|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖
พระอาจารย์เล่าว่า "ของบางอย่างแสดงก็ไม่ได้ แต่ถ้าไม่ทำก็ลำบาก ระยะหลังอาตมาโดนพระขังอยู่ในตึกแดงมาหลายครั้ง จึงบอกท่านว่า "ถ้าผมกลับดึก พวกคุณไปกันหมดแล้วจะไม่ว่าสักคำ แต่นี่ผมมาทำวัตรเย็นอยู่ด้วยแท้ ๆ ยังเสือกทะลึ่งขังผมอีก..!" พอท่านเปิดเสียงตามสายเสร็จ กลับออกไปแล้วก็ปิดประตูจากด้านนอกเลย ส่วนอาตมานอนอยู่ข้างบนก็เรียบร้อยสิครับ โดนขังไป ๓ รอบแล้ว..!
วันก่อนจะไปเอารองเท้ารัดส้นที่เกาะพระฤๅษี คราวนี้ท่านชายไปเรียนหนังสือ เหลือแต่โยมที่เขาจ้างมาทำความสะอาดอยู่ ๒ คน อาตมาก็บอกไปเอากุญแจมา เขาก็บอกว่าไม่มี พอเจอกุญแจแล้วเขาไขเท่าไรก็ไขไม่ได้ อาตมาเลยบอกว่า "เอามา..เดี๋ยวไขเอง" ไขเสร็จแล้วก็เข้าไป ปรากฏว่าทางนี้ไปลองไขกันใหญ่ ไม่เห็นจะไขได้เลย น้องเล็กก็โพนทะนาว่า "หลวงพี่ท่านแหกตาพวกเราแล้ว" อาตมาก็เซ็ง พวกโง่แล้วยังปากสว่างอีก จึงบอกว่า "ไม่เป็นไร ถ้าหันหลังให้จะไขได้" พอพวกเขาหันหลังให้ อาตมาไขปิดเสร็จแล้วก็ไป ถ้าไม่จำเป็น ก็ต้องยอมรับกฎของกรรมได้ เพราะมีเวลาเพียงพอก็นั่งรอได้ รอให้ช่างเขาใช้ความสามารถของเขา แต่ถ้าจำเป็น เวลาไม่พอ งานรออยู่ข้างหน้าต้องรีบไป แบบนั้นก็ใช้วิธีพิเศษไปเถอะ...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2013 เมื่อ 03:02 |
สมาชิก 273 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของบัญชี เงินสงฆ์ ของสงฆ์ ถ้ามีรายละเอียดได้มากเท่าไรก็ดีเท่านั้น ตอนไปอยู่ทองผาภูมิใหม่ ๆ อาตมาทำบัญชีโดยไม่มีเงินส่วนตัว รับมาทุกอย่างถือว่าเป็นของสงฆ์ เขาถวายระบุส่วนตัวก็ลงบัญชีสงฆ์ไป ทำงานไป ๘ เดือน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมา ก็แปลว่าท่านต้องมรณภาพมาประมาณ ๑ ปีแล้ว..!
ท่านถามว่า “แกมีเงินส่วนตัวเท่าไร ?” กราบเรียนท่านด้วยความภูมิใจว่า “ไม่มีครับ..ผมผลักลงกองกลางเป็นเงินสงฆ์หมด” อยากจะอวดท่านว่าอาตมาไม่โลภ “เออดี..แล้วแกเอาลงไปเป็นเงินสงฆ์เท่าไร ?” “ไม่ทราบครับ” โดนฟาดกบาลเลย..! ถามว่าเอาไปใช้เป็นเงินส่วนตัวเท่าไร ? “ไม่ทราบครับ” เอาไปใช้เป็นเงินสงฆ์เท่าไร ? “ไม่ทราบครับ” โป๊ก..! ท่านบอกว่าไปรื้อบัญชีทำเสียใหม่ เงินทุกบาททุกสตางค์รับมาจากใคร จ่ายไปในรายการอะไร ถ้าใครเขาสอบสวนต้องชี้แจงเขาได้ คราวนี้ก็เสร็จละสิ ตั้ง ๘ เดือนใครจะไปจำได้ ท้ายสุดก็ตัดใจหั่นทิ้งไปเลย ๘ เดือนแรกไม่มีเงินส่วนตัว เริ่มต้นเดือนที่ ๙ เพื่อความสะดวกในการทำบัญชี สมัยแรกตอนอยู่วัดท่าซุง เวลาส่งบัญชีครูนนทา อาตมาเป็นประเภทสุดยอดของความซื่อเลย สลึงหนึ่งก็ส่ง ๕๐ สตางค์ก็ส่ง ๓ สลึงก็ส่ง ครูนนทาบอกว่า “ท่านเล็ก..ตัดยอดออกให้เหลือ ๕ บาท ๑๐ บาทได้ไหม ?” ตอนนั้นไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องลำบาก ตอนนี้รู้สึกแล้ว พอเริ่มแก่ตัวก็รู้สึกว่าประเภทเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ลำบากจริง ๆ ต้องตัดเศษให้เหลือยอดเต็มเท่านั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-06-2013 เมื่อ 13:33 |
สมาชิก 281 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ถาม : กว่าจะมาถึงที่นี่ใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่ง ไม่รู้ว่ารถติดอะไรเหลือเกิน ?
