#1
|
||||
|
||||
งานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย) วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วัดท่าขนุนของเราติดตั้งแท็งค์น้ำ ใหญ่เท่ากับที่การประปาแต่ละอำเภอเขาใช้กัน ถ้าหากว่าภายในหมู่บ้านน้ำอ่อนหรือว่าน้ำไม่ไหล ทางวัดสามารถเปิดไปช่วยเขาได้ แล้วเรายังมีแท็งค์น้ำสำรองอีก ๖๐๐ ลูกบาศก์เมตร กะว่าถ้าแล้งจัด ๆ เขาไม่มีน้ำกัน เราสามารถอยู่ได้เป็นเดือน
(ถามเด็ก) ชอบใจหลวงพ่อทองคำไหมลูก ? ถ้ายกไหว..หลวงพ่อยกให้เลย เอาไหม ? ๙๗ กิโลกรัมกว่าเอง ยกไหวไหม ? ถ้าเกิดยกไหวขึ้นมา หลวงพ่อต้องหล่อใหม่เลยนะ..! ข้างหลังหลวงพ่อนี่ องค์ทองคำที่เล็กที่สุด หนัก ๓๖ กิโลกรัม มีคนเขาถามว่า ตั้งไว้แบบนี้ไม่กลัวหายหรือ ? ไม่กลัวหรอก เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนถือว่าแข็งแรงที่สุดแล้ว ยังยกเกือบจะไม่ไหว ต้องยงโย่ยงหยก งัดกันแทบตาย เพราะว่าทองคำเป็นโลหะที่ประหลาดมาก ศูนย์ถ่วงจะถ่วงลงจุดเดียว ของน้ำหนัก ๓๖ กิโลกรัม ถ้าหากว่าเฉลี่ย ๆ กันเหมือนข้าวสาร เรายกได้สบาย แต่ทองคำพอถ่วงลงจุดเดียว ๓๖ กิโลกรัม เกือบจะยกไม่ขึ้น..! หลวงพ่อทองคำก็คือ ๓ องค์ข้างบนนั่น ตรงกลางองค์นั่ง ๑ องค์ แล้วก็ข้าง ๆ เป็นองค์ยืน ๒ องค์ องค์ยืนซ้าย ๓๖ กิโลกรัม องค์ยืนขวา ๓๖ กิโลกรัม ส่วนตรงกลางนั่น ๙๗.๕๗๕ กิโลกรัม เกือบ ๆ ๙๗.๖ กิโลกรัม มูลค่าร้อยกว่าล้านบาทเท่านั้น..! ส่วนหลวงพ่อนาก เป็นทองคำ ๓๗.๕ กิโลกรัม ผสมทองแดง ๘๐ กิโลกรัม แล้วก็เม็ดเงินอีก ๔๒.๕ กิโลกรัม รวมแล้วน้ำหนักทั้งหมด ๑๖๐ กิโลกรัม มูลค่า ๔๐ กว่าล้านบาท ส่วนองค์เงิน สร้างด้วยเม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัม มูลค่า ๓ ล้านกว่าบาท ยังมีอีกองค์หนึ่ง ก็คือหลวงพ่อทองคำองค์ที่ใช้งานจริง เป็นเงินเคลือบทองคำ เคลือบหนา ๓ ไมครอน เฉพาะเคลือบทองหมดไป สามแสนบาท เอาไว้ใช้ตอนสรงน้ำพระ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2023 เมื่อ 02:39 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เจ้าหน้าที่เวรยาม ตลอดจนกระทั่งท่านที่ดูแลความสะอาดและห้องน้ำ เข้มงวดกับหน้าที่หน่อย โดยเฉพาะความสะอาดในช่วงนี้ ต้องขนขยะกันหน้ามืดตาลาย เตาเผาขยะของวัดท่าขนุนก็เผาได้แค่ชั่วโมงละ ๕๐ กิโลกรัม วันนี้ขยะไม่หนี ๑ ตัน..!
