กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-10-2010, 21:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๓

ในขณะที่กำลังสนทนาเรื่องน้ำหนักตัว พระอาจารย์กล่าวให้ฟังว่า

"บางทีการถามเรื่องน้ำหนักตัวก็ถือเป็นการเสียมารยาท เพราะคนไม่ใช่สัตว์ โดยเฉพาะไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ในเมื่อคนไม่ใช่สัตว์เลี้ยง เรื่องอ้วนผอมสำหรับคนจึงไม่มีความจำเป็น

สัตว์เลี้ยงจำเป็นต้องเลี้ยงให้อ้วน จึงจะได้ราคา แต่ถ้าคนอ้วนแล้วมีแต่ราคาจะตก ดังนั้น..การถามถึงเรื่องน้ำหนักจึงถือว่าผิดมารยาท

โบราณเขาบอกว่า สัตว์ผอม ฤๅษีพี อีกนารีไม่มีถัน คนจนแต่งประชัน สี่สิ่งนั้นไร้ความดี

โบราณเขาถือว่า สัตว์ต้องอ้วนจึงจะดี ถ้าเป็นนักบวชนักปฏิบัติต้องผอมแล้วจึงจะดี นี่ถ้าสมัยก่อนใครเกิดมาอ้วนโดยธรรมชาติ แล้วไปบวชคงไม่รุ่ง แต่ถ้าเป็นสมัยนี้อ้วนแล้วเขาชอบกัน เขาเรียกกันว่าหุ่นเจ้าคุณ

ผู้หญิงที่นั่งคุยกับเราแล้วเหมือนกับหันหลังให้ (ข้างหน้าเหมือนไม้กระดาน) โบราณเขาถือว่ากาลกิณี ส่วนคนจนไปแต่งเนื้อแต่งตัวประชันกับคนรวยเขา โบราณถือว่าไม่มีความสำนึกในฐานะตัวเอง เพราะไปอวดร่ำอวดรวยทั้งที่ฐานะของตนไม่อำนวยให้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2010 เมื่อ 01:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-10-2010, 21:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวให้ฟังถึงการสอบที่ผ่านมาว่า "มีวิชาหนึ่ง ชื่อว่า การจัดการพฤติกรรมมนุษย์ตามแนวพระพุทธศาสนา อาจารย์ท่านตั้งคำถามว่า "มีทฤษฎีกล่าวว่า บุคคลย่อมเป็นไปตามสิ่งแวดล้อม แต่วัยรุ่นบางคนอยู่ท่ามกลางเพื่อนที่ติดยา เที่ยวกลางคืน กินเหล้า สูบบุหรี่ ทำไมเขาจึงไม่เป็นไปตามเพื่อน จงอธิบาย"

อาตมาก็อธิบายไปว่า ข้อที่หนึ่ง ทฤษฎีนี้ไม่ถูกต้อง เพราะทฤษฎีที่ถูกต้องต้องครอบคลุมได้หมดทุกคน ในเมื่อยังมีข้อยกเว้นอยู่ แสดงว่าไม่น่าจะถูก จนกว่าจะมีคนยกข้อคัดค้านขึ้นมาได้ ทฤษฎีนี้ก็จะตกไป

ข้อที่สอง พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ให้ความเข้มงวดกวดขัน อบรมมาดี ข้อที่สาม เด็กเป็นบุคคลที่ใฝ่ดี มีหิริโอตตัปปะมาแต่กำเนิด ข้อที่สี่ มีการสั่งสมบุญในลักษณะของ ปุพเพกตปุญญตา มาแต่ปางก่อน

ในส่วนของปุพเพกตปุญญตา คือ การสั่งสมบุญมาแต่อดีต เป็นส่วนสำคัญมาก จะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมว่าเราจะไปดีหรือไปไม่ดี ขนาดบุคคลที่สั่งสมบุญมาในอดีตแต่พอมีอกุศลกรรมมาแทรก ยังมีโอกาสพลาดได้เลย เพราะฉะนั้น..อย่าไปคิดว่า เรามีดีแล้วก็ไปประมาท ถ้าอย่างนั้นก็มีสิทธิ์พังได้

จริง ๆ แล้วทฤษฎีตะวันตกได้แต่กายกรรมและวจีกรรมเท่านั้น ส่วนมโนกรรมยังไปไม่ถึง มโนกรรมของเขา คือจิตใต้สำนึก (sub conscious) ซึ่งคลำได้ผิว ๆ เท่านั้น ไม่เหมือนพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ชัดเจนเลย ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมครบสามส่วน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2010 เมื่อ 01:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-10-2010, 21:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องผมให้ฟังว่า "เรื่องของผม โบราณเขาว่าไว้หลายอย่าง อย่างหนึ่งเรียกว่า เกล้านางนี เป็นผมที่มีลักษณะขึ้นมาคล้ายกับมงกุฎ ผมจะจับทรงของตัวเอง เขาถือว่าเป็นของสำคัญคู่ตัวของบุคคลนั้น บางคนก็เรียกว่า เมาลีโพธิสัตว์ เพราะมีบางคนเท่านั้นที่จะเป็น

ทรงผมอีกอย่างเขาเรียกว่า ผมผีมัด มีลักษณะโดนมัดเป็นกระจุกเล็ก ๆ เต็มศีรษะ ต่อให้แกะออกหรือหวีให้เรียบอย่างไร รุ่งเช้าก็จะเป็นอย่างนั้นอีก

ส่วนที่ชัดที่สุดก็ต้องพระเกศาของพระพุทธเจ้า มีลักษณะม้วนเป็นทักษิณาวัตรแนบติดกับพระเศียร ตั้งแต่วันแรกที่ออกผนวชจนกระทั่งวันสุดท้าย ไม่เคยยาวไปกว่านั้นอีกเลย

คนจีนเขามีตำราว่า บุคคลที่ผมจับทรงเหมือนกับใส่หมวก มักจะมีโอกาสเป็นใหญ่เป็นโต ตั้งแต่ต้นมาจนบัดนี้อาตมาเจอมา ๑ ราย เท่านั้น กำลังรออยู่ว่า ถ้าเขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะได้เป็นใหญ่เป็นโตขนาดไหน

หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน จ. ชุมพร ชาวบ้านเขาเรียกกันว่า หลวงพ่อรุ่งเคราเหล็ก เพราะว่าผมเผ้าหนวดเคราของท่านไม่สามารถที่จะโกนได้ ต่อให้มีดคมกริบขนาดไหนก็โกนไม่เข้า ถากไปก็เหมือนกับถากเส้นลวด เราจะเห็นได้ว่า ผมเผ้าหนวดเคราของคน ยังบอกเรื่องราวได้มากมายถึงขนาดนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2010 เมื่อ 13:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-10-2010, 22:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องฤกษ์ยามให้ฟังว่า "เท่าที่ศึกษามา ฤกษ์ที่น่าใช้ก็คือ ระยะเวลาที่เป็นปลายทลิทโทฤกษ์ (ฤกษ์ขอทาน) แล้วต่อด้วยมหัทธโนฤกษ์ (ฤกษ์มหาเศรษฐี) ช่วงที่คาบกันเกี่ยวกันระหว่างนั้น หมายถึงว่า ถึงลำบากอยู่ก็จะสบายทันที เป็นเคล็ดวิธีที่โบราณาจารย์ท่านแนะนำมา

แต่สำหรับภูมิปาโลฤกษ์ (ฤกษ์รักษาแผ่นดิน) เหมาะสำหรับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน หรือไม่ก็ระดับผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นไป เพราะเป็นผู้รักษาเมือง"

ถาม : หนูเกิดเพชฌฆาตฤกษ์ค่ะ
ตอบ : เพชฌฆาตฤกษ์ก็ดี เพราะว่าเป็นคนที่ทำอะไรเด็ดขาด ถึงเวลาตัดสินใจ "ไม่" หรือ "เอา" คำเดียว..ก็จบเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2010 เมื่อ 01:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 06-10-2010, 08:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยเรียนอยู่ชั้นประถมปลายมีเพื่อนชื่อ "คมเพชร" มีนิสัยเกเรมาก ถ้าจำไม่ผิดพ่อแม่เขาพาไปให้ หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา เปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น "กระสินธุ์" แปลว่า สายน้ำ ปรากฏว่าความประพฤติเขาเปลี่ยนไปเลย

แสดงว่า หลวงพ่อน้อยท่านรู้จริง ท่านบอกว่าชื่อนี้แข็งไป ท่านเปลี่ยนหักมุมสุด ๆ เลย จากเพชรกลายเป็นน้ำ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-02-2019 เมื่อ 11:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 06-10-2010, 09:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูมีอาชีพเป็นหมอ น้องสาวที่อยู่ด้วยกันเรียนจัดดอกไม้ ขณะคุยโทรศัพท์กันอยู่ดี ๆ เขาก็พูดไม่ได้ อ่อนแรงไปค่ะ ขนาดหนูเป็นหมอ ยังคิดว่าไม่น่าจะมาเกิดกับน้อง หนูพยายามทำใจยอมรับ แต่หนูก็ยังทำใจไม่ได้
ตอบ : ไม่ต้องยอมรับจ้ะ เขาให้เราทำหน้าที่ แต่เราทำผิดเอง เราทำผิดตรงที่ไปตั้งใจให้ยอมรับ ถ้ากำลังใจของเราไม่พอ จะยอมรับไม่ได้ ให้เปลี่ยนกำลังใจของเราไปทำหน้าที่แทน

อย่างเช่นว่า ต้องดูแลเขาอย่างไร จะต้องรักษาเขาอย่างไร ต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจเขาอย่างไร แสดงว่าเราหลงประเด็นเอง


ถาม : น้องหนูยังนอนที่ไอ.ซี.ยู. ตั้งแต่วันที่ ๑๕ แล้ว เหมือนกับเขาดีขึ้น แต่ก็ยังไม่รับรู้
ตอบ : ภาษาพระเขาบอกว่า วาระกรรมมาถึงพอดี เอาอย่างนี้..อะไร ๆ เราก็จ่ายมาแล้ว จ่ายอีกสักหมื่นห้าก็แล้วกัน ไปบอกเขาว่าจะปล่อยชีวิตสัตว์ ปล่อยพวกวัวควายให้เขา แล้วอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรให้เขาอโหสิกรรมให้ด้วย แต่ต้องไปซื้อที่โรงฆ่าสัตว์ แถว ๆ โรงฆ่าสัตว์ปทุมธานี ก็ได้

โรงฆ่าสัตว์ปทุมธานีอยู่ตรงกันข้ามกับธนาคารโคกระบือของในหลวง เราซื้อจากโรงฆ่าสัตว์ก็จูงข้ามไปที่ธนาคารโคกระบือ ให้เขาเอาเข้าบัญชีไปเลย เท่ากับว่าเราช่วยชีวิตสัตว์ใหญ่

เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ ส่วนใหญ่เกิดจากกรรมเก่าที่ทำมา ในการที่เราไปฆ่าคนฆ่าสัตว์เอาไว้ จึงต้องคืนให้เขาด้วยชีวิต อาการที่หนักแบบนี้ควรจะคืนเขาด้วยชีวิตของสัตว์ใหญ่ จะให้ไปช่วยชีวิตคนก็คงหาที่ไหนไม่ได้ เพราะไม่มีใครเอาคนไปฆ่าให้เราเห็น ก็ต้องเอาสัตว์มีชีวิตนี่แหละ ลองไปเลือกดู...ราคาน่าจะไม่เกินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท

ไปสื่อสารกับคนป่วย ถ้าเขาสามารถกระพริบตาได้หรือจับมือเราบีบได้ ก็บอกให้เขารับรู้ พอทำเสร็จก็กลับมาบอกเขาอีกที บอกให้เขาตั้งใจว่าบุญที่เราทำทั้งหมดนี้ ขออุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร อย่างน้อย ๆ ก็เป็นแสงสว่างหนึ่งที่ปลายอุโมงค์ มีทางดีกว่าไม่มีเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2010 เมื่อ 14:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 06-10-2010, 11:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เริ่มเบื่อน้อยลงแล้วค่ะ
ตอบ : เริ่มเบื่อน้อยลง ก็แย่นะสิ

ถาม : อย่างทำงาน รู้ว่าเป็นหน้าที่ก็ทำ ๆ ให้เสร็จ ๆ สักแต่ว่าทำไป จึงเบื่อน้อยลงเรื่อย ๆ
ตอบ : ให้กำลังใจของเราอยู่กับปัจจุบันด้วย คือ ทำงานก็ให้อยู่กับงานตรงนั้นเลย ไม่อย่างนั้นแล้วความเบื่อที่น้อยลง อาจเป็นเพราะว่ากิเลสของเราตีกลับ คือ กำลังใจเราไปทุ่มเทกับงาน อาจจะเป็นในลักษณะที่ว่า "ตรงนี้ได้กำไรเยอะ ต้องรีบทำหน่อย" กลายเป็นว่ากิเลสย้อนกลับมาแล้วเราไม่รู้ตัว

เพราะฉะนั้น..ให้วางกำลังใจอยู่กับปัจจุบันตรงนั้นจริง ๆ ต้องระมัดระวังไว้ อย่าไปคิดว่าเราก้าวผ่าน ให้คิดอยู่เสมอว่าเราถดถอย จะได้ไม่ประมาท


ถาม : แล้วมีวิธีดูไหมคะ ว่าเราถอยหรือเราดีขึ้น ?
ตอบ : วัดจากนิวรณ์ ๕ ก็พอ ไม่ต้องมากมาย ถ้าโผล่มาเมื่อไรแสดงว่าเราพังไปนานแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง

ถาม : เวลาไปกราบพระ หนูต้องบินฝ่าแดดฝ่าลมไป มีวิธีที่นึกแล้วถึงเลยไหมคะ ?
ตอบ : เราต้องคิดว่าเราอยู่ตรงหน้านั้นแล้ว แต่ก็อาจจะเป็นรูปแบบเฉพาะตัวของเราก็ได้ แบบเดียวกับพระยาครุฑ เคยอ่านกากีไหม ? เขาว่าดังนี้

เราจะแจ้งทางทุเรศเขตอรัญ........สัตตภัณฑ์คั่นสมุทรใสศรี
แม้จะขว้างแววหางมยุรี.............ก็จมลงจนถึงที่สุธาธาร
อันน้ำนั้นสุขุมละเอียดอ่อน...........จึงชื่อสีทันดรอันใสสาร
ประกอบหมู่มัจฉากุมภาพาล........คชสารเงือกน้ำและนาคินทร์
ผู้ใดคิดข้ามนทีสีทันดร................ย่อมม้วยมรณ์เป็นเหยื่อแก่สัตว์สิ้น
แสนมหาพญาครุฑยังเต็มบิน........จึงล่วงสินธุ์ลุถิ่นพิมานทอง

ของเราแสดงว่าเป็นแบบเดียวกับพระยาครุฑ ต้องค่อย ๆ ไป เราใช้มโนมยิทธิไปแบบทีเดียวถึงเหมือนคนอื่นไม่เป็น สมัยก่อนอาตมาเคยเป็นเหมือนกัน เวลาที่แหวกฝ่าอากาศไป รู้สึกแสบไปหมดทั้งตัว เพราะไปเร็วมากเลย น่าจะเร็วพอ ๆ กับเครื่องบินขับไล่ เอฟ ๑๖

คิดว่าทำไมตัวเราต้องมาลำบากอย่างนี้ด้วย เพราะจริง ๆ แค่นึกก็ถึงแล้ว พอกำลังใจตัดตรงจุดนี้ได้ กลายเป็นว่าแค่นึกก็ถึงแล้ว แต่ทีนี้ของเราอาจจะยังตัดไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ค่อย ๆ ไปแบบนั้นก่อนก็แล้วกัน จะได้เก็บไปสอนเขาได้ว่า ประเภทลำบากลำบน เราก็เคยเป็นมาก่อนแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-02-2019 เมื่อ 11:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 08-10-2010, 12:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าอยากจะแช่อยู่ในฌานเรื่อย ๆ โดยไม่ออกไป ต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : อย่างที่บอก..ให้กำหนดรู้อยู่กับปัจจุบัน แต่ให้ประคองความรู้สึกเท่ากับตอนที่เรานั่ง จะลำบากนิดหนึ่ง แต่ถ้าทำบ่อย ๆ จะชิน แล้วก็จะทำได้

ให้ความรู้สึกของเราอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวนี้ เอาสติประคองอยู่ในอารมณ์นั้น แล้วไม่ให้หลุดไป ถ้าเผลอเมื่อไรก็จะหลุด หลุดแล้วก็ทำใหม่ ลองดู..ไม่ยากหรอก


ถาม : คนที่บ้านเขาบอกว่า เขานั่งภาวนาไปเมื่อเช้านี้ พออารมณ์สบายเขาก็เลยจับภาพพระ และจิตเขายังอยู่บนพระหัตถ์ของพระ พอเลิกทำตรงนั้นแล้วมีความสุข อิ่มอกอิ่มใจมาก ไม่อยากพูดกับใครเลย
ตอบ : ให้ทำบ่อย ๆ แต่ขณะเดียวกันก็ให้รู้ว่า ในเรื่องการปฏิบัติ โลกต้องไม่ช้ำ ธรรมต้องไม่เสีย สิ่งไหนที่เลี่ยงไม่พูด แล้วอยู่กับความสุขปัจจุบันของเราก็อยู่ไป แต่ถ้าสิ่งไหนจำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นก็ให้ทำ ไม่อย่างนั้นแล้วจะเดือดร้อน

มีโยมคนหนึ่งโทรมาร้องไห้ บอกว่าไปทำงานที่ไหนก็โดนเขาแกล้ง อาตมาบอกว่า "ก็เอ็งดันทำตัวไม่เหมือนชาวบ้านเขา.." เขาบอกว่าคนอื่นไม่ดี อาตมาบอกว่า "ไม่ใช่หรอก เอ็งบอกว่าทำงานที่ไหนก็เดือดร้อนทุกที่ แสดงว่าตัวเอ็งต้องไม่ดี ถ้าดีแล้วทำไมเราจึงเข้ากับเขาไม่ได้..?"

ในที่สุดเขาก็หลุดปากออกมาว่า ถ้าหากไปกับคนพวกนั้นแล้วจะรักษากรรมบถ ๑๐ ไม่ได้ เลยพยายามไม่พูดไม่คุยด้วย นั่นแหละ..กลายเป็นเราทำตัวต่างจากเขามากเกินไป คนเขาหมั่นไส้เลยแกล้งเอา กลายเป็นว่าอะไร ๆ เอ็งดีคนเดียว แสดงว่าโลกช้ำเพราะกลัวธรรมจะเสีย ก็เลยต้องปล่อยให้ร้องไห้อีกหลายยก..


ถาม : แล้วอารมณ์ที่เขาได้เป็นอารมณ์อะไร ?
ตอบ : เขาพยายามจะรักษากรรมบถ ๑๐ ให้ได้ กรรมบถ ๑๐ นั้นเน้นตรงวาจา นอกจากจะไม่พูดโกหกแล้ว ยังไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดวาจาที่ไร้ประโยชน์

ทีนี้..วาจาที่ไร้ประโยชน์ ถ้าไม่โยงให้เข้าในเรื่องของการปฏิบัติธรรมแล้วก็ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น ก็เลยไม่พูดเสียเลย ไม่พูดแล้วจะไปทำงานร่วมกับคนในบริษัทได้อย่างไร ใครไปถามอะไรก็หุบปากเงียบ ถ้าเป็นอาตมาไม่บ้องหูให้ก็เกรงใจแล้ว นี่เขาแค่แกล้งให้ก็ยังดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2010 เมื่อ 12:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 08-10-2010, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กรณีของคนที่บ้าน เขามีอารมณ์สบายก็จริง แต่มีความสุขแค่ ๔ - ๕ นาทีเองค่ะ
ตอบ : เดี๋ยวก็ได้เยอะขึ้น การปฏิบัติอยู่ที่การซักซ้อมบ่อย ๆ พอเกิดความคล่องตัวแล้วก็รักษาอารมณ์ได้นานขึ้นเรื่อย ๆ แต่ต้องรู้อยู่เสมอว่าเราอยู่กับโลก ต้องเคารพสมมติทางโลก ในเมื่อเคารพสมมติทางโลก ก็อย่าพยายามทำตัวให้ต่างจากเขามากนัก

อย่างหนังสือที่อ่านไปคราวก่อน งำประกาย : กโลบายไร้ผู้ต่อต้าน เขาบอกว่าให้รู้จักปิดบังตัวเองบ้าง ไม่ใช่ถึงเวลาก็นั่งสมาธิกลางบริษัทเลย ไม่เกรงใจใคร กูจะปฏิบัติของกู รับรองได้ว่าตีนมารอบทิศ..!


ถาม : ในพระไตรปิฎกมีคำว่ากายนิพพานหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่มี..มีแต่อาทิสมานกาย ธรรมกาย อายตนะนิพพานก็ไม่มีตรง ๆ เพียงแต่ท่านบอกว่า ดูก่อน..ภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ แต่ท่านไม่ได้บอกว่าเป็นอายตนะนิพพาน

นิพพานก็คือนิพพาน ตามรากศัพท์แปลว่า ธรรมชาติที่หาความเสียดแทงไม่ได้ คือ ไม่มีอะไรกระทบได้แล้ว กระทบก็ร่วง เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจหรอก ว่าพระปฏิบัติที่เข้าถึงท่านจึงได้ขลัง เพราะไม่มีอะไรเสียดแทงได้แล้ว ก็ขลังโดยปริยาย

ไม่ต้องมากมายหรอก แค่พระอนาคามีก็พอ อนาคามีนั้นเมื่อไร้ซึ่งความโลภ ไร้ซึ่งความโกรธขึ้นมา ปืนก็ยิงไม่ออกแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2010 เมื่อ 12:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 08-10-2010, 12:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จิตของคนเรานี่เป็นพลังงานอย่างหนึ่งหรือเปล่าคะ?
ตอบ : เป็นสิจ๊ะ พลังงานมหาศาลกว่าปรมาณูอีก

ถาม : แล้วเวลาเราคิดอะไรไป ก็เป็นพลังงานอย่างหนึ่ง ?
ตอบ : เป็นจ้ะ ถึงได้ก่อให้เกิดกระแสที่เขาเรียกว่า มโนกรรม กรรมที่เกิดจากใจ จึงต้องควบคุมให้ดี ให้คิดดี พูดดี ทำดี อย่าให้คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว

เพราะว่าพลังงานนั้น นอกจากจะทำร้ายคนอื่นแล้ว ยังทำร้ายตนเองด้วย แต่ถ้าหากทำดีก็จะดีต่อตัวเราและดีต่อคนอื่นด้วย


ถาม : แสดงว่ามีผลใช่ไหมคะ ?
ตอบ : มีแน่จ้ะ

ถาม : แล้วทำไมบางครั้งจะมีไฟกลม ๆ อยู่ตรงระหว่างหน้าผาก ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจจ้ะ ตรงนั้นเป็นแหล่งพลังงานอย่างหนึ่งที่ทางด้านฮินดูเขาถือว่าเป็นจักระ คือ แหล่งพลังงานอย่างหนึ่งใน ๗ จุดใหญ่ของร่างกาย

ไม่ต้องไปใส่ใจตรงจุดนั้น ให้ใส่ใจอยู่กับลมหายใจของเรา กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา ภาพหรือแสงเสียงที่ปรากฏอย่าไปใส่ใจ ถ้ามัวแต่ไปใส่ใจอยู่การปฏิบัติจะไม่ก้าวหน้า


ถาม : จะเกิดอย่างไรก็ปล่อย ?
ตอบ : จะเป็นอย่างไรช่าง แต่ของอย่างนี้แปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือ เรายิ่งไม่สนใจก็ยิ่งชัด เขาจะยั่วให้สนใจ

ถาม : แล้วทำไมคนอื่นเขาไม่เป็นแบบนี้ ?
ตอบ : แต่ละคนไม่เหมือนกันจ้ะ การปฏิบัติก็เหมือนกับคนที่เรียนหนังสือ คนนั้นเรียนสาขาวิชานั้น คนนี้เรียนสาขาวิชานี้ ในเมื่อเรียนคนละสาขา จะให้เหมือนกันก็เป็นไปไม่ได้ ยกเว้นวิชาพื้นฐานเท่านั้น

ถาม : แล้วอย่างหนูต้องปฏิบัติอย่างไรคะ ?
ตอบ : เอาอานาปานสติเป็นหลักจ้ะ เรื่องของลมหายใจเข้าออกทำให้ใจของเราไม่ฟุ้งซ่าน ส่วนการปฏิบัติในด้านอื่น ๆ เพื่อการรู้เห็นต่าง ๆ นั้น จริง ๆ แล้วเป็นของแถมของนักปฏิบัติ ถ้าเราทำถึงส่วนใหญ่จะมาเอง

ดังนั้น..ไม่ต้องไปดิ้นรนทำหรอก ประเภทอยากรู้อยากเห็นอย่างชาวบ้าน รู้เห็นมาก ๆ บางทีก็โดนหลอก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2010 เมื่อ 14:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 08-10-2010, 12:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องการตำหนิกรรม ในหน้าที่การงานอย่างที่เราสั่งสอนเขา ถือว่าเป็นการตำหนิกรรมหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าหากสอนก็สอนโดยยกตัวอย่างให้ชัดเจน แต่การตำหนิกรรม บางทีไม่ใช่การสอน การตำหนิกรรมส่วนใหญ่จะใส่อารมณ์ร่วมไปด้วย รัก โลภ โกรธ หลง ก็เลยงอกงาม รักที่จะสอนเขากำลังใจของเราต้องมั่นคงพอ

ถาม : ต้องตีไปยิ้มไปใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ประเภทตีด้วยอุเบกขา อย่าไปตีด้วยโทสะ

ถาม : แล้วในกรณีที่เราพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ พูดถึงการกระทำของบุคคลอื่น ?
ตอบ : จะมากจะน้อยก็มีโทษ เพราะพระพุทธเจ้าท่านให้ อัตตนา โจทยัตตานัง กล่าวโทษโจทย์ตนเอง มีอะไรก็แก้ไขที่ตัวเองให้ดี เราไม่สามารถจะแก้ไขคนอื่นเขาได้ เพราะเรื่องของคนอื่น คือ เรื่องของโลก โลกทั้งโลกหนักเกินกำลังของเรา ดูที่ตัวแก้ที่ตัวจึงจะเกิดผล

ถึงแม้ว่าการทำงานนั้นจะต้องทำร่วมกัน ก็รอเวลาที่ประชุมกันเกี่ยวกับงาน ถ้าอย่างนั้นก็ใส่กันได้เต็มที่เพราะว่าเป็นหน้าที่ แต่ถ้าเป็นนอกเวลา โบราณเขาถือคติว่า ถ้าติให้ติลับหลัง ถ้าชมให้ชมต่อหน้า ถ้าติต่อหน้าคนอื่น น้อยคนที่จะรับได้ ดีไม่ดีก็โกรธกันไปตลอดชีวิตเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2010 เมื่อ 14:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 08-10-2010, 12:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องการนั่งกรรมฐาน ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าจริตไหนถูกกับเราครับ ?
ตอบ : คุณเอาหนังสือคู่มือปฏิบัติกรรมฐาน ของ หลวงพ่อวัดท่าซุง ตั้งใจบูชาหน้าหิ้งพระ จุดธูปอธิษฐานขอบารมีพระและครูบาอาจารย์ช่วยสงเคราะห์ กรรมฐานใดที่เหมาะแก่เราให้อ่านแล้วชอบใจ ถ้าชอบหลายกองให้ตั้งใจใหม่ว่า กองใดที่เราทำแล้วได้ผลไวที่สุด ให้ชอบมากที่สุด

ไม่ต้องไปสนใจเรื่องจริตหรอก คนเรามีจริตครบทั้ง ๖ อย่าง เพียงแต่ว่าจะเด่นด้านไหนขึ้นมาเท่านั้น ถ้าไม่ใช่คนที่จิตละเอียดจริง ๆ จะแยกไม่ออกหรอก


ถาม : ตอนนี้ผมนั่งภาวนานะมะพะธะอยู่ แต่ว่าจะหงายหลังตลอด แล้วก็จะนิ่งไปเลย อย่างนี้เขาเรียกว่าเข้าอุปจารสมาธิหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าเอาหนังสือของหลวงพ่อมาอ่าน จะรู้ว่าอยู่ระดับไหน เพราะในหนังสือมีรายละเอียดบอกเอาไว้เกี่ยวกับระดับขั้นของอารมณ์ฌาน อารมณ์สมาธิ อ่านแล้วจะรู้เอง

ถาม : มันไม่ยอมหงายครับ ค้างไว้อย่างนั้น แล้วก็เมื่อยครับ อยากให้หงายก็ไม่หงาย
ตอบ : อย่าอยากให้เป็น และอย่าอยากให้หงาย ทำใจให้เป็นกลาง มีหน้าที่ตามดู ตามรู้อย่างเดียว

ถ้าวางกำลังใจไม่ถูก การปฏิบัติจะไปยากมาก ถ้าวางกำลังใจถูกก็จะเร็วเกินกว่าที่เราจะคิด


ถาม : ผมไม่ได้หวังอะไรครับ หวังให้นิ่งอย่างเดียว
ตอบ : ก็ที่เอ็งหวังจะให้หงายนั่นแหละ ฮ่วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-01-2011 เมื่อ 19:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 09-10-2010, 11:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้แม่ผมไปวัดแถวปทุม บริจาคเงินจนจะหมดตัวแล้วครับ
ตอบ : เราเป็นลูกก็ลองทักท้วงดูสิ ว่าผมยังต้องกินต้องใช้นะแม่

ถาม : แม่ไม่ยอมฟังเลยครับ น้ำเชี่ยวมาก ห้ามไม่ไหว
ตอบ : ห้ามไม่ไหวก็รอ หรือไม่ก็พูดให้ท่านฟังเสียหน่อยว่า ถ้าแม่ตายผมไม่มีเงินจัดงานศพให้แม่นะ ถือว่าผมบอกแม่แล้ว ถึงเวลาผมอาจจะเอาเสื่อห่อ ๆ ศพแม่แล้วฝังเลยก็ได้..!

ถาม : บุญที่แม่ทำไปที่นั่น จะได้เท่ากับทำพระดี ๆ ไหม ?
ตอบ : ต้องดูด้วย บุญที่ทำแล้วจะได้เต็มที่ ต้องประกอบด้วย
๑. เจตนาบริสุทธิ์ คือ ทำเพื่อเป็นการหวังสละออกจริง ๆ ไม่ได้คิดจะทำอวดคนอื่นเขา ไม่ได้ทำเพราะสถานการณ์พาไป
๒. วัตถุทานบริสุทธิ์ คือ สิ่งที่เราใช้ในการทำบุญต้องหามาได้โดยบริสุทธิ์ ไม่ได้ลักขโมย หยิบฉวย หลอกลวง ช่วงชิงของใครเขามา
๓. ผู้ให้บริสุทธิ์ คือ ตัวเราตอนนั้นเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์
๔. ผู้รับบริสุทธิ์ ผู้รับเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์

ไปวิเคราะห์ก็แล้วกันว่าส่วนไหนพร่องบ้าง ถ้าไม่พร่องเลยสักข้อ แม่ก็ได้บุญไปเต็ม ๆ


ถาม : สองข้อผมมั่นใจ แต่อีกสองข้อผมไม่มั่นใจสิครับ
ตอบ : อย่างนั้นก็เป็นเรื่องของแม่แล้วครับ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2010 เมื่อ 11:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 09-10-2010, 11:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาผมไปที่นั่นทีไร ผมเครียดทุกทีครับ
ตอบ : เครียด..รับไม่ได้ใช่ไหม ?

ถาม : รับไม่ได้มาก ๆ ผมอยากจะออกมา เมื่อต้นเดือนงานศพตา ไปเผาที่วัดอื่น แต่นิมนต์พระวัดนี้ไปสวด เหมือนหักหน้าพระเจ้าของวัดนั้นหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ประมาณนั้นแหละ...เป็นเรื่องที่โดยมารยาทแล้วไม่ควรจะทำกัน

ถาม : มีอะไรจะแนะนำผมไหมครับ ? เตือนแม่ก็ไม่ฟัง
ตอบ : เราให้ยาเบาไป พูดให้แม่ได้สติต้องกระแทกสักตูมใหญ่ ๆ

ถาม : ตอนช่วงปีใหม่ผมบินกลับมาที่เมืองไทย มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อ เขาบอกว่า เขาจะช่วยเปิดตาที่สามให้เห็นพวกกายทิพย์ และสอนเรานั่งกรรมฐานแนวหลวงพ่อครับ นั่งกรรมฐานไปเขาก็จะถามเหมือนฝึกมโนมยิทธิ ผมสงสัยว่าที่เขาสอนผม เขาใช้ไข่มานวดลูกตา เขาบอกว่าได้วิชามาจากอาจารย์คนหนึ่ง ฝึกจนได้ตามสายหลวงพ่อด้วยครับ
ตอบ : ตามที่อาตมาศึกษาสายหลวงพ่อมาไม่เคยมีอย่างนี้ ยังดีที่เขาบอกว่ามาจากคนอื่น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2010 เมื่อ 11:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 09-10-2010, 11:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาบอกว่าเขาช่วยจูนคลื่นให้ ผมก็ลองนั่งสมาธิ ลองมองดู ถามว่าผมเห็นอะไรไหม ? ผมก็เคยถามพวกแม่ชีว่าผมเห็นถูกไหม ? ก็เห็นถูกตามที่แม่ชีบอก ผมไม่ได้หลอกตัวเองใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าตัวเองเห็นแล้วสรุปไม่ได้ ก็ไม่ต้องถามคนอื่น เหมือนกับกินข้าวแล้วไปถามคนอื่นว่าผมอิ่มไหม ?

ถาม : จะให้แน่ใช้สัมผัสแรกใช่ไหม ?
ตอบ : จริง ๆ แล้ว เราต้องเชื่อความรู้สึกแรก แล้วการเห็นไม่มีการผิดไม่มีการถูก เห็นก็คือเห็น หากแต่ว่าพอเรารู้เห็นแล้วเราไปเชื่อถือ ไปคล้อยตามแล้วปฏิบัติ ตอนนั้นแหละถึงจะเกิดการผิดถูก ต้องระมัดระวังตรงที่ว่า เราจะเชื่อถือและปฏิบัติตาม

อย่างวัดที่คุณว่าเหมือนกัน เขาเห็นตามนั้นแล้วก็ไหลตามไป ในเมื่อไม่มีการยั้งตัว คนส่วนใหญ่เห็นว่าผิด แต่เขาเห็นว่าถูก

ฉะนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติ แรก ๆ ถ้าแค่เห็นยังไม่มีการผิดถูก แต่ถ้าเห็นแล้วไปคล้อยตามคำแนะนำ ต้องระมัดระวังให้มาก เพราะว่าความผิดถูกจะเริ่มปรากฏ ถูกก็เสมอตัว ถ้าผิดก็ขาดทุน


ถาม : ผมศึกษาตามสายของหลวงพ่อมา ให้กำหนดภาพพระให้ชัดเจน แต่ผมนั่งสมาธิไม่ค่อยได้กำหนด เอาให้นิ่งอย่างเดียว แล้วก็ถอนออกมา จะเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าเราต้องการรู้เห็น ต้องเกี่ยวกับภาพ ยกเว้นว่าเราต้องการความสงบเฉย ๆ

ที่ทำไปก็ถูกอยู่ แต่การสงบเฉย ๆ ถือว่าขาดทุน เพราะว่าการปฏิบัติตามสายหลวงพ่อท่านหวังความหลุดพ้น ความสงบเป็นแค่สุขปัจจุบันเท่านั้น ถ้าไม่สามารถจะรักษาให้ต่อเนื่องได้ ยังไม่แน่ว่าความสุขในอนาคตจะมีได้ เพราะว่าเราอาจจะพลาดลงอบายภูมิไปเลยก็ได้

ฉะนั้น..ป่วยการที่จะกล่าวถึงประโยชน์สุขสูงสุดที่จะพึงได้คือการหลุดพ้น ถ้าเราแค่สงบเฉย ๆ แปลว่ายังไม่พอกิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2010 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 09-10-2010, 11:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สรุปแล้วถ้าต้องการฝึกมโนมยิทธิ คือ ต้องกำหนดภาพพระให้ชัดใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ควรจะเป็นอย่างนั้น ขอยืนยันว่าถ้าทำได้คล่องตัวแล้วจะมีปัญหาตามมาอีกมหาศาล เพราะบุคคลที่รู้เห็นมักจะโดนหลอกได้ง่าย

ถาม : กำหนดรูปหลวงพ่อได้ไหมครับ ?
ตอบ : แล้วแต่สะดวก ให้จับได้สักรูปหนึ่งเอาให้ชัดจริง ๆ ก็แล้วกัน

ถาม : ถ้าลืมภาพ ก็ลืมตามาดูใหม่หรือครับ ? อย่างนี้สมาธิก็หลุดไป
ตอบ : แสดงว่าคุณลืมตาไม่เป็น คนทำสมาธิเป็นไม่ว่าจะหกคะเมนตีลังกาอย่างไร สมาธิเขาก็ทรงตัวได้เสมอ

ถาม : แต่ว่าผมทำได้ภาพไม่ละเอียดครับ
ตอบ : ค่อย ๆ ทำไป บุคคลสมัยก่อนเขาทำ ๓๐-๔๐ ปีกว่าจะได้ เราทำมากี่นาที..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2010 เมื่อ 12:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 09-10-2010, 11:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาภาวนาใช้คำบริกรรม เมื่อก่อนพอหลุดก็หายไปเลยครับ พอตอนนี้คำบริกรรมยังอยู่แล้วก็ร้องเพลงตามไปด้วย
ตอบ : ดึงความรู้สึกทั้งหมดมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้ายังดึงกลับมาไม่ได้ ก็ยังคงร้องเพลงไปด้วย ลักษณะอย่างนั้นเป็นการแยกจิตทำงานหลายอย่างพร้อมกัน แต่คราวนี้กลายเป็นกิเลสมารช่วยหนุน จึงออกนอกลู่นอกทาง

ถาม : พอใช้ลมหายใจเข้ามาช่วย เพลงก็หายไป แต่กลายเป็นภาพที่เราไปเห็นมาในแต่ละวัน
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ ให้กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่กับลมหายใจอย่างเดียว ภาพจะปรากฏไม่ต้องสนใจ แต่ยิ่งไม่สนใจก็ยิ่งชัด เขาตั้งใจจะกวนให้เราเลิก ต้องทนสู้..นั่งตื๊อดูว่าใครจะอึดกว่ากัน

ถ้าเราสามารถผ่านได้ เขาก็จะไม่มาอีก เขาแค่ต้องการกวนน้ำให้ขุ่น พอขุ่นแล้วจิตเราไม่มีคุณภาพ การปฏิบัติของเราไม่ก้าวหน้า เขาถือว่าประสบความสำเร็จ เขาก็จบของเขาแค่นั้น ส่วนเราเองก็เดือดร้อนไปเรื่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2010 เมื่อ 12:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 09-10-2010, 12:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาจะควบแน่นเพื่อบีบให้ออก ถ้าไม่อยากออก จะต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : แล้วทำไมถึงไม่อยากออก?

ถาม : อยากจะแช่อยู่นาน ๆ
ตอบ : จะไปยากอะไร ก็แค่นึกว่าไม่ไป ๆ ๆ กำลังใจก็จะต้านไว้เอง หรือลดลงมาอย่าให้ถึงฌาน ๔

ถาม : ขนาดหนูผ่อนลงแล้ว ภาวนาต่อก็แน่นใหม่อีก
ตอบ : เรื่องธรรมดา ก็ซ้อมขึ้น ๆ ลง ๆ ไปเรื่อย ต่อไปจะมีความชำนาญ เขาเรียกว่า วุฏฐานวสี

วุฏฐานะ คือ การออก , วสี คือ ความคล่องตัว , วุฏฐานวสี คือ มีคล่องตัวในการเข้าออกฌาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2010 เมื่อ 15:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 10-10-2010, 20:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยเด็ก ๆ มีคนได้แก้วจากต้นกล้วย เขาเองก็ไม่ได้คิดอยากได้หรอก แต่ด้วยความที่เป็นคนขยัน ปลูกกล้วยแล้วรักษาอย่างดี

วันหนึ่งฝันเห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยมาหา บอกว่าขอบคุณที่ช่วยดูแลเขามานาน ตอนนี้จะไปเกิดแล้ว จะทิ้งของดีเอาไว้ให้ ให้เก็บรักษาเอาไว้ จะได้ช่วยให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง

เจ้าของต้นกล้วยก็พยายามไปค้นหา หาที่กอกล้วยแล้วยังไม่เจออะไร ท้ายