#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๗
|
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของกระผม/อาตมภาพ ก็แปลว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป กระผม/อาตมภาพก็จะอายุ ๖๖ ปีแล้ว ซึ่งเรื่องของอายุก็เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ว่า จากการที่ดูย้อนหลังไปหลายชาติที่ผ่านมา ส่วนใหญ่กระผม/อาตมภาพก็จะตายตั้งแต่อายุอย่างมากก็ ๔๐ กว่าปีเท่านั้น
แต่มาในชาตินี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงลากยาวมาได้จนบัดนี้ ? ถ้าพูดกันตามสายลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็คือโดน "ต่อวีซ่ามา" ก็ได้แต่หวังว่าวีซ่าหมดอายุเมื่อไร จะได้จบภารกิจกันเสียที..! ต้องเจริญพรขอบพระคุณทางคณะสงฆ์วัดท่าขนุนและแม่ชีชื่น ศรีสองแคว ที่ร่วมกันจัดงานทำบุญวันเกิดให้ แต่ว่าตัวเจ้าของวันเกิดอย่างกระผม/อาตมภาพนั้น ต้องวิ่งออกจากวัดแต่เช้ามืด เนื่องเพราะว่ามีภารกิจรออยู่ข้างหน้า ซึ่งมีหมอดูบางท่านบอกว่า "กิจการงานต่าง ๆ ที่เราทำในวันเกิดนั้น เท่ากับเป็นแผนชีวิตคร่าว ๆ ภายในปีนั้น" ก็แปลว่ากระผม/อาตมภาพก็คงจะต้องเดินทางทั้งปี..! ขณะเดียวกันวันนี้ตรงกับวันศุกร์ ซึ่งมีโครงการ Upskills การสอนวิชาปรัชญาเบื้องต้น และวิชาศาสนาเปรียบเทียบซึ่งเป็นโครงการอบรมของคณาจารย์ในสังกัดมหาวิทยาลับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยที่ช่วงเช้าตั้งแต่แปดโมงครึ่งเป็นการบรรยายวิชาศาสนาเปรียบเทียบ โดยท่านเจ้าคุณอาจารย์พระมหาสมบูรณ์ วุฒิกโร, รศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งตอนนี้ได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระราชาคณะที่พระปัญญาวชิรบัณฑิต ต่อไปก็คงต้องเรียกขานท่านว่า "ท่านเจ้าคุณอาจารย์" เหมือนกับรูปอื่น ๆ ที่ผ่านมา ส่วนในช่วงบ่ายนั้นเป็นการบรรยายวิชาปรัชญาเบื้องต้น โดยพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรบัณฑิต, ศ.ดร. ซึ่งได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่พระพรหมวชิรธีราจารย์ ต้องนับว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์อธิการบดีนั้น มีความเจริญก้าวหน้าทางสมณศักดิ์รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าจากชั้นราช มาชั้นเทพ มาชั้นธรรม จนถึงชั้นพรหม หรือว่ารองสมเด็จพระราชาคณะนั้น ใช้เวลาแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น เพราะว่างานที่ท่านทำก็คือ มอบความรู้ให้กับพระภิกษุสามเณรทั่วสังฆมณฑล ก็คือเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และจะเรียกว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีนิสิตในสังกัดมากที่สุดในประเทศไทยก็ได้ เพราะว่ามีทั้งวิทยาลัยเขต มีทั้งวิทยาลัยสงฆ์ มีทั้งหน่วยวิทยบริการ และมีทั้งห้องเรียนในสังกัดคณะวิชาต่าง ๆ ในประเทศไทยถึง ๔๐ กว่าจังหวัดด้วยกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2024 เมื่อ 20:53 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ในวันนี้มีการลงอุโบสถทบทวนพระปาฏิโมกข์ กระผม/อาตมภาพจึงต้องมอบฉันทะให้กับพระภิกษุวัดท่าขนุน ลงทบทวนพระปาฏิโมกข์แทน เพราะว่าตนเองติดภารกิจดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังติดนัดหมออีกต่างหาก