ที่วัดท่าขนุนนี้มีสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ก็คือสังขารหลวงปู่สาย อคฺควํโส หรือหลวงปู่พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ท่านมรณภาพตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ แล้วก็ไม่เน่าไม่เปื่อย ยังอยู่เป็นมิ่งขวัญกำลังใจของคนทองผาภูมิและญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ใครไปใครมา สักการะสังขารหลวงปู่ท่าน ก็สามารถที่จะบนบานศาลกล่าวได้ แก้บนง่ายมาก พวงมาลัย ๙ พวงเท่านั้น อาตมายังรู้สึกว่าแก้บนง่ายไปเลย ถ้าเป็นอาตมาจะให้คนบน เดินภาวนาจากทองผาภูมิถึงสังขละบุรีโน่น..! ธูปเทียนเอาไว้ตอนรับยันต์เกราะเพชร เป็นของที่ค่อนข้างจะหายากทีเดียว เพราะว่าสามารถใช้ในลักษณะของมีดหมอได้ พอถึงเวลาถ้ามีผีเจ้าเข้าสิงที่ไหน เราอาราธนาบารมีพระ ว่า "นะโมพุทธายะ" แล้วก็จี้ใส่ ผีออกทุกราย แต่โปรดระวังท่านที่ไม่ใช่ผีด้วย มีตัวอย่างมาแล้ว พระรุ่นพี่ที่วัดท่าซุง ไปเจอโยมโดนผีเข้ามา ๓ วันแล้ว เขาไม่ให้ทำอะไร ให้นั่งเฉย ๆ ปรากฏว่าพอท่านไปถึง ท่านก็ตั้งใจจะอาราธนาพระ ไอ้ผีที่เข้าเหลือบตามอง บอก "ท่านไม่ต้องยุ่ง..!" พอขยับครั้งที่สอง ผีบอกอีกว่า "ท่านไม่ต้องยุ่ง..!" ท่านก็เลยออกมาถามโยมทางด้านนอกว่า "ทำไมคนนี้ถึงโดนผีเข้า ?" ปรากฏว่าไปท้าทายเจ้าที่ นอกจากจะไปถีบศาลแล้วยังฉี่รดอีกต่างหาก..! เขาก็ไม่ได้แกล้งอะไรมากหรอก ก็แค่ให้นั่งนิ่ง ๆ อยู่ ๗ วันเท่านั้น ไอ้นั่งนิ่ง ๆ ๗ วันนี่..เรานั่งแค่ชั่วโมงเดียวก็จะตายแล้วนะ..! ผีบอกว่าจะได้เข็ดเสียบ้าง..! รุ่นพี่ท่านกลับมาเรียนถามหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า "ทำไมครับ..ผมจะไล่แล้วผีบอกว่าไม่ต้องไล่ ขยับหน่อยผีก็รู้ ?" หลวงพ่อบอกว่า "ดีที่ไม่โดนตีนผีเข้า..! นั่นไม่ใช่ผี นั่นเป็นเทวดา..!" เหลืออีก ๕๔ นาที จะเป็นการเป่ายันต์รอบสอง ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของวันนี้ รอบแรกใครที่หาที่นั่งไม่ได้เพราะว่าทำบุญไว้น้อย รอบสองก็ให้เข้ามา ตอนนี้ที่ว่างมีเยอะเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2023 เมื่อ 02:44 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ความจริงการเป่ายันต์คือบารมีพระพุทธเจ้า ต่อให้ทั่วโลก เราอาราธนาบารมีท่านครอบก็ถึงหมด รับอยู่ตรงไหนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมมักจะต้องมาวัด ถึงจะมั่นใจ หลายท่านรับที่บ้าน มีอาการปรากฏชัดเจนว่าได้รับยันต์แน่นอน แต่ก็ยังมาวัด เป็นเรื่องที่หัวเราะไม่ออกเหมือนกัน
(ถามโยมที่ทำบุญ) ไม่ได้นอนทั้งคืน ตื่นเต้นขนาดนี้เลยหรือ ? หรือว่าตั้งแต่เริ่มรู้ข่าวว่าวัดจะเป่ายันต์ ก็นอนไม่หลับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เดี๋ยววันนี้กลับไปก็สลบไสลไปเลยนะ..! ขออนุโมทนากับร้านโรงทานทั้งหมด ๓๓ ราย ตอนนี้แพ้พ่ายไปเกินครึ่งแล้ว เตรียมของมาไม่พอ หมดเกลี้ยงตั้งแต่ยกแรก ถ้าไม่เหลืออะไรเลย อย่างน้อยก็ยังมีบะหมี่ผัดของวัดท่าขนุน บิณฑบาตทุกวันอาทิตย์ ได้บะหมี่แห้งมาก็สะสมไว้ เอามาผัดในงานนี้แหละ..! (โยมอุ้มเด็กมาทำบุญ) กี่เดือนแล้วจ๊ะ ? (๔ เดือนค่ะ) แค่ ๔ เดือนกล้าอุ้มมาด้วย ไม่กลัวติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ หรือ ? อาตมาเลี้ยงหลานมา ๓๒ คน เพราะฉะนั้น..