#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ๓๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๐ ซึ่งทางวัดท่าขนุนเราจะมีกิจกรรมเกี่ยวกับวันพระทั้งภาคเช้าและภาคค่ำ
วันนี้กระผม/อาตมภาพเองเพิ่งจะทำรายงานโครงการพลังบวรในมิติศาสนาเสร็จ และส่งให้ทันเส้นตายพอดี แต่อยากจะมั่นใจเลยว่า ทั้ง ๓๘ แห่งที่ได้รับเงินอุดหนุนจากกรมการศาสนา เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานจากกระทรวงวัฒนธรรมน่าจะต้องตามทวงกันอีกเป็นเดือน ๆ กว่าที่จะได้ครบ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเขาจะทิ้งงานเอาไว้ในลักษณะ "ดินพอกหางหมู" รอจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายแล้วค่อยมาทำ ซึ่งถ้างานมากแบบวัดท่าขนุน ก็มีหวังได้ทำกันจนท้อไปเอง เนื่องเพราะว่ารายงานวันนี้ที่ส่งไป ขนาดไฟล์ ๙๒ เม็กกะไบต์ เกือบจะส่งไม่ผ่าน ต้องรออยู่ ๕ - ๖ นาที ในเรื่องของงาน ถ้าเราดูตามมงคลสูตร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมํคลมุตฺมมํ การทำงานต้องไม่คั่งค้าง ถึงจะเป็นอุดมมงคล แต่ว่าเท่าที่สังเกตมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไรก็ตามของทางคณะสงฆ์ ทั้งที่เป็นหน้าที่ซึ่งจะต้องส่งตามวาระ แต่ว่าส่วนมากกลับต้องรอให้เขาทวงก่อนแล้วค่อยมาทำ จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพต้องใช้วิธีว่า ถึงวาระที่ต้องส่ง ก็จะส่งเอกสารเข้ากลุ่มไลน์ไปเลย เป็นการกระตุ้นให้ผู้อื่นรู้สึกตัว และเป็นตัวอย่างให้เขาทำตามด้วย เรื่องพวกนี้ความจริงถ้าเรารู้จักหน้าที่ ทำตามหน้าที่ ก็จะไม่มีอะไรที่จะคั่งค้าง โดยเฉพาะเรื่องบัญชีรับจ่ายประจำปี แทบทุกวัดใช้วิธีมาทำส่งในวินาทีสุดท้าย แล้วก็หาตัวเลขกันไม่เจอ หรือถึงจะหาตัวเลขเจอก็เป็นการมั่วเอา แล้วอาจจะไม่ตรงกับที่เคยส่งไปก่อน ถ้าหากว่าตรวจละเอียดแบบกระผม/อาตมภาพ ที่ออกไปตรวจโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ มีหวังได้ตายกันยกอำเภอ..! เพราะว่าบรรดาหมู่บ้านบางทีก็ทำโครงการต่าง ๆ แล้วก็แจ้งจำนวนคนที่เข้าร่วมโครงการของตนไปเรื่อยเปื่อย..! อย่างเช่นว่าโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน มีผู้ร่วมโครงการ ๒๐๐ คน แต่ว่าทั้งหมู่บ้านมีคนแค่ ๔๐๐ กว่าคน..! ถ้าหากว่าแบ่งผู้ใหญ่กับเด็กคนละครึ่ง ก็ยังจะเป็นเด็กแค่ ๒๐๐ คน แล้วเมื่อแบ่งเด็กผู้หญิงกับผู้ชาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเด็กผู้หญิงจะมีมากกว่า ก็แปลว่าเต็มที่ของคุณจะมีผู้เข้าร่วมโครงการสามเณรภาคฤดูร้อนได้ไม่เกิน ๘๐ คน หรือไม่ก็โครงการเพื่อความปลอดภัยในหมู่บ้าน ทั้งหมู่บ้านมี ๔๐๐ กว่าคน มีผู้ร่วมโครงการ ๒๕ คน อยากจะถามเหมือนกันว่า "มีคนร่วมแค่นั้น มึงจะทำโครงการไปทำอะไร !?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:35 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