คราวนี้ถ้าหากเป็นไปอย่างที่หมอดูท่านกล่าว ก็คือวันเกิดของเราจะเป็นแผนชีวิตคร่าว ๆ ของทั้งปี ก็แปลว่าปีที่อายุ ๖๖ ของกระผม/อาตมภาพนั้นคงจะต้องหาหมอกันทั้งปี แต่ถ้าไปนับดูตามโหราศาสตร์ของจีน ปีที่ลงท้ายด้วยเลข ๖ ก็จะเป็นปีของการเจ็บไข้ได้ป่วยจริง ๆ เสียด้วย..! แต่เรื่องพวกนี้ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพ ก็ต้องบอกว่า "ทำใจได้มานานมากแล้ว" เพราะว่ากรรมเก่าที่เกิดเป็นทหารมาทุกชาติ เข่นฆ่าเขาเอาไว้มาก แม้ว่าจะเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของตนก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่เราทำลงไปก็คือการล้างผลาญชีวิตของผู้อื่น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เศษกรรมปาณาติบาตที่ตามมาสนอง จึงทำให้ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ ไม่ว่าเลขอายุจะลง พ.ศ.ไหน ลงอายุเท่าไร ก็ยังคงเจ็บไข้ได้ป่วยจนเป็นธรรมดา จึงเป็นเรื่องที่แม้ว่าเขาบอกว่าดีก็เฉย ๆ เขาจะบอกว่าร้ายก็เฉย ๆ เพราะว่าไม่สามารถที่จะแก้ไขกรรมเก่าได้ แต่ก็พยายามที่จะสร้างกรรมดีในชาตินี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ต้องเจริญพรขอบพระคุณคณะศิษย์ทุกท่านที่ร่วมกันสร้างบุญสร้างกุศลอุทิศให้ ไม่ว่าจะเป็นการถวายสังฆทาน การปล่อยชีวิตสัตว์ต่าง ๆ ก็ตาม ขอให้ทุกท่านได้รับปฏิพรย้อนสนองกลับไป สิ่งหนึ่งประการใดที่ท่านทั้งหลายได้หวังไว้ ก็ขอให้สำเร็จสัมฤทธิ์ผล ด้วยพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ และสังฆานุภาพ ขอให้มีความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรม ก็ขอให้ความประสงค์ของท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงสำเร็จสัมฤทธิ์ผล สมดังมโนรถปรารถนาทุกประการด้วยเถิด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2024 เมื่อ 20:56 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ระยะนี้ก็มีเรื่องราววุ่น ๆ อยู่ในคณะสงฆ์ของเรา โดยเฉพาะในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง มีทั้งพระภิกษุที่ทำการค้ายาเสพติด โดนค้นแล้วพบทั้งยาเค ยาไอซ์ แล้วก็ยังมีพระภิกษุซึ่งขับเรือรับจ้างเพื่อเอาเงินไปให้ภรรยาทางบ้าน..!
กระผม/อาตมภาพก็สงสัยอยู่ว่า ถ้ารักและห่วงภรรยาขนาดนั้น ท่านจะมาบวชทำไม ? เพราะว่าเป็นฆราวาสนั้นทำงานได้ดีกว่าตั้งเยอะ..! อีกประการหนึ่งก็มีพระภิกษุที่ต้องใช้กันว่า "ไฮโซ" เพราะว่าแสดงชีวิตของตนออกสื่อโซเชียลในลักษณะ "กินหรูอยู่แพง" แถมยังซื้อกำไลเพชรคาร์เทียร์ ราคา ๑๘๕,๐๐๐ บาทอีกต่างหาก..! กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบว่าท่านทำกิจการงานอะไร ถึงได้มีเงินมีทองมากมายอะไรขนาดนั้น ? แล้วท่านซื้อกำไลฝังเพชรไปทำอะไรก็มิทราบ ? เนื่องเพราะว่าถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพแล้วก็คงจะเอาเงินไปช่วยเหลือการศึกษาของพระภิกษุสามเณรและเด็ก ๆ จนกระทั่งแทบจะเหลือแต่ตัวไปแล้ว..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ต้องบอกว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ขาดการขัดเกลาฝึกฝนจากพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ไม่มีการปลูกฝังว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร ขณะเดียวกันท่านก็ปราศจากจิตสำนึก ไม่ได้คำนึงถึงสมณสารูป ก็คือความเป็นพระภิกษุสามเณรของตน ไม่ได้คำนึงถึงศีล คือเรื่องที่ตนต้องรักษา เพื่อให้ความเป็นพระภิกษุสามเณรของเราสมบูรณ์ แล้วก็ปราศจากสมาธิและปัญญา