ถ้าถามเด็กอายุกี่เดือนนี่ ไม่มีทางถึงปีหรอก เลี้ยงเด็กจนกะอายุออกทุกคน คราวหน้าโยมที่ถวายน้ำชา อย่าถวายชามะลินะจ๊ะ อาตมาไม่ชอบอะไรที่สับสนปนเป เสียธรรมชาติหมด แล้วไอ้ที่ฉันน้ำชาก็ไม่ใช่ติด หมอเขาบอกให้ฉัน อาตมาเป็นคนเชื่อหมอ หมอบอกอะไรก็ทำอย่างนั้นแหละ ไปนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านเป็นนักเทศน์ แล้วก็ไม่ทราบว่าอุปาทานหรืออะไร ? ถ้าไม่ได้ฉันน้ำชารู้สึกว่าเสียงไม่ดี เทศน์ไม่คล่อง ไปไหนท่านจึงต้องมีกาน้ำชาไปด้วย มีใบชาของตัวเอง ปรากฏว่าวันนั้นท่านเดินลัดทุ่งจะไปเทศน์ รู้สึกว่ากาน้ำชาหนัก ท่านก็มาคิดว่า "เอ๊ะ.. เราบวชมาเพราะตั้งใจจะละกิเลส อีใบชาแค่นี้ ถ้าละไม่ได้ก็ไม่ควรที่จะบวชละ..!" ว่าแล้วท่านก็โยนโครมทิ้งลงข้างทางไปทั้งกาเลย ตั้งแต่นั้นมา ท่านก็เลิกฉันน้ำชา อาตมาเองนี่ไม่ได้เลียนปฏิปทาครูบาอาจารย์ ฉันเพราะว่าหมอสั่ง ปกติถ้าหมอไม่สั่งก็ฉันแต่น้ำร้อน ไม่รู้เหมือนกันว่าในชามีสารอะไรสักตัวหนึ่ง ที่ดีต่อร่างกายอาตมภาพก็ไม่รู้ ? หมอบอกว่าดีเราก็ดีด้วย ยี่ห้ออะไรก็ฉันทั้งนั้น..ไม่เลือก แต่ไอ้ชามะลินี่ทนกลิ่นไม่ได้ เขาให้มาก็ฉันนะ แต่ฉันไปก็บ่นในใจไป "จะใส่มะลิมาทำไมวะ..?!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2023 เมื่อ 02:49 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
พระที่แจกพวกเราไปเป็นพระสร้างเลียนแบบหลวงพ่อโต กรุวัดชีปะขาวหาย หลวงพ่อโต กรุวัดชีปะขาวหาย มีหลายพิมพ์ แต่อานุภาพเหมือนกันหมด คือ เหนียวสะเด็ดยาดเลย..!
พี่อรรณพ (พันตำรวจเอกอรรณพ กอวัฒนา) เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเดียวกัน ในเมื่อท่านเป็นตำรวจมีประสบการณ์มาก ถึงเวลาสร้างพระ ท่านก็เลยสร้างเลียนแบบพระที่ท่านเคารพและเชื่อมั่น ก็คือหลวงพ่อโต วัดชีปะขาวหาย แต่คราวนี้ทางด้านหลังที่ท่านทำเป็นหลุมอยู่นั้น สำคัญที่สุด เพราะว่าท่านบรรจุผงที่ทำจากสังฆาฏิพระสุปฏิปันโน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ๒๐ กว่ารูป ถ้าถามว่ามีใครบ้าง ? ตั้งแต่ภาคเหนือมา หลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุย หลวงปู่คำแสนใหญ่ วัดดอนมูล หลวงปู่คำแสนเล็ก วัดสวนดอก หลวงปู่ครูบาอินทจักร วัดน้ำบ่อหลวง หลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง หลวงปู่ครูบาไชยะวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม หลวงปู่ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า แต่ละท่าน ลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ลงมาทางภาคกลาง ก็มีหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาค หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข เป็นต้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2023 เมื่อ 02:51 |
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ต้องบอกว่าสุดยอดพระเกจิอาจารย์ยุคเก่า ๒๐ กว่ารูป ท่านขอสังฆาฏิครูบาอาจารย์มา กว่าที่จะทำเป็นผงได้ ก็ต้องมายุคที่มีเตาไมโครเวฟ ก็คือสามารถอบจนจีวรกรอบ แล้วเอามาตำเป็นผงได้ จากนั้นก็ผสมกาวบรรจุลงไป