ตอบ : รถติดเราควรจะดีใจ เพราะว่าคนรวยมีเยอะ ก็เลยมีรถขับกันมาก ควรโมทนากับเขาเถอะ ถาม : ด่าเขาด้วย ? ตอบ : แสดงว่ากำลังใจไม่ถึง แทนที่จะโมทนา กลับไปด่าเขาเสียนี่ ต้องเห็นเป็นธรรมดาว่ารถมากก็ต้องติด แต่ก็ไม่ได้ติดมากมายหรอก ติดแค่คันที่เรานั่งนั่นแหละ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2013 เมื่อ 18:13 |
สมาชิก 260 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ถาม : พระอาจารย์มาเข้าฝันผมหรือครับ ฝันว่าท่านเอากล่องแดงมาให้ ?
ตอบ : เรื่องอย่างนี้บางทีก็พูดยาก บางอย่างพระหรือเทวดาท่านสงเคราะห์ให้ แต่คราวนี้ว่าเคยมีอะไรเนื่องกับพระมา ท่านก็สงเคราะห์ผ่าน กลายเป็นว่าอาตมาเองไปสงเคราะห์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2013 เมื่อ 18:13 |
สมาชิก 264 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อ ๒ สัปดาห์ก่อนโดนตำรวจตามล่าทั้ง ๒ สัปดาห์ พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ท่านต้องการนิมนต์ไปทำบุญ ครั้งแรกให้หน้าห้องคือ พ.ต.อ. ไพบูลย์ โทรศัพท์ติดต่อไปทางเลขาฯ วัด อาตมาบอกว่าไม่ไป ท่านเลยให้ตำรวจตามหาตัวว่าอาตมาอยู่ที่ไหน ไป ๆ มา ๆ เล่นเอาผู้กำกับทองผาภูมิต้องมาเอง
เรื่องของตำรวจ การบริการเจ้านายสำคัญที่สุด คุณเป็นผู้กำกับทองผาภูมิ พระรูปเดียวนิมนต์ไปให้เจ้านายไม่ได้ คงต้องโดนย้ายไปดาวอังคารแน่เลย..! สงสารท่านผู้กำกับก็เลยต้องรับปากว่าจะไปให้ อาตมาไม่ค่อยคบคนรวยกับผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินหรอก เพราะว่าคนรวยกับผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินจะมีส่วนของทิฏฐิมานะอยู่ ต่อให้ท่านดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าหากมีอะไรไม่ถูกใจ อาจจะเข้าใจพระผิดไปได้ แล้วอาตมายิ่งง้อชาวบ้านไม่เป็นอยู่ด้วย ไปวัดอื่นเขาจะต้องเอาอกเอาใจ คอยตามดูแลบริการ ไปวัดท่าขนุนคุณก็ราคาเท่ากับตาสีตาสายายมียายมานั่นแหละ วัดอื่นนักการเมืองไป ดาราไป เจ้าใหญ่นายโตไป ต้องไปถ่ายรูปเอาไว้อวดเขา ไปวัดท่าขนุนราคาเดียวกันหมด ถ้ามาผิดเวลาก็รอไปเถอะ คุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ กับคุณนฤมล นิลวรรณ ไปตอนกำลังทำวัตรเย็น อาตมาก็ทำวัตรไปเรื่อยเปื่อย ปล่อยให้เขารอไปเถอะ มาผิดเวลาเองนี่นา ท้ายสุดคุณสะอาดอดรนทนไม่ไหวเพราะเวลาไม่มี จะเดินทางต่อ จึงขออนุญาตถวายสังฆทาน ถวายก็จะรับนะ แต่จะให้ไปนั่งสวดมนต์ยาว ๆ ไม่เอา เพราะกำลังทำวัตรอยู่ ดีอยู่อย่างว่าสำหรับอาตมาไม่มี ๒ มาตรฐาน ใครมาก็มาตรฐานเดียวกันหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2013 เมื่อ 18:18 |
สมาชิก 272 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
"หลายท่านให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ บอกว่าเวลามากรุงเทพฯ ให้โทรศัพท์ไปหาด้วย ถึงขนาดปวารณาไว้ว่า สร้างหนี้ไว้เท่าไร เขาจะช่วยจัดการให้ อาตมาไม่โทรไปหรอก..เสียเวลา เห็นใจว่าเขาเคยยกหูโทรศัพท์ช้าไป ๕ นาที เจ๊งหุ้นไป ๒๐ กว่าล้านบาท แล้วคนประเภทนี้เขาจะมีเวลามาหาหรือ ? ถ้าตอนมาหาพระพอดีหุ้นตกอาตมาก็ซวยสิ..!
