กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 19:37
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,416
ได้ให้อนุโมทนา: 227,488
ได้รับอนุโมทนา 822,716 ครั้ง ใน 40,683 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,535
ได้ให้อนุโมทนา: 160,767
ได้รับอนุโมทนา 4,520,751 ครั้ง ใน 37,150 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ งานบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติของปี ๒๕๖๘ ทั้งสิ้น ๘ ครั้ง ก็ได้เสร็จสิ้นลงไปโดยสมบูรณ์แล้ว ครั้งต่อไปก็จะเป็นช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ซึ่งจะนับเป็นครั้งที่ ๑ ของปี ๒๕๖๙

แม้ว่าในเรื่องของผลการปฏิบัติธรรม จะไม่ได้อย่างที่กระผม/อาตมภาพตั้งเป้าเอาไว้ก็ตาม แต่ก็ต้องบอกว่า อย่างน้อยก็มีผลมากกว่าหลาย ๆ สำนักที่จัดการบวชปฏิบัติธรรมเช่นนี้ เนื่องเพราะว่าอย่างน้อยในส่วนของ ศีล สมาธิ และปัญญา เราก็ได้สั่งสอนครบถ้วน เพียงแต่ต้องนึกถึงพระบาลีที่ว่า สุทนฺโต วต ทเมถ อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม คือบุคคลฝึกตนด้วยวิธีใดเกิดผลแล้ว พึงสอนคนอื่นอย่างนั้น ขึ้นชื่อว่าการฝึกตนนั้นช่างยากจริงหนอ..!

ดังนั้น..ในเรื่องของการที่จะต้องมาปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไช ไม่ว่าจะพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งฆราวาสหญิงชาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จึงถือว่าเป็นภาระหน้าที่ซึ่งเราท่านทั้งหลาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำ อันดับแรกเลยก็เพื่อเผยแผ่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ออกไปสู่พุทธศาสนิกชน ไม่ว่าจะเกิดผลขึ้นในชาตินี้ ชาติหน้า หรืออีกไกลจนนับชาติไม่ถ้วนก็ตาม ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ในการหว่านเพาะเมล็ดแห่งความดีงามไปแล้ว ส่วนผู้ที่รับไปนั้นจะขยันหมั่นเพียร บำรุงรักษา รดน้ำพรวนดินสักเท่าไร ก็แล้วแต่ว่าจะไปบริหารจัดการกันเอง..!

ตัวกระผม/อาตมภาพเองนั้น ในช่วงของการปฏิบัติธรรมก่อนบวช และช่วงที่บวชแล้วยังอยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงอยู่ ช่วงนั้นได้มีโอกาสกราบพบหลวงปู่หลวงพ่อที่ท่านเป็นอภิญญา หรือว่าสมาบัติ ๘ นับ ๑๐ รูปด้วยกัน บางรูปก็เป๋ออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งเรื่องของโลกียอภิญญาต้องบอกว่าอัศจรรย์มาก รูปที่ท่านเป๋ออกนอกลู่นอกทางก็คือกินเหล้าทุกวัน แต่ยังสามารถแสดงอภิญญาได้ตามปกติ เนื่องเพราะว่าตอนแสดงท่านไม่ได้กิน..!

หรือถ้าหากว่านึกถึงวิชามโนมยิทธิ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเรียนมาจากท่านอาจารย์สุข ที่ตำบลแพงพวย อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ค่ายกครูก็คือเหล้า ๑ ขวด แล้วท่านอาจารย์สุขก็เมาทุกวันเหมือนกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 5 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
คนข้างวัด (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #3  
เก่า วันนี้, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,535
ได้ให้อนุโมทนา: 160,767
ได้รับอนุโมทนา 4,520,751 ครั้ง ใน 37,150 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วก็ถือว่าเป็นปกติ ในส่วนของโลกียอภิญญา ก็คือยังคลุกอยู่กับโลกอย่างเต็มตัว ไม่เหมือนกับท่านที่บวชเข้ามาเป็นพระภิกษุสามเณรแล้ว มีศีลเป็นเครื่องป้องกัน มีจิตสำนึกในสมณสารูป ต้องละอายชั่วกลัวบาป จึงทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเมื่อฝึกฝนได้ แล้วก็สามารถพัฒนาจนกลายเป็นโลกุตตระ ก็คือค่อย ๆ อยู่ในลักษณะของเหนือโลก จนเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า

แต่ว่าหลายรูปหลายท่านก็มาสายพุทธภูมิ ก็คือตั้งใจจะไปเกิดใหม่
อีก เพื่อที่จะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทั้งหลายเหล่านี้กำลังใจจะไม่ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน เนื่องเพราะว่าติดภาระงานที่ตนเองต้องไปเกิดใหม่ กำลังใจของท่านจึงเทียบพระอริยเจ้าในแต่ละระดับได้ ก็คือถ้าท่านทำกำลังใจได้เท่ากับพระโสดาบัน ท่านก็เหมือนกับพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบันนั่นเอง แล้วหลายสิ่งหลายอย่างท่านก็ทำได้ละเอียดกว่า ทำได้มากกว่าพระโสดาบันของแท้ด้วย มีบางรูปบางท่าน คำสอนของท่านเหมือนกับพระอรหันต์ดี ๆ นี่เอง แต่ท่านก็ยืนยันกับกระผม/อาตมภาพว่า "กูจะไปเกิดใหม่เป็นพระพุทธเจ้า..!"