ท่านว่าพระวัดชีปะขาวหายแน่แค่ไหน ก็สู้พระของท่านไม่ได้ เพราะว่าท่านมีสังฆาฏิหลวงปู่หลวงพ่อ ผสมลงไปด้วยอีก ๒๐ กว่ารูป อาตมภาพบอกว่า "องค์เดียวเที่ยวทั่วโลก" ไปไหนมีบารมีหลวงปู่หลวงพ่อ ๒๐ กว่ารูปช่วยคุ้มครอง ช่วยป้องกัน ถ้าให้ "พี่ณพ" ขายเอง แกขายองค์ละ ๙๙๙ บาท อาตมาบ่นว่าแพง เขาบอกว่า "ถ้าหลวงพี่ต้องไปเสี่ยงชีวิต ค่อย ๆ ขอผ้าสังฆาฏิหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละองค์ กว่าจะได้แต่ละผืนยากเย็นขนาดไหน ? แล้วจะรู้ว่า ๙๙๙ บาทนี่ไม่แพงเลย" อาตมภาพก็ยังว่าแพงอยู่ดี ว่าแล้วก็เลยเอามาแจกในงาน โยมทำบุญเท่าไรก็ให้ ทำบุญ ๕,๐๐๐ บาท ก็เอาไปองค์หนึ่ง ทำบุญ ๕ บาท ก็เอาไปองค์หนึ่ง..! เพียงแต่ว่ารับไปแล้วโยมต้องรู้คุณค่าด้วย อย่าเห็นว่าเป็นพระดินเผาดูใหม่ ๆ รับประกันได้ว่าทั่วประเทศไทยไม่มีใครสามารถสร้างได้เหมือน เพราะว่าเขาไม่มีผ้าสังฆาฏิที่ติดองค์ของพระสุปฏิปันโนระดับนั้นมาเป็นส่วนผสม โดยเฉพาะหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาค ท่านมรณภาพตอนอายุ ๑๒๘ ปี ตอนที่ไปขอสังฆาฏิของท่านนั้น ท่านใช้มา ๔๐ กว่าปีแล้ว พระระดับนั้นแค่ใช้สวดมนต์ไหว้พระวันเดียวก็เหลือเฟือแล้ว นี่เล่นมาตั้ง ๔๐ กว่าปี..! ถ้าถามว่าหลวงปู่สีดีขนาดไหน ? หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านบอกว่า "ถ้าในบรรดาพระปฏิสัมภิทาญาณด้วยกัน หลวงปู่สีจัดเป็นแคสเซียส เคลย์ ของรุ่นเฮฟวี่เวท" ก็แปลว่าเป็นดีหนึ่งประเภทหนึ่งจริง ๆ สมัยเด็ก ๆ กระผม/อาตมภาพก็ไปเสาะหาเหรียญหลวงปู่สีกัน สมัยนั้นรู้สึกว่าแพงมาก เหรียญนวโลหะอายุยืน ราคา ๘๐ บาท กัดฟันเก็บเงินอยู่ตั้งนานกว่าที่จะซื้อได้ สมัยนี้เขาบูชากันเหรียญละหลายหมื่นบาท..! ต้องบอกว่าคนตาคลีในยุคนั้นโชคดีสุด ๆ เพราะมีหลวงปู่สีอยู่วัดเขาถ้ำบุนนาค มีหลวงพ่อพรหม อยู่วัดช่องแค อาตมภาพไปจนถึงที่มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วทั้งสองวัด มรณภาพแล้วท่านไม่เน่าทั้งคู่ หลวงปู่สีเหมือนอย่างกับหล่อด้วยทองแดง ส่วนหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ผิวท่านที่มรณภาพแล้ว ดีกว่าอาตมภาพในตอนนี้เสียอีก ยังนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่า เอ๊ะ..พระที่มรณภาพแล้ว ทำไมถึงผิวพรรณดีจนขนาดนี้ ? ตอนแรกที่พี่อรรณพสร้างมา ตั้งใจจะบรรจุกรุ ปรากฏว่าท่านเจ็บไข้ได้ป่วย หกล้มสะโพกหัก ต้องไปผ่าตัด ตอนนี้กำลังหัดเดินอยู่ ท่านก็เลยยกถวายอาตมภาพมา บอกว่า "แล้วแต่หลวงพี่จะจัดการ" ก็เลยเอามาแจกโยมอยู่นี่ ถ้ารู้เข้าคงโกรธจนเป็นลมไปเรียบร้อยแล้ว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2023 เมื่อ 02:56 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ใครจะไปถล่มร้านค้าชุมชน ยังมีเวลาอีก ๒๘ นาที หรือเอาไว้หลังเป่ายันต์แล้วค่อยไปก็ได้ จะได้รู้ว่าทองผาภูมิมีอะไรดีบ้าง แต่ดูท่าว่าจะไม่ทันคนแรก ๆ เพราะว่าส่วนใหญ่พอสินค้าลงไป คนไปถึงก็รีบซื้อกันก่อน
มีอยู่เที่ยวหนึ่ง ผ้าทอมือลงไป ๑๕ นาที หมดเกลี้ยง อาตมภาพก็ใจหายวาบ เฮ้ย..ขอยืมไว้ก่อน เดี๋ยวไม่มีของโชว์เขา ถามว่าขายเท่าไร ? ๔๐๐ บาท ตายห่...ผ้ากะเหรี่ยงทอมือเขาขายชุดหนึ่ง ๒,๕๐๐ บาท เอ็งขาย ๔๐๐ บาท เขาบอกว่า "ได้ค่าแรงแล้วเจ้าค่ะ" ได้ยินแล้วอยากจะโบก..! เขาลืมไปว่าค่าของค่าด้ายอะไรเป็นของหลวงพ่อหมด เขาเอาแค่ค่าแรงตัวเอง แทนที่จะขายจะเผื่อหลวงพ่อด้วย เขาก็เอาแค่ค่าแรง ๔๐๐ บาทเท่านั้น ญาติโยมชุดนั้นก็เลยกลายเป็นโชคดีไป ซื้อผ้ากะเหรี่ยงผืนละ ๒,๕๐๐ บาท ในราคา ๔๐๐ บาท ยังสงสัยว่าทำไมผ้าทอลงไป ๑๕ นาทีหมด เขาเล่นขายแค่ผืนละ ๔๐๐ บาท อาตมภาพก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ในเมื่อมอบความไว้วางใจให้เขาแล้วก็ทน ๆ เอา..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 13:13 |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