บางทีเขาก็น้อยอกน้อยใจ มาถึง “ผมปวารณาไว้ตั้งนานเนกาเล ทำไมท่านไม่ขออะไรบ้างเลย ?” บอกว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ในกระเป๋ามีเท่าไรเอามาแค่นั้น” เขาเปิดกระเป๋าเอกสาร เทมามีอยู่เกือบ ๔ แสนบาท..! เขาบอกว่าเพิ่งไปจ่ายเงินลูกน้องมา ถ้าไม่จ่ายเงินให้ลูกน้องจะมีให้อาจารย์เยอะกว่านี้ ท่านเหล่านี้ต้องบอกว่านิสัยไม่ดี ทำอะไรชอบทำคนเดียว อย่างเขาไปเดินดูที่เกาะพระฤๅษี จะมีชื่อเจ้าภาพติดอยู่ กุฏิหลังนี้เจ้าภาพชื่อนี้ ๆ เขาเดินดูทั่วเสร็จสรรพ แล้วถามว่า “แล้วของผมอยู่ไหน ?” อาตมาก็บอกว่า “อ๋อ...ที่เหลือของโยมทั้งวัดนั่นแหละ” ที่คนอื่นถวายเป็นเจ้าภาพมาพอเสียที่ไหนเล่า ? อาคารหลังหนึ่ง ศาลาหลังหนึ่งแพงกว่านั้นตั้งเยอะ แต่คิดเขาไปแค่นั้น ส่วนที่เหลือก็เงินโยมนั่นแหละ เขาก็น้อยใจที่ไม่มีชื่อติด เดี๋ยวก็เอาไปติดหน้าส้วมให้เสียหรอก..! อาตมาก็เลยไม่ค่อยจะโทรศัพท์ไปหา ปล่อยไปเถอะ เขารู้เมื่อไรเขาก็มาเอง บางรายก็ต้องสั่งเลขาฯ ไว้เลย ช่วยดูวันเวลาให้ด้วย พระอาจารย์มาเมื่อไรเขาจะได้มาหา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2013 เมื่อ 18:21 |
สมาชิก 268 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
"ถ้าเป็นวัดอื่น เท่าที่พบมาเยอะต่อเยอะด้วยกัน เขาใช้วิธีโทรศัพท์ตามกัน ในลักษณะให้ความสำคัญ เชิญมาเป็นประธานสร้างนั่นสร้างนี่ เป็นประธานงานนั้นงานนี้ บางทีเขาก็ติดงานสำคัญ บางทีเขาก็มาผิดเวลา วัดอาตมาผิดเวลาไม่ได้หรอก ตรงเวลาเมื่อไรเริ่มงานทันที ประธานไม่มีก็ไม่เป็นไร อาตมาจัดงานเองได้
ขนาดเจ้านาย ท่านเจ้าคุณพระราชวิสุทธิเมธีโทรศัพท์เข้ามา อาตมากำลังทำวัตรเย็นอยู่ เปิดให้ท่านฟังเสียงทำวัตรไป ๕ นาทีกว่า จนท่านทนไม่ไหวต้องตัดสายทิ้งไปเอง งานสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน เป็นงานของพระ ถ้าไม่ทำสิ่งเหล่านี้ที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้เป็นอริยประเพณี ความเป็นพระของเราจะลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ก็เลยต้องใช้วิธีนี้แหละ ต่อให้เป็นเจ้านายถ้าโทรมาผิดเวลาก็เจอแบบนี้เหมือนกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2013 เมื่อ 18:23 |
สมาชิก 266 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ถาม : ผมเคยบวชพระไม่เกิน ๖ วัน เมื่อปี ๒๕๕๓ ครับ สมัยที่บวชได้สนทนากับหลวงพี่รูปหนึ่ง และได้กล่าวพาดพิงถึงพระรูปหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาว่า พระพี่เลี้ยงทำอย่างนั้นไม่ถูก และผมได้พูดเห็นด้วยคล้อยตามไป ก่อนหน้านี้ผมได้เคยแจ้งเรื่องสึกของผมให้พระพี่เลี้ยงทราบไปแล้ว ไป ๆ มา ๆ ผมได้แจ้งให้หลวงพี่อีกรูปจัดการเรื่องการสึกของผม