ที่จะต่อสู้กับกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงรู้สึกสงสารท่านทั้งหลายเหล่านี้มาก เหตุเพราะว่าสิ่งที่ท่านทำนั้น ในทางโลกอาจจะเสียหายแค่ทำให้พระพุทธศาสนามัวหมอง แต่ในทางธรรมนั้นจะไปเห็นตอนที่ท่านมรณภาพหรือตายไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ด้วยประการทั้งปวง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2024 เมื่อ 01:02 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อเห็นในลักษณะนี้แล้ว กระผม/อาตมภาพจึงได้แต่เวทนาว่า สิ่งที่ท่านทำนั้นไม่ว่าจะ "หงายการ์ด" ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขาดสติทำไปโดยปราศจากความยั้งคิดก็ตาม สิ่งที่ท่านทำนั้น ภาษากฎหมายเขาใช้คำว่า "กรรมนั้นได้สำเร็จลงแล้ว" ก็แปลว่าโทษนั้นเกิดขึ้นแล้ว และโทษที่ทำในระหว่างเป็นพระภิกษุสามเณรนั้นก็หนักเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายได้ยินแล้วควรที่จะสังวรระวังเอาไว้
โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่ทราบข่าวแล้วไปใส่อารมณ์ด่าว่า ท่านต้องไม่ลืมว่าถ้าอ่านในพระไตรปิฎก จะพบว่ามีบุคคลซึ่งไปด่าว่าพระภิกษุ ซึ่งต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปแล้ว แต่เปลือกนอกของท่านยังห่มเหลืองอยู่ เมื่อไปด่าในลักษณะนั้นแล้ว กำลังใจของตนเองเศร้าหมองเพราะว่าประกอบไปด้วยโทสะ ตายไปจึงตกนรกเสียเอง..! กระผม/อาตมภาพเคยใช้คำพูดประมาณว่า "เห็นคนอื่นลงนรก เราก็อย่าได้กระโดดตามลงไปด้วย" พยายามที่จะวางใจให้เป็นอุเบกขา เสพรับสื่อต่าง ๆ อย่างมีสติ พยายามมองให้เห็นว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นยังเป็นปุถุชนอยู่ ย่อมเป็นผู้ที่หนาด้วยกิเลส ทำสิ่งหนึ่งประการใดในลักษณะของบุคคลที่มืดบอด เนื่องเพราะว่าโดนกิเลสชักจูง ก็ย่อมเป็นไปในทาง รัก โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา ถ้าเรามองในลักษณะนี้ แทนที่เราจะไปโกรธไปเกลียด ก็อาจจะรู้สึกเวทนาสงสารเสียด้วยซ้ำไป เนื่องเพราะว่าเขาทั้งหลายเหล่านั้นช่างกระไรเลย อันดับแรกเลย ครูบาอาจารย์ทอดทิ้ง ไม่มีการจ้ำจี้จ้ำไช พร่ำบ่นสั่งสอนให้ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของศีลของธรรมที่ดีงาม อันดับที่สอง ท่านไม่ได้ศึกษาเรียนรู้อะไรเลยเกี่ยวกับการเป็นนักบวชที่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงกลายเป็น "คนตาบอดจูงม้าตาบอด" มีแต่จะตกเหวตกห้วยตายไปด้วยกัน กลายเป็นบุคคลที่น่าสงสารมากกว่าที่น่าจะโกรธ หรือว่าเกลียดชัง จึงได้แต่แผ่เมตตาให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อถึงเวลาแล้วจงมีกรรมดีส่วนใดส่วนหนึ่ง มาบรรเทาทุกข์บรรเทาโทษ ไม่ให้ท่านโดนลงโทษจนเต็มความผิดของท่าน หรือว่ากรรมดีนั้นมาเป็นอุปฆาตกรรม คือตัดรอนในส่วนเสียกลับกลายเป็นส่วนดี เหมือนกับพระองคุลิมาลเถระ จนมีโอกาสพลิกฟื้นในช่วงสุดท้าย ถ้าไปสุคติแล้วก็ขอให้มีปัญญา สามารถมองเห็นทางที่จะหลีกหนีโทษเก่าของตน ประพฤติปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ส่งตนให้ขึ้นสู่ภพภูมิที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป จะได้หลีกพ้นจากโทษเก่าของตนไปได้ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เถรี)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2024 เมื่อ 01:07 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|