เรื่องของยันต์เกราะเพชรเป็นบารมีพระพุทธเจ้า สืบทอดมาจากตำราพระร่วง ซึ่งเดิมยันต์เกราะเพชรเป็นส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม ครูบาอาจารย์ท่านตัดเอาพุทธคุณตรงส่วนคอธง มาชักสูตร กลายเป็นยันต์เกราะเพชร
ผู้ใดตั้งใจรับยันต์เกราะเพชรแล้วรักษาไว้ อันดับแรก จะไม่ตายโหง ต่อให้โดน ๑๘ ล้อทับ ก็จะต้องนอนเป็นผักไปเรื่อย ๆ ไม่ตายหรอก..! อันดับที่สอง จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ อันดับที่สาม จะไม่ตายเพราะอำนาจของไสยศาสตร์ การเป่ายันต์เกราะเพชร เขาเป่าพร้อม ๆ กันทั้งศาลา เพราะว่าเป็นอานุภาพของพระพุทธเจ้าที่ครอบคลุมลงมา ในลักษณะเหมือนการปลุกเสกวัตถุมงคล ถ้าหากว่ามีพวกไสยศาสตร์หรือว่าผีเจ้าเข้าสิง ก็เหมือนอย่างกับความมืด ไม่สามารถที่จะทานอำนาจคุณพระที่เป็นแสงสว่างได้ ก็จะโดนขับไล่ออกไป หรือสลายตัวไปเอง อย่างเมื่อเช้าที่บางท่านก็เห็นแล้วว่า ท่านที่มีของไม่ดีติดตัวมา ก็ทั้งร้องทั้งดิ้น พวกนั้นน่าจะเป็นนักร้องเก่า..! เสียงดีเสียด้วย แล้วจังหวะก็น่าจะสนุก ก็เลยดิ้น ถ้าหากว่าเงียบ ก็แปลว่าโดนขับไล่ออกไปหมดแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 13:15 |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
คราวนี้ท่านทั้งหลายถ้าจะพิสูจน์ว่าตนเองได้รับยันต์เกราะเพชรหรือไม่ ? ให้ไปหาผู้หญิงที่มีท้องลูกคนแรกมารับยันต์ด้วย ถ้าหากว่าคลอดออกมาเป็นลูกผู้ชาย จะมียันต์ติดตัวออกมา บางทีก็เป็นจุด บางทีก็เป็นขีด บางคนก็ลายพร้อยไปทั้งตัว มีเด็กอยู่คนหนึ่งตัวขาวเป็นปกติ แต่หูสองข้างดำปี๋เลย แต่ว่าทั้งหมดนี้ก็จะหายเข้าตัวไปอยู่ที่กระดูกภายใน ๗ วัน
มีหมอบางท่านคิดว่าเด็กป่วยเป็นโรค ก็พยายามหาทางรักษา ถ้าหากว่าเคสนี้เขาเรียกว่า "เด็กตุ๊กแก" เพราะลายพร้อยเลย อาตมาก็ได้แต่ขำ ๆ บอกพ่อแม่เด็กว่า "อุ้มลูกกลับมาเถอะ เดี๋ยวหมอเขาเจาะเลือด เด็กจะเจ็บตัวเสียเปล่า ๆ" ท้ายสุดพ่อแม่ก็เลยต้องแอบอุ้มลูกออกจากโรงพยาบาลมา อยู่บ้านได้ ๓ วัน ก็หายเป็นปกติ ไม่ถึง ๗ วันด้วย ก็เพราะว่าอานุภาพยันต์เกราะเพชร จะซึมเข้าไปอยู่ในกระดูก คนที่รับยันต์เกราะเพชรไป ถ้ารักษาเอาไว้ได้ ก็จะสามารถคุ้มครองป้องกันท่านทั้งหลายได้ แต่ว่าต้องมีการอาราธนาทุกวัน ครูบาอาจารย์ท่านให้เราสวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ตอนเช้า ๆ ว่าจนใจสบายแล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองเราได้ทั้งวัน แต่ว่าให้ระมัดระวัง ว่ายันต์เกราะเพชรนั้นรับไปแล้ว ห้ามดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด กับห้ามลักขโมยเขา การดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด เราเบียดเบียนตัวเอง ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน การลักขโมยเขา เราเบียดเบียนคนอื่นทำให้สังคมเดือดร้อน แล้วการที่บางคนรักษาศีลได้มากกว่าปกติ ก็ยังมีผลพิเศษต่อลูกในท้องด้วย อย่างโยมที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ลูกเกิดมา ยันต์เข้าตัวไปแล้วแต่โผล่ขึ้นมาทุกวันพระใหญ่ หรือว่าญาติโยมที่อยู่ลพบุรี ลูกเกิดมามียันต์เป็นรูปกงจักรติดหัวออกมาเลย ดังนั้น..พวกเราควรที่จะรักษาศีล ๕ ข้อให้ครบถ้วนไปเลย จะได้ไม่ต้องไประมัดระวังว่าอีก ๒ ข้อจะขาดหรือไม่ขาด เรารู้ตัวของเราดีอยู่แล้ว บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ไม่ใช่ว่าโดนไสยศาสตร์ไม่ได้ ถ้าหากว่าวาระของอกุศลกรรมส่งผล มีสิทธิ์ที่จะโดนเหมือนกัน แต่จะไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านบอกว่า เหมือนกับเขาก่อไฟกองใหญ่ไว้ แล้วยันต์เกราะเพชรเหมือนผนังกั้นไฟอยู่ระหว่างตัวเรากับกองไฟ ต่อให้เปลวไฟเผาเราไม่ได้ ความร้อนก็ต้องมีมาถึงบ้าง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาทเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถที่จะรักษาศีลได้ครบถ้วนสมบูรณ์ เจริญสมาธิเป็นปกติ เราก็จะมีส่วนของบุญฤทธิ์ ก็คืออำนาจของบุญกุศล คอยระมัดระวังรักษาเราด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 13:16 |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ในระหว่างที่รับยันต์เกราะเพชร ถ้าท่านตั้งใจรับด้วยความเคารพ ต่อให้สมาธิไม่ต่อเนื่องก็ไม่เป็นไร อย่างเมื่อเช้า พอเขาร้องเขาดิ้น เราทั้งหลายก็สมาธิแตกไปตาม ๆ กัน แต่ถ้าท่านตั้งใจรับตั้งแต่แรกก็สามารถที่จะรับได้เช่นกัน
อาการที่บอกให้รู้ว่าเรารับยันต์เกราะเพชรได้ ก็จะมีอาการร้อนหู ร้อนหน้า หนักตัว หนักไหล่ บางคนก็มีขนลุก น้ำตาไหล ร่างกายโยกโคลง บ้างก็ดิ้นตึงตังโครมครามเหมือนเจ้าเข้าก็มี ถ้าลักษณะแบบนี้ แปลว่าท่านรับยันต์ได้ หรือถ้าหากว่าจะพิสูจน์ นอกจากจะพาผู้หญิงที่ท้องเป็นครั้งแรก แล้วคลอดลูกเป็นผู้ชาย มียันต์ติดตัวมาแล้ว ก็ให้สังเกตดู ผู้ที่รับยันต์ไปแล้วรักษาเอาไว้ได้ ถ้าถึงเวลาตายแล้วเผา จะมียันต์ติดอยู่ที่กระดูก ท่านทั้งหลายเมื่อรับยันต์ไปแล้ว ให้ภาวนาเป็นปกติ อยู่ในลักษณะเหมือนอย่างกับไขเปิดให้พลังงานทำหน้าที่ของตนได้เต็มที่ ไม่เช่นนั้นแล้วบางทีท่านลืมอาราธนา เรื่องของพระ เรื่องของเทวดา ท่านยอมรับกฎของกรรมมากกว่าเรา ถ้าเราไม่ขอ บางทีท่านก็นั่งมองหน้าตาเฉย กระผม/อาตมภาพเองเจอมาแล้ว โดนผีบีบคอเกือบตาย เทวดา ๔ ท่านยืนมองเฉย พอดิ้นหลุดออกมาได้ ไปกราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุง ว่าทำไมเทวดายืนมองแล้วไม่ช่วย ? ท่านถามว่า "แกได้เรียกให้ช่วยหรือเปล่า ?" "เปล่าครับ" ท่านบอกว่า "สมน้ำหน้ามึง เทวดาท่านตรงไปตรงมา ไม่เรียกให้ช่วยท่านก็ยืนมอง" ก็ประมาณว่า ไม่ขอไม่ให้ ไม่บอกไม่ช่วย ในเมื่อรู้แล้ว ก็ต้องรู้จักขอ รู้จักบอกด้วย โดยเฉพาะการอาราธนาเหมือนกับปลุกตัวไว้ทุกวัน ตื่นนอนขึ้นมาก็นึกถึงยันต์เกราะเพชร ว่าอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ พอใจสบาย กลืนน้ำลาย ๓ ครั้งแล้วจะทำอะไรวันนั้นก็ทำไป อานุภาพยันต์เกราะเพชรป้องกันได้แน่นอน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 13:21 |
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ในส่วนที่ว่าไม่ตายด้วยพิษสัตว์มีพิษ อาตมภาพทดสอบมาด้วยตนเองหลายครั้งแล้ว โดนงูพิษทั้งงูกะปะ ทั้งงูแมวเซากัดมาแล้ว พยายามจะให้งูจงอางกับงูเห่ากัด ก็ม่ยอมกัด วันไหนโดนกัดจะมาเล่าให้ฟัง..!