ทีนี้ผมไม่ทราบว่าพระสองรูปนั้นจะมีปัญหาในการจัดหาพระในวันสึกหรือไม่ แต่ผมกับพระพี่เลี้ยงไม่ได้แตกแยกกัน แต่เข้าใจว่าหลวงพี่คงจัดหาพระมาในวันสึก และอีกส่วนหนึ่งเป็นพระที่พระพี่เลี้ยงจัดหามา หลังจากนั้นพอผมสึกไปแล้ว ถามพระพี่เลี้ยงว่าเคยแตกแยกกับหลวงพี่รูปนั้นหรือไม่ ? ท่านว่าไม่ได้แตกแยกกัน มีการทำสังฆกรรมร่วมกัน แต่ถ้าลงปาฏิโมกข์ ปกติหลวงพี่รูปนี้จะไม่ค่อยลงอยู่แล้ว ลักษณะเช่นนี้ผมเป็นคนยุยงให้สงฆ์แตกกัน ผิดในสังฆเภทหรือสังฆาทิเสสหรือไม่ครับ ? ตอบ : คุณอยากเป็นไหมล่ะ ? ถ้าอยากเป็นก็เป็นได้ คำว่าสังฆเภทหรือทำให้สงฆ์แตกกัน หมายความว่าสงฆ์แบ่งเป็น ๒ ฝ่าย ต่างฝ่ายต่างลงสังฆกรรมของตนเอง ไม่ลงรวมกันทั้ง ๆ ที่อยู่วัดเดียวกัน แล้วของเราจะเป็นสังฆเภทอะไรเล่า ? นอกจากพระท่านไม่พอใจกัน เหม็นขี้หน้ากันเท่านั้น ถาม : แล้วสังฆาทิเสสหรือไม่ ? ตอบ : สังฆาทิเสสตั้งแต่ข้อ ๙ - ๑๓ จะเป็นก็ต่อเมื่อมีการประกาศท่ามกลางสงฆ์ครบ ๓ ครั้งแล้ว คุณนี่อ่านศีลไม่ละเอียด ถาม : หลังจากผมสึกออกไป ถ้าพระสองรูปนี้มีปัญหากัน ผมก็ไม่เกี่ยวใช่ไหมครับ ? ตอบ : เรื่องของเขา ถ้าเราชอบใจฝ่ายไหนก็ไปช่วยชกอีกฝ่ายก็แล้วกัน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2013 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ถาม : ระหว่างที่ผมบวช ผมนั่งกับกลุ่มพระวัยรุ่น ทีนี้มีผู้หญิงเดินผ่านไป ในใจผมคิดว่าพระวัยรุ่นน่าจะพูดถึงผู้หญิงที่เดินผ่านไป แต่ผมไม่ได้พูด ผมจะเป็นสังฆาทิเสสไหมครับ ?
ตอบ : จะเป็นได้อย่างไร ? การเป็นสังฆาทิเสส เขาบอกว่าภิกษุเกี้ยวหญิงด้วยจิตกำหนัด เราเองได้พูดเกี้ยวสักคำไหมเล่า ? ถาม : ระหว่างบวชเราไปถูกมือผู้หญิงโดยไม่ได้เจตนา แล้วเกิดความไม่สบายใจ ไปถามหลวงตาในวัดท่านบอกว่าเป็นสังฆาทิเสส ? ตอบ : เขาเรียกว่าโดนอาบัติทุกกฎ ต้องปลงอาบัติ การเป็นสังฆาทิเสสท่านกำหนดว่า "ภิกษุมีจิตกำหนัด จับต้องกายหญิง (แม้เด็กหญิงแรกเกิด) ต้องอาบัติสังฆาทิเสส" ของเราไม่ได้จับเขา เป็นการกระทบถูกเข้าโดยไม่ได้เจตนา...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2013 เมื่อ 01:57 |
สมาชิก 237 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนที่ผมสึกผมได้เอาของสงฆ์มา และเจตนานำไปถวายพระที่วัดอื่น ทำอย่างนี้จะเป็นปาราชิกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เราเอามาตอนเป็นฆราวาสแล้ว เป็นอาบัติปาราชิกไม่ได้หรอก แต่โอกาสที่จะซวยเพราะเอาของสงฆ์มานั้นมีเยอะ ถ้าชิงตายเสียก่อนก็เฮงเลย..! ถาม : และผมได้นำของใช้ อัฐบริขารกลับบ้านด้วย โดยไม่บอกพระพี่เลี้ยง ถือเป็นปาราชิกหรือไม่ครับ ? ตอบ : ตอนเป็นพระหรือฆราวาส ? ถาม : น่าจะตอนสึกครับ ? ตอบ : ถ้าสึกไปแล้วก็ติดหนี้สงฆ์..! ถาม : ถ้ายังไม่สึกล่ะครับ ? ตอบ : ถ้าไม่สึกก็ปาราชิก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2013 เมื่อ 01:58 |
สมาชิก 239 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถาม : เงินที่คนทำบุญมาในช่วงบวช ผมได้แบ่งให้พ่อแม่ไปบางส่วน ?