แต่ว่าในส่วนของฆราวาสนั้น ต้องบอกว่าน่าผิดหวังมาก เนื่องเพราะว่าลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงที่ไปงานแต่ละครั้งเป็นแสน ๆ คน งานใหญ่ ๆ ถึงระดับ ๒ แสนกว่า ๓ แสนคนก็มี แต่พบบุคคลที่ได้อภิญญา ๕ สามารถแสดงออกได้อย่างชัดเจนไม่ถึง ๑๐ คน แล้วบางคนภายหลังก็ลงอเวจีมหานรกอีกต่างหาก..!

หลังจากที่ออกจากวัดมาแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ จนถึงปี ๒๕๖๓ ตัวเลขตรงกันข้ามพอดี ที่กระผม/อาตมภาพรับสังฆทานและตอบปัญหาธรรมให้แก่ญาติโยมทั้งหลายที่มาสอบถาม ปรากฏว่าเจอฆราวาสท่านเดียวที่ปฏิบัติแล้วได้กรรมฐาน ๔๐ จริง ๆ ส่วนใหญ่แล้วก็อยู่ในลักษณะของวิชชา ๒ เพราะว่ามักจะฝึกมโนมยิทธิมา แต่ก็เข้าป่าเข้าดงไปเสียมาก
มโนมยิทธินั้น ถ้าหากว่าทำดี ทำถูก จะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้เร็วมาก เพราะว่ารู้จักพระนิพพาน ไปพระนิพพานได้ เห็นอย่างชัดเจนว่าทำความดีความชั่วแล้วจะได้รับผลอย่างไร แต่ไม่เข้าใจว่ามโนมยิทธินั้น รู้แล้วเราต้องละ จึงมักจะรู้แล้วไปยึด อดีตชาติคนนั้นเคยเป็นอย่างนั้นกับเรา เคยเป็นอย่างนี้กับเรา แล้วก็ไปฟื้นความสัมพันธ์กันใหม่

ในเมื่อยังเป็นผู้แหวกว่ายอยู่ในห้วงแห่งกระแสกิเลส ท้ายที่สุดในเมื่อไปเกาะกันเป็นกลุ่มแบบนั้น ก็ได้จมตายกันทั้งกลุ่มเท่านั้นเอง..! แล้วยังไม่มีการฝึกซ้อมจนเกิดความคล่องตัว สามารถท้าพิสูจน์ได้ กลายเป็นสักแต่ว่าพูด สักแต่ว่าทำนาย แล้วเกิดความผิดพลาดมากมาย จนกลายเป็นที่ล้อเลียนกันในสังคมว่า "อย่ามโน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 5 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
คนข้างวัด (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
  #4  
เก่า วันนี้, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,535
ได้ให้อนุโมทนา: 160,767
ได้รับอนุโมทนา 4,520,751 ครั้ง ใน 37,150 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ในส่วนนี้จึงต้องยกขึ้นมากล่าวว่า แม้ว่าการปฏิบัติธรรมของบุคคลที่เข้ามาบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติกับทางวัดท่าขนุน ผลจะยังไม่ได้อย่างที่กระผม/อาตมภาพต้องการก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ คุณงามความดีที่ท่านได้ศึกษาและปฏิบัติ ก็ครบถ้วนทั้งศีล ทั้งสมาธิ และทั้งปัญญา คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้น จะขยันหมั่นเพียรสักเท่าไร แต่ถ้าทำตัวเหมือนกับปัจจุบัน ที่ทำตัวเป็นลูกนก รอพ่อแม่คอยป้อนเหยื่อให้ สักวันหนึ่งพ่อนกแม่นกโดนล่าหรือตายไป ก็มีโอกาสอดตายแน่นอน..!

อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมนั้น ต่อให้คนเป็นร้อยเป็นพัน ส่วนใหญ่แล้วพระองค์ท่านจะมุ่งเฉพาะจุด หรือว่าเฉพาะบุคคล จึงเป็นตัวอย่างที่เราท่านทั้งหลาย จะต้องจดจำเอาไว้เป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติ ก็คือขยันหมั่นเพียร พร่ำสอนในลักษณะอนุสาสนี ย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ กันทุกครั้งไป จะเบื่อจะหน่ายไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่า "หนึ่งเดียวนั้น" จะมาเมื่อไร ?!

ถ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพิจารณาอุปนิสัยสัตว์โลก พระองค์ท่านรู้ว่า
จะต้องโปรดผู้ใด โปรดแล้วได้ผลอย่างไร พวกเราจึงอยู่ในลักษณะ "เหวี่ยงแห" ท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ไม่แน่ใจว่าปลาตัวที่ต้องการจะมาติดแหเมื่อไร จึงต้องกลายเป็นคนขยัน เหวี่ยงแล้วเหวี่ยงอีก จะเบื่อจะหน่ายไม่ได้เลย

โดยเฉพาะต้องสอนตัวเองให้ได้ก่อน ก็คือขัดเกลากาย วาจา ใจ ของตนเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ถ้าไม่มั่นใจก็อย่าสอนออกนอกแนวพระไตรปิฎก หรือวิสุทธิมรรค ทำตัวเป็นพระสุธรรมเถร หรือเถรใบลานเปล่าก็ยังดี ก็คือสอนถูก ลูกศิษย์ได้ผล ส่วนตัวเราไม่ได้ผลก็ช่าง แต่อย่าไปทำลายธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการใช้ "อัตโนมติ" คือความคิดเห็นส่วนตัวในการตีความเอาเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 5 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
คนข้างวัด (วันนี้), ไพเดช (วันนี้), มารวย๙ (วันนี้), ศรัณย์ (วันนี้), สุธรรม (วันนี้)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว