#1
|
|||
|
|||
![]()
มีร่างกายก็เหมือนมีลูกอ่อน ที่ต้องเลี้ยงดูมันตลอดเวลา
ต้นเหตุ เพราะเพื่อนผมท่านไปเยี่ยมคนงานที่ประสบอุบัติเหตุกระดูกสันหลังหัก เป็นอัมพาตร่างกายส่วนล่างและแขนข้างขวา ช่วยตัวเองไม่ได้ พ่อแม่ต้องมาช่วยอาบน้ำ เช็ดขี้ เยี่ยวและป้อนข้าวให้ เหมือนกับต้องเลี้ยงลูกอ่อนตอนแรกคลอดจากครรภ์มารดา มองแล้วก็เห็นทุกข์ได้ชัดจากการไปเยี่ยมคนงานรายนี้ สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้ ๑. “กฎของกรรมมันให้ผลเป็นอย่างนี้แหละ ไม่มีใครหนีกฎของกรรมไปได้พ้น” ๒. “สภาวะของลูกอ่อน พ่อแม่ต้องคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำ ให้หยูกยา เช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวกันไปนั้น ล้วนแต่เป็นทุกข์ สภาวะนั้น ๆ จำใจจำยอมให้ต้องทำให้ ในการเช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวซึ่งเป็นสิ่งโสโครก จิตทุก ๆ คนย่อมมีความรังเกียจ แต่ในความเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมทำได้ แม้จักรังเกียจก็จำยอม” ๓. “แต่ในสภาวะเช่นนี้เป็นเพียงงานชั่วคราว ถ้ามีลูกเป็นเด็กอ่อนจริง ๆ ลูกพอพ้นปฐมวัยก็ช่วยตนเองได้ พ่อแม่ไม่ต้องป้อนข้าวอาบน้ำให้ ไม่ต้องเช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวอีก เพราะลูกเติบโตช่วยตนเองได้ อย่างรายนี้ก็เช่นกัน ถ้าร่างกายฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตายไป ก็พ้นสภาพที่จักช่วยเหลือ แต่ร่างกายที่ทุพพลภาพอยู่ขณะนี้ มีสภาวะเหมือนเด็กอ่อนที่จักต้องเลี้ยงดู มีใครกำหนดรู้เห็นบ้าง” ๔. “แม้แต่ร่างกายที่จิตเราอาศัยมันอยู่ชั่วคราวนี้ก็เช่นกัน มีใครกำหนดรู้เห็นบ้าง ที่มันบังคับให้เราต้องหาข้าวหาน้ำให้มันกิน ให้เราต้องอาบน้ำให้มัน ต้องหายาให้มัน ต้องเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวอันแสนจักสกปรกให้มัน จักมีผู้ใดเล็งเห็นบ้างว่าทุกข์หรือไม่ทุกข์ ในสภาวะลูกอ่อนที่ไม่รู้จักโตอย่างนี้” ๕. ”ถ้าเราไม่รู้จักละตัดออกจากร่างกายนี้ ยังมีความหลงใหลว่าสภาวะนี้เป็นเราเป็นของเรา จิตใจมันยังเกาะอยู่ในสภาวะนี้ ร่างกายนี้มันพังลงไป เราก็ยังต้องกลับมามีร่างกายเยี่ยงลูกอ่อนนี้อีก เลยไม่ต้องหลุดจากความลำบาก มีภาระคืองานทำให้ร่างกายอยู่ตลอดเวลา” ๖. “งานทางโลกหยุดได้ แต่งานภาระขันธ์ ๕ นี่หยุดไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ให้ดูการหายใจเข้าออก มันทำงานอยู่ตลอดเวลา จักเห็นได้ว่า ในเวลาเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินของลมหายใจ เราก็ทุกข์ เพราะต้องหาหยูกหายาให้มัน สรุปแล้วหน้าที่การงานทั่วไปเราหยุดสักวันหรือกี่วันก็ยังหยุดได้ แต่ภาระของขันธ์ ๕ เราหยุดมันไม่ได้เลย” ๗. “พิจารณาไปเยี่ยงนี้เถิด ถามจิตตนเองดูว่ายังปรารถนาร่างกายที่อยู่ในสภาวะลูกอ่อนอย่างนี้อีกหรือ กำหนดรู้ให้จิตยอมรับนับถือสภาวะของร่างกายตามความเป็นจริง จนกว่าจักคลายความยึดมั่นถือมั่นในกายนี้ เมื่อนั้นแหละความเป็นอริยเจ้าเบื้องสูง จักปรากฏแก่พวกเจ้า” แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2009 เมื่อ 14:37 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
![]()
จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|