แต่ว่าเรื่องพวกนี้เราไปบอกเขาตรง ๆ ก็ไม่ได้ นอกจากไปสะกิดให้เขาไปแก้ไขข้อมูลเสียใหม่ เพราะว่าถ้าไปบอกกล่าวตรง ๆ เท่ากับประจานเขาในที่สาธารณะ..! ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควร
ต้องบอกว่าในเรื่องโครงการต่าง ๆ พวกนี้ ถ้าเราไม่มีความเคยชินหรือว่าคุ้นเคย เราก็จะอ่านแค่ข้อมูลแล้วก็มองข้ามไปเฉย ๆ จึงต้องมีการมาซักถามผู้รับผิดชอบในแต่ละฝ่าย แต่ว่าส่วนใหญ่ก็มักจะ "รู้แกว" ก็คือจัดให้ตรวจประเมินในช่วงเช้า ซึ่งมีเวลาน้อย ทำให้คณะกรรมการไม่มีเวลาซักถาม ต้องบอกว่า "ฉลาดแต่ว่าขาดทุน" เพราะจะไม่รู้เลยว่าตัวเองมีข้อบกพร่องตรงไหนบ้าง ? พอถึงเวลาไปแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นไป แล้วสู้เขาไม่ได้ ยังจะมาสงสัยอีกว่า "ผมทำดีขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงสู้เขาไม่ได้ ?" โดยที่ไม่ได้ดูว่าข้อมูลของตัวเองนั้นเละเทะขนาดไหน..! เดี๋ยวพรุ่งนี้กระผม/อาตมภาพก็ต้องเริ่มเดินทางเข้าสู่พื้นที่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๕ ซึ่งภาค ๑๕ ของคณะสงฆ์ประกอบไปด้วย จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสงคราม และประจวบคีรีขันธ์ ส่วนที่ไกลที่สุดก็คือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ไม่ได้มาก แต่ว่ายาว ถ้าหากว่าเป็นอย่างต่างประเทศ เขาจะให้มีจุดศูนย์กลางทางเหนือและทางใต้ของจังหวัด เอาแค่พม่าของเราซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเรือนเคียง เขาก็จะมีการกำหนดว่า อย่างเช่นมณฑลหงสาวดี ด้านเหนือก็จะมีเมืองปะโก หรือที่คนไทยเรียกว่าพะโค ด้านใต้ก็จะมีเมือง "มอละเหมี่ยย" หรือถ้าออกเสียงช้า ๆ ว่า "เมาะลำใย" แต่ภาษาอังกฤษเขียนว่า "เมาะลำเลิง" คนไทยออกเสียงว่า "มะละแหม่ง" กูจะบ้า..! เพียงแต่ว่าบ้านเราไม่ได้นิยมในลักษณะแบบนั้น ถ้าทำในลักษณะแบบนั้น จะมีตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างเช่นว่า จังหวัดสงขลาจะมีอำเภอหาดใหญ่ที่เจริญกว่าตัวจังหวัด หรือว่าจังหวัดชัยนาทจะมีอำเภอวัดสิงห์ที่เจริญกว่าตัวจังหวัด เป็นต้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเรื่องของความเจริญที่จะเข้าถึงประชาชน จึงต้องฝากความหวังไว้กับข้าราชการประจำ อย่าไปฝากความหวังไว้กับนักการเมือง เพราะว่าแค่วันนี้เราก็เห็นแล้วว่านักการเมืองของเรานั้นพึ่งพาไม่ได้ เพิ่งจะเข่นฆ่ากันชนิดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ ตอนนี้กลับมาขอผสมพันธุ์กันให้มั่วไปหมด..! แล้วทำไมไม่ยุบสภาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ? คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใหม่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เผือกน้อย : วันนี้ เมื่อ 05:47 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ส่วนญาติโยมทั้งหลาย กรุณาอย่าเพิ่งเบื่อหน่าย ถ้าหากว่านับอายุ การเมืองไทยของเราเริ่มต้นมาแค่ ๙๐ กว่าปี ถือว่าอายุน้อยมาก ในระหว่างนั้นก็มีการปฏิวัติรัฐประหารมาคั่นเป็นระยะ ๆ ทำให้เกิดการสะดุดหยุดยั้งลง