ส่วนในเรื่องของการที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้วจะไม่ตายโหง ก็ต้องดูลูกศิษย์รุ่นเก่า ๆ ของหลวงพ่อวัดท่าซุง สมัยก่อนมีนางเอกหนังเงินล้าน ก็คือคุณจารุณี สุขสวัสดิ์ สมัยนี้ถ้าเขาไม่เรียกป้า เขาก็เรียกยาย..! จารุณี สุขสวัสดิ์ สมัยนั้นเล่นหนังเรื่องไหน ได้เงินล้านทุกเรื่อง คุณจารุณีไปถ่ายหนังเรื่องลูกสาวกำนัน ต้องขับเรือพุ่งผ่านกำแพงไฟที่อีกฝ่ายหนึ่งเทน้ำมันลงบนลำคลองแล้วก็จุดไฟสกัด ปรากฏว่ากะระยะผิด พอวิ่งฝ่าไฟ มองทางไม่เห็น เรือเร็วก็เลยไปชนตอม่อสะพาน ถึงขนาดหลังหัก ต้องดามหลังกันเป็นเดือน ๆ แต่ว่าไม่ตาย โยมแม่ของอาตมภาพเอง โดนราชรถสิบล้อมาเกย กระดูกทางด้านขวาตั้งแต่กรามลงไปจนถึงข้อเท้าหักหมดทุกท่อน นอนไอซียูไปจนถึงวันที่สิบแปด อาตมภาพไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อวัดท่าซุง กราบเรียนท่านว่า "ทำให้แม่ครับ โยมแม่อยู่ไอซียูมา ๑๘ วันแล้ว น่าจะไม่รอด" หลวงพ่อท่านถามว่า "แม่แกรับยันต์เกราะเพชรไปหรือเปล่า ?" กราบเรียนท่านว่า "รับไปหลายครั้งครับ" ท่านบอก "อย่างนั้นไม่ต้องห่วง ไม่ตายหรอก" แล้วก็จริง ๆ ออกจากไอซียูมา ดูแลกายภาพบำบัดอยู่ ๓ ปี ก็เดินตัวปลิวได้เหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าเอ็กซเรย์มาเมื่อไร จะเห็นว่ากระดูกซี่โครงของแม่ซ้อนกันอยู่ ไม่ได้ต่อกัน ถามว่าทำไม ? ก็เพราะว่าเวลาหมอให้เป่าลูกโป่ง เพื่อที่ให้แรงดันปอดดันซี่โครงเข้าที่ แม่บอกว่า "เจ็บ..ไม่ทำ" ต้องบอกว่าคนแก่ดื้อ ก็เลยกลายเป็นคนมีซี่โครงประหลาดซ้อนกันอยู่ เรื่องพวกนี้บางทีก็ไม่น่าเชื่อ แต่ว่าประสบการณ์ที่มีอยู่ ทำให้ต้องเชื่อแล้วก็ศรัทธา โดยเฉพาะในเรื่องของไสยศาสตร์ อาตมภาพไปลุยกับหมอผีกะเหรี่ยงมาเยอะแล้ว เล่นจนหมอผีกะเหรี่ยงเจ๊งมาหลายรายแล้ว เพราะว่าหมอผีกะเหรี่ยงมีนิสัยชอบลองของกับพระธุดงค์ ถ้าใครสามารถทำไสยศาสตร์ให้พระธุดงค์มรณภาพได้ก็ถือว่าโด่งดัง โดนอาตมภาพสอยร่วงเป็นแถว..! ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ อยู่เฉย ๆ อานุภาพยันต์เกราะเพชรสะท้อนกลับไปเอง ฉะนั้น..ใครทำไสยศาสตร์กับเรา เขาต้องการให้เราเป็นอันตรายหนักแค่ไหน เขาก็จะได้รับเองแค่นั้น เดี๋ยวหลังจากที่อาตมภาพบวงสรวงแล้ว พวกเราก็รับศีล และสมาทานพระกรรมฐาน จากนั้นก็ให้ภาวนาพุทโธไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลานะจ๊ะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 13:23 |
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ ค่อย ๆ คลายสมาธิออกมานะจ๊ะ ทุกคนได้รับยันต์เกราะเพชรเรียบร้อยแล้ว แม้แต่คนที่ตั้งใจรับที่บ้านหรืออยู่บนยานพาหนะก็ได้รับ
เดี๋ยวพวกเรารับพรแล้วก็เดินทางกลับกัน ขอให้เดินทางกลับโดยสะดวกปลอดภัย ทำอะไรก็สำเร็จสมปรารถนา บ้านใครบ้านมัน กลับได้แล้วจ้ะ ขอขอบพระคุณคณะของพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ.๖ หรือพระมหาเอ หรือหลวงพี่เอ หรือหลวงพ่อเอ ของหลาย ๆ ท่าน ที่รับเป็นเจ้าภาพบายศรีในครั้งนี้ ขอเจริญพรขอบพระคุณเจ้าของโรงทานทุกเจ้า ไม่ว่าจะเป็นอาหารหนัก อาหารเบาอะไรก็ตาม ขอให้ทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาสมหวังทุกประการ ขอเจริญพรขอบพระคุณท่านพันตำรวจเอกมนตรี แตงโต ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ซึ่งส่งตำรวจมาอำนวยความสะดวกด้านการจราจรตั้งแต่ตี ๕ เป็นจำนวน ๔ นายด้วยกัน ขอเจริญพรขอบพระคุณคณะรวมใจภักดิ์ ของท่านอาจารย์วิชชุ อารมรณ์ดี ที่ช่วยเหลือดูแลความสะดวกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถานที่ การจราจร ตลอดจนกระทั่งตัวบุคคล ขอขอบพระคุณพระภิกษุ ตลอดจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของวัดท่าขนุน ที่ร่วมกันทำให้งานวันนี้สำเร็จเรียบร้อยลงด้วยดี ขอให้ผลานิสงส์นี้ ดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบความสำเร็จ ทั้งทางโลกและทางธรรม ไม่ว่าจะประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใด ถ้าเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมแล้ว ขอให้ความประสงค์ของท่านสำเร็จ สัมฤทธิ์ผลทุกประการ ทุกท่าน ทุกคนเทอญ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 13:24 |
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ท่านใดสตางค์เหลือเฟือ ก็ข้ามไปที่ตลาดชุมชน หรือตลาดริมแควฝั่งตรงข้ามของหลังวัดนี้ได้ ทางด้านโน้นมีร้านค้าที่นำเอาสินค้าชุมชนมารองรับพวกท่านทั้งหลายอยู่ โดยเฉพาะผักปลอดสารพิษของทางด้านอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งวางลงเมื่อไรก็ไม่เคยพอขายสักที
ญาติโยมกลับไป ถ้าหากว่าเจ็บไข้ได้ป่วย อย่าลืมตรวจ ATK ด้วย เพราะว่าทองผาภูมิของเรา ช่วงนี้ยังมีไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดอยู่ สรุปว่าข้าวของญาติโยมที่หล่นตกอยู่ในวัดไม่หาย เมื่อครู่นี้เป็นท้าวเวสสุวรรณองค์เล็กจิ๋ว น่ารักมาก เลี่ยมทองมาเสร็จสรรพ กำลังจะขอให้ญาติโยมอย่าได้หาเจอ ปรากฏว่าเจ้าของมาเอาคืนไปแล้ว อาตมภาพมีพี่ชายพี่สาวรวมแล้ว ๘ คน เขาหาหลานมาให้อาตมภาพเลี้ยง ๓๒ คน เลี้ยงจนเข็ด หนีมาบวชดีกว่า กูจะไม่ยอมมีไอ้พวกลูกลิงนี้เด็ดขาด..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 13:25 |
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
(พูดถึงบายศรี)
เห็นแล้วน่าเสียดาย ราคาเป็นแสนเลย โบราณเขาบอกว่า เหมือนบายศรีเมื่อมีงานท่านถนอม เจิมแป้งหอมน้ำมันให้หรรษา ครั้นเสร็จงานเขาทิ้งลงในคงคา ก็ลอยไปลอยมาเป็นใบตอง ของสำคัญมาก ๆ เพราะเราตั้งใจถวายบูชาพระ ใช้เวลาทำอยู่ ๕ วัน แต่ใช้แค่พักเดียว (พูดกับสามเณร) "สามเณร เอาเปรียญให้ได้ ตั้งใจเรียนนะครับ" "จะเอาประโยค ๙ ครับ" "เอาเลยลูก..เต็มที่" (หลวงพ่อให้พร) ปัญญาเสฏฐัง ปัญญาพะลัง ปัญญาปาสาทิโก ปัญโญภาโส ปัญญาปัชโชโต ปัญญาระตะนัง ภูริปัญโญ มหาญาณัง สัมปะฏิจฉามิ "ถ้าไม่ถึงประโยค ๙ ห้ามเลิกนะ" "จะบวชไม่สึกครับ" "เดี๋ยวพอเป็นหนุ่มหน่อย ก็เปลี่ยนความคิดเองแหละ ตอนนี้จะบวชไม่สึก" พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. งานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย) วันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 13:26 |
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|