ตอบ : บอกท่านให้รีบไปสร้างพระชำระหนี้สงฆ์เสีย ถ้าตายก่อนก็ซวยจริง ๆ ส่วนใหญ่สมัยนี้ลูกก็ไม่รู้ ได้อะไรมาตอนเป็นพระก็ดันเอาไปให้พ่อให้แม่ ให้ญาติให้โยม พาเขาซวยชัด ๆ..! ถาม : ถือว่าเป็นปาราชิกไหมครับ ? ตอบ : ไม่เป็น...แต่เป็นการเอาของสงฆ์เข้าบ้าน หาเรื่องเดือดร้อน ปาราชิกต้องขโมย นี่เป็นของเรา แต่ว่าเราได้จากการที่เป็นพระแล้ว เขาเรียกว่าของสงฆ์ ถาม : ต้องไปร่วมสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ใช่ไหมครับ ? ตอบ : ถ้าใครเขาสร้างก็ต้องร่วมกับเขาไป ถ้าไม่มีก็ต้องรีบสร้างเสียเอง เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะสมัยนี้ส่วนใหญ่บวชตามประเพณี แล้วครูบาอาจารย์หรือพระพี่เลี้ยงก็ไม่สั่งไม่สอน ก็เลยกลายเป็นบวชแล้วมีโทษมากกว่า อยู่วัดท่าขนุนนี่ทิดกวางจะต้องปากเปียกปากแฉะอย่างน้อย ๗ วัน ย้ำแล้วย้ำอีก ถ้าคนไหนเคยบวชมาก่อน ต้องไล่ถามกันเลยว่าเคยโดนอาบัติสังฆาทิเสสข้อไหนมาบ้าง ไล่ไปทีละข้อ ถ้าใครเคยโดนมาก่อน ให้ไปอยู่ชุดสุดท้าย บวชเสร็จก็ส่งไปอยู่ปริวาสเลย ให้อยู่กรรมให้ครบแล้วค่อยกลับมา เพราะว่าถ้าอยู่ชุดแรกนี่เท่ากับเป็นสังฆาทิเสสคาอยู่ ถึงเวลาบวชเสร็จไปนั่งเข้าสังฆกรรม พระชุดต่อ ๆ ไปก็ไม่เป็นพระแล้ว เพราะกลายเป็นอนุปสัมบัน คนที่ศีลไม่เสมอกันไปอยู่ด้วย สังฆกรรมก็เสียหมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2013 เมื่อ 02:51 |
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าผมตายไปแล้ว มีคนจะเอากระดูกผมไปทำวัตถุมงคล ผมจะทำอย่างไรดี ?
ตอบ : คงไม่มีใครสิ้นสติขนาดนั้นหรอก..! ไม่ต้องไปกลุ้มใจ เราตายไปแล้วไม่ต้องทำอะไร เพราะเป็นคนอื่นทำแล้ว ไม่ใช่เรา เป็นเรื่องของเขา ถ้าใครสิ้นสติขนาดนั้นก็ยกให้เขาไปเถอะ ถึงเวลาอย่าไปตาม “เอาของกูคืนมา” ก็พอ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2013 เมื่อ 02:52 |
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ถาม : เจ้ากรรมนายเวรมากวน
ตอบ : ปล่อยเขา เราทำเขาเอาไว้เยอะ ถึงเวลาเขามาเอาคืนก็เป็นเรื่องปกติ ก็ค่อย ๆ ทยอยใช้หนี้ไป หรือไม่ก็ประเภท 'ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย' ก็จบ ถาม : ภาวนาพุทโธไม่ได้เลยค่ะ ฟุ้งตลอด ? ตอบ : ไม่เป็นไร...พุทโธไม่ได้ก็มองภาพพระ แน่จริงก็มาบังพระไปจากเราดูสิ คืออะไรที่เป็นส่วนของความดี เราเอาตรงส่วนนั้นให้ได้ สมัยที่อาตมาบวชใหม่ ๆ บางที ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ รุมตีเสียจนกระทั่งภาวนาไม่ได้ ฟุ้งไปหมด จึงไปนั่งมองหน้าพระประธาน ดูซิว่าเขาจะมีปัญญาทำอะไรเราได้มากไปกว่านี้ไหม ? ไม่ต้องไปกังวลหรอก สำคัญที่กำลังใจของเราคิดจะเอาดีไหม ? ถ้าเราคิดจะเอาดีก็นั่งพิจารณาในเรื่องของศีลไปก็ได้ ตอนนี้เรานั่งอยู่ที่นี่ ศีลของเราบริสุทธิ์ กายของเราไม่ได้ทำชั่ว วาจาไม่ได้พูดชั่ว ถ้าใจอยากคิดชั่วก็ได้นิดเดียว ให้มันไป ส่วนกำไรของเรามีตั้งเยอะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2013 เมื่อ 02:53 |
สมาชิก 247 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องศรัทธาของคนนี่น่ากลัวนะ ก่อนหน้านี้เวลาอาตมาไปไหนก็เดินต๊อก ๆ หรือไม่ก็ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ นั่งสองแถว โอ๊ย...มีความสุขจะตาย เดี๋ยวนี้ออกจากวัดได้ที่ไหน พอชาวบ้านเห็นอาตมาเขาขี่มอเตอร์ไซค์หรือขับรถมา เขาก็เลี้ยวมาหา “อาจารย์..นิมนต์ครับ” อาตมาว่า “กูขอไปเองบ้างไม่ได้หรืออย่างไรวะ ? จะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตแล้ว ไม่ได้เดินเองเลย”
ส่วนใหญ่เขาไปวัดแล้วก็ไปดุอาตมาด้วย เห็นทำงานก๊อก ๆ อยู่ เขาก็บอกว่า "ลูกศิษย์มีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่ให้เขาทำ ? ทำไมยังต้องทำเองอีก ?" ถ้าให้เขาทำแล้วต้องมาแก้ไข ลำบากกว่าทำเองตั้งเยอะ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2013 เมื่อ 02:54 |
สมาชิก 242 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "มีโยมคนหนึ่งที่พ่อแม่เขาพาไปวัด มีปัญหาเพราะเขาพูดคนละภาษากัน คนหนึ่งเอาแต่ภาษาธรรม ส่วนอีกคนเอาแต่ภาษาโลก ไปด้วยกันไม่ได้ คราวนี้หลวงปู่มหาพล วัดเขื่อนท่าทุ่งนา ท่านก็เลยโทรศัพท์มา “อาจารย์เล็ก...รบกวนหน่อยเถอะ เรื่องนี้เกินกำลังผมแล้ว” อาตมาจึงนัดท่านไปที่วัดท่าขนุน โยมชุดนี้เป็นลูกศิษย์ท่านอยู่
พ่อเขาเป็นคนเริ่มก่อน “ถ้ามีอะไรจะคุยเป็นการส่วนตัว เดี๋ยวผมกับแม่ออกไปก่อนก็ได้” อาตมาก็เลยบอกลูกเขาว่า “สิ่งที่เราพูด คนอื่นเขาฟังไม่รู้เรื่อง เขาก็ว่าเราบ้า” คนเป็นลูกบอกว่า "ทำไมต้องไปสนใจร่างกายนี้ด้วย มีแต่ของเน่า ๆ แล้วทำไมต้องไปคอยดูแลผูกพันอยู่กับลูกด้วย เมื่อถึงเวลาก็ต่างคนต่างไป" เวรกรรม..! คนทั่วไปฟังจะรู้เรื่องไหม ? อาตมาบอกเขาไปว่าต้องทำตัวอย่างไร "เรายังอยู่กับโลก เราต้องเคารพสมมติทางโลกเขาด้วย การที่เราทำ เราวางได้ก็จริง แต่เป็นการวางใส่หัวคนอื่นเขา คนอื่นเขายังรับไม่ได้ ถึงเวลาเขาตำหนิ เขาด่าว่าขึ้นมา ก็เป็นโทษใหญ่แก่เขา ร่างกายของเราสร้างทุกข์สร้างโทษให้แก่คนอื่น พ่อแม่ถึงแม้จะเป็นคนละบุคคลกัน ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ถึงเวลาต่างคนต่างตายก็จริง แต่ถ้าไม่มีพ่อแม่ เราก็ไม่ได้เกิดมา ในเมื่อไม่มีพ่อแม่ เราไม่ได้เกิดมา แล้วเราจะรู้เห็นธรรมะในส่วนนี้ไหม ? " ต้องค่อย ๆ คุยกับเขา ท้ายสุดคิดว่าพูดกันรู้เรื่องแล้วเชียวนะ เห็นพ่อแม่กลับไปคืนดีกันได้ แต่ที่ไหนได้...คนเป็นลูกหันมาบอกว่า จะพาลูกของตนไปบวชเณร อาตมาก็ว่าเดือดร้อนตูอีกแน่ ๆ เลย..! สิ่งที่เขาพูดมาใช่ทั้งหมดนั่นแหละ แต่คนที่ยังรับไม่ได้ เขาจะฟังไม่เข้าใจหรอก แล้วก็หาว่าลูกบ้า พ่อจะเข้าใจง่ายกว่าแม่ พ่อเขาบอกว่า “อย่างนี้นะครับท่านอาจารย์ สรุปว่าลูกผมปกติใช่ไหม ?” อาตมาก็บอกว่าปกติ อาการของคนที่ปฏิบัติในตอนแรก ๆ จะยังปรับตัวเข้ากับทั้ง ๒ ฝั่งไม่ได้ จะเป็นอย่างนี้แหละ ต้องรอเขาปรับตัวไประยะหนึ่ง เขาก็ว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็โล่งใจ” แต่คนเป็นแม่ไม่ยอม “เขาบอกว่าเขาตัดหนูได้ตั้ง ๒ ปีแล้ว เป็นไปได้อย่างไร มาตัดแม่ตัดลูกกัน.!” โอ๊ย...โกรธเสียไม่มี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2013 เมื่อ 03:07 |
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