มีอยู่ระยะหนึ่งที่แทบจะมีพรรคฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านแค่ ๒ พรรค เพราะว่าพรรคเล็กพรรคน้อยตายหมด..! กระผม/อาตมภาพยังคิดว่าน่าจะถึงยุคที่การเมืองของเราเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ที่ไหนได้..พอปฏิวัติอีกรอบหนึ่ง พรรคการเมือง "เกิดเป็นดอกเห็ด" อีกตามเคย เพราะว่าการเมืองที่ดีควรที่จะมีแค่ ๒ พรรคเท่านั้น ถ้าพรรคหนึ่งทำไม่ดี ประชาชนก็จะเลือกอีกพรรคหนึ่งเป็นการลงโทษ แต่คราวนี้ต้องบอกว่าบ้านเรามีกรรม ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ กระผม/อาตมภาพยังไม่เห็นพรรคการเมืองดีเลยสักพรรคเดียว..! พวกเราก็ทนเลือกไอ้ที่เลวน้อยที่สุดไปก่อนก็แล้วกัน..! ถ้าทุกท่านมัวแต่ "โหวตโน" ไม่ออกเสียง ก็จะกลายเป็นว่าบุคคลที่เข้ามามีอำนาจจากการทุจริตซื้อเสียง ก็จะมาถอนทุนคืนเหมือนเดิม..! โดยเฉพาะนักการเมืองบ้านเรา ไม่ได้เล่นการเมืองเพื่อประเทศชาติและประชาชน ส่วนใหญ่เล่นการเมืองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกพ้องและตัวกู หรือไม่ก็เข้ามาเพื่อให้มีอำนาจ แล้วก็ใช้อำนาจนั้นไปเบียดบังเอาสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่ควรจะเป็นของรัฐหรือว่าของชาวบ้านเป็นของตนเอง ถ้าหากว่าใครเคยลงนรก กระผม/อาตมภาพขอแนะนำยมโลกียนรกอยู่ ๒ ขุม ก็คือยันตปาสาณนรก กับปิสสกปัพพตนรก ลงไปดูว่านักการเมืองโดนลงโทษอย่างไรบ้าง ? จะไม่ขออธิบายรายละเอียดในที่นี้ แต่อยากจะบอกว่าถ้าเห็นทีเดียวก็น่าจะเลิกโกงเลิกกินกันไปเลย..! น่าเสียดายที่ว่านรกสวรรค์ไม่ได้มีเพื่อให้คนกลัว ก็คือกลัวนรกแล้วถึงทำความดี และไม่ได้ให้มีคนอยาก ก็คืออยากขึ้นสวรรค์ อยากได้รับความสุขแล้วถึงทำความดี หากแต่ต้องการความดีชั่วจากใจจริงของแต่ละคน ตามภาษาบาลีที่ว่า กมฺมํ สตฺเต วิภชติ กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ ยทิทํ หีนปฺปณีตตาย หยาบหรือละเอียดก็เป็นไปตามการกระทำของแต่ละคน ก็แปลว่าจะเป็นนรกหรือเป็นสวรรค์ ต้องการน้ำใสใจจริงของผู้คนที่ตั้งใจกระทำ ถ้าหากว่าความชั่วมาก ตั้งหน้าตั้งตาทำ นรกก็ยินดีต้อนรับ ถ้าหากว่าละอายชั่วกลัวบาป ตั้งหน้าตั้งตาสั่งสมบุญกุศล สวรรค์ พรหม นิพพาน ก็ยินดีต้อนรับ ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่ดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ว่าบรรดานักการเมืองในปัจจุบันของเรา ถ้าตายไปตอนนี้ น่าจะลงไปข้างล่างทั้งหมด..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:42 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]() อ้างอิง:
![]()
__________________
"สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีรัง วิโสทะเย" ![]() |
สมาชิก 3 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทายก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) | |
|
|