ์จนล้มทั้งยืน..! เสร็จแล้วก็ต้องมีการวิ่งหนีกันอุตลุด เหตุเพราะว่าคนอินเดียนั้น ถึงทะเลาะกันรุนแรงขนาดไหน ก็แค่ผลักกันไปผลักกันมา ไม่มีการลงไม้ลงมือ การลงมือต่อยเพื่อนถึงขนาดปากแตก เลือดตกยางออกนั้น ยังไม่เคยมีมาก่อน ก็จะโดนเขากระทืบตาย จำเป็นต้องหายอยากบุหรี่ชั่วคราว วิ่งหนีเอาไว้ก่อน แม้พ่อจะไม่ได้สอนไว้..! เรื่องนี้เราทั้งหลายจะเห็นว่า การเป็นพระภิกษุสามเณรนั้น แม้แต่ในเรื่องสิ่งเสพติดเล็กน้อยก็ควรที่จะละเว้น เพราะว่าพุทธศาสนิกชนนั้นตั้งความหวังไว้กับท่านทั้งหลายเอาไว้มาก ว่าเป็นพระเป็นเณรแล้วต้องดี ต้องบริสุทธิ์ แล้วถ้าหากว่าเราคงยังที่จะมาสูบกัญชา เคี้ยวใบกระท่อมให้เขาเห็น ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำ ดังนั้น...การที่มีบุคคลส่งคำถามมาในกลุ่มไลน์ว่า เมื่อปลดล็อคแล้วถ้าพระภิกษุสามเณรสูบกัญชา ควรที่จะยึดถือและปฏิบัติอย่างไร ? กระผม/อาตมภาพก็ขอโอกาส ใช้เวลาของบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในวันนี้ เรียนถวายพระภิกษุสามเณรทั้งหลาย และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-06-2022 เมื่อ 02:28 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|