ถาม : เขามาถูกทางหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เอาเป็นว่าเขามาถูกทางแล้ว แต่ออกตัวแรงไปหน่อย พ่อแม่เขาอยากให้มาช่วยกิจการทางบ้าน เพราะมีรีสอร์ทอยู่ คนเป็นลูกก็บอกว่า “แล้วจะมีประโยชน์อะไร เดี๋ยวก็ตายแล้ว ทรัพย์สมบัติก็ขนไปไม่ได้สักอย่าง แล้วทำไมต้องไปทำให้ทุกข์มากขึ้นด้วย ?” ใช่ทั้งนั้นเลย..ใช่ไหม ? อาตมาบอกกับเขาแล้วว่า ถ้าไม่มีทางก็แวะไปวัดท่าขนุนก็แล้วกัน อย่างน้อย ๆ ตรงนี้พอจะเป็นหลุมหลบภัยให้พักบ้าง ถาม : นักปฏิบัติส่วนใหญ่มักมีปัญหากับครอบครัวมาก ? ตอบ : มีมาก เพราะอีกฝ่ายเริ่มต้นคุยเรื่องก.ไก่ แต่อีกคนไปคุยเรื่องปริญญา เขาจะไปรู้เรื่องอะไรเล่า คาดว่าคงจะปรับตัวได้ดีขึ้นหน่อย เพราะว่าพยายามชี้แจงเขาแล้ว บอกว่าสมมติกับวิมุติเหมือนกับเหรียญ ๒ หน้า คุณทิ้งไม่ได้หรอก อย่างไรก็ต้องติดตัวเราไป เพราะฉะนั้น..การปฏิบัติ ควรจะทำตัวเองให้เป็นทุกข์โทษเวรภัยกับคนอื่นให้น้อยที่สุด เรียกง่าย ๆ ว่า เราไม่สามารถสงเคราะห์อย่างอื่นเขาได้ อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยเมตตา อย่าให้ กาย วาจา ใจ ของเราเป็นทุกข์เป็นโทษกับเขาเลย แต่นี่...แม่เจ้าประคุณจะทิ้งอย่างเดียว ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : เขาไม่มีโอกาสไป แล้วคราวนี้หลวงพ่อวัดเขื่อนท่าทุ่งนาบอกพ่อแม่เขา พ่อแม่เขาก็โทรศัพท์หาลูก พ่อแม่เขายังแปลกใจ เอ๊ะ..คราวนี้ลูกเขายอมไป เขาว่าอย่างนั้น พอพ่อแม่เขาออกไป เขาค่อยมากระซิบบอกว่าเป็นเพื่อนกับคุณไพรินทร์ อ๋อ...ที่แท้เขารู้จักอาตมาล่วงมาก่อนหน้าแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2013 เมื่อ 03:09 |
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
ตอนแรกก็ว่าเขาคุยกันรู้เรื่องแล้ว อย่างน้อย ๆ กลับไปทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ที่ไหนได้เขาหันมาบอกว่า "จะเอาลูกไปบวชเณร" เดี๋ยวพ่อแม่ก็ได้ดิ้นตายเท่านั้นเอง..!
แม่เขาบอกว่า “อยู่เมืองไทย หลานไม่ยอมพูดภาษาไทย พอบอกลูกให้สอนหลาน ลูกก็มากรี๊ดใส่แม่ว่า จะไปห่วงไปใยอะไรนักหนา เดี๋ยวก็ตายจากกันไปแล้ว” ที่เขาพูดมานั่นใช่ทั้งนั้นเลย เพียงแต่ว่าใช้กระบวนท่าผิดจังหวะเท่านั้นเอง เขาเรียกว่าไม่มีกาลัญญุตา ไม่รู้ว่ากาละ เวลา สถานที่ไหนที่เหมาะสม เห็นว่าสิ่งนี้ดีก็พุ่งไปสุดตัวเลย ไม่มียั้ง คนอื่นเขาจึงรับไม่ได้ ถาม : เขาบอกว่าตัดแม่แล้วหรือคะ ? ตอบ : เขาบอกว่าตัดพ่อตัดแม่ได้มา ๒ ปีแล้ว แม่โกรธ พูดขึ้นมาประโยคไหน แม่เขาจะต้องเอ่ยคำนี้ขึ้นมา “อุตส่าห์เลี้ยงมันมาขนาดนี้ มันบอกว่ามันตัดแม่มา ๒ ปีแล้ว ถึงเวลาเราหวังดีปรารถนาดี มันทำกิจการอะไรเราก็อุตส่าห์หาเงินหาทองไปให้มัน มันดันบอกว่าตัดแม่ได้แล้ว” นึก ๆ แล้วก็ขำดี ถาม : หนูว่าที่เขาพูดมานั้นใช่ค่ะ ? ตอบ : ใช่ทั้งหมด แต่เขาใช้ผิดจังหวะ เสียเวลาอธิบายให้เขาฟังเป็นชั่วโมง ก่อนจะกลับหลวงปู่วัดท่าทุ่งนาว่าอย่างไรรู้ไหม ? “สมกับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าเป็นผู้มีปัญญามาก” อาตมาก็บอก “ไม่ใช่หรอกครับหลวงพ่อ ผมแค่เคยผ่านมาก่อน คนอื่นเขาเดินตามรอยมา ผมบอกเขาได้อยู่แล้วครับ” หลวงปู่ท่านอายุตั้ง ๘๐ กว่าปีแล้ว ท่านไม่มีแรงไปรบกับเขาหรอก กว่าจะอธิบายให้เข้าใจทั้งแม่ทั้งลูก หลวงปู่ก็เป็นลมพอดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-06-2013 เมื่อ 13:34 |
สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
กรณีอย่างนี้มีบ่อยนะ อย่างเดือนก่อนก็มีเหมือนกัน คนนี้หนีไปถึงจะไปอยู่วัดเลย “หนูเคยอารมณ์พังมาหลายที หนูไม่ยอมแล้วครั้งนี้” ลืมไปว่าพ่อแม่เพิ่งจะพาไปลงทะเบียนที่ ม.อัสสัมชัญเสร็จ รุ่งขึ้นกลับหนีไปวัดเลย ไม่เรียนแล้ว คนอื่นทั้งชีวิตจะเข้าอัสสัมชัญ บางทีได้แต่ฝัน แต่นี่เข้าได้แล้ว ลงทะเบียนเสร็จ หนีไปวัดเลย ดีเหมือนกัน อยู่ ๆ ก็หาภาระมาให้พระได้ลับสมองเล่นอยู่เรื่อย ...(หัวเราะ)...
หยกอย่าทำอย่างนี้ให้พ่อแม่ตกใจนะ ปล่อยสไบเงินไปคนเดียวก่อน ตอนนี้ให้สไบเงินไปเป็นคุณครูแล้ว เขารู้สึกว่าเขาเรียนรู้มาตั้งเยอะแยะแล้วเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์ พอดีทางโรงเรียนต้องการครูสอนภาษาอังกฤษ ก็เลยแบ่งไปให้ ๔ ชั่วโมง ให้พระท่านไป ๔ ชั่วโมง เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง วันก่อนย่องไปดูที่โรงเรียน เห็นเขานั่งทำงานแล้วมีความสุข อาตมาก็ว่าดีเหมือนกัน เขาไม่เห็นหรอก อาตมาเห็นเขาฝ่ายเดียว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2013 เมื่อ 03:13 |
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปริญญาเอกที่อาตมาเรียนอยู่เป็นสาขา Buddhist Management เพราะฉะนั้น..ทุกอย่างจะเป็นของฝรั่งจ๋าขนาดไหนก็ตาม ท้ายสุดต้องดึงมาเข้าหลักของพระพุทธเจ้าให้ได้ ซึ่งในปัจจุบันคนเขากำลังเริ่มฮือฮาสาขานี้กันอยู่ ว่าของดีอยู่ในบ้านเรา ฝรั่งขโมยไปใช้แท้ ๆ ทำไมเราไม่เอาของเรามาใช้เสียเอง ก็เลยคิดว่าต่อไปใครจบสาขานี้ไปงานคงท่วมหัว เพราะส่วนใหญ่หลักของฝรั่งที่เขาว่ามา จับลงหลักของพระพุทธเจ้าได้หมด เหมือนที่ท่านบอกว่าจะลำธารหรือแม่น้ำกี่สายก็ตาม ท้ายสุดก็ลงมหาสมุทรทั้งหมด
ในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักปรัชญาคำว่า "พอเพียง" ควรจะเป็นหลักธรรมข้อไหน ?" ถาม : สันโดษหรือเปล่าคะ ? ตอบ : สายกลางก่อน สันโดษยังรองลงไป มัชฌิมาปฏิปทาก่อน พอเหมาะพอดี ไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เสร็จแล้วถึงจะเน้นเข้ามาหาเรื่องของสันโดษ ยินดีตามมีตามได้ ยินดีตามที่ตนหาได้ ยินดีตามฐานะที่ตนมีอยู่ คนส่วนใหญ่เขากระโดดข้ามไปสันโดษกันทั้งนั้น หลักสำคัญจริง ๆ ไม่ได้คิดถึง พระพุทธเจ้าตรัสครั้งแรกก็มัชฌิมาปฏิปทาเลย เสร็จแล้วก็ไล่ไป หลักการเขามีกี่ข้อ วิธีการเขามีกี่ข้อ ต้องดึงเข้าหาธรรมะของเราให้ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2013 เมื่อ 03:15 |
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
เรียนระดับนี้แล้วเห็นชัด ๆ เลยว่า เรื่องของแนวความคิดนั้นสำคัญที่สุด เขาบอกว่าปริญญาตรีเราเรียนรู้ทฤษฎีคนอื่นก็พอแล้ว ถ้าปริญญาโทเราต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่า แนวคิดของทฤษฎีนั้นคืออะไร แต่ปริญญาเอกเขาบอกว่า คุณต้องตั้งทฤษฎีของคุณเอง
แสดงว่าในหลวงเราเกินปริญญาเอกไปเยอะเลย แต่ละอย่างที่พระองค์ท่านบอกมาสุดยอดทั้งนั้นเลย ทฤษฎีเกษตรทฤษฎีใหม่ ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีของพระองค์ท่านไม่รู้ออกมาเท่าไร สรุปแล้ว ๔,๐๐๐ กว่าโครงการ แต่ในหลวงก็ถ่อมพระองค์นะ พระองค์ท่านบอกว่าไม่ใช่สำเร็จทุกโครงการ แต่ถ้าสำเร็จก็จะเป็นประโยชน์แก่ชาวบ้านเขา แต่ปรากฏว่า ๔,๐๐๐ กว่าโครงการของพระองค์ท่าน สำเร็จเกินร้อยละ ๙๐ ที่สำคัญที่สุดก็คือหลากหลายมาก ครอบคลุมทุกเรื่องที่ชาวบ้านเขาเดือดร้อนแล้วต้องการให้ช่วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2013 เมื่อ 03:16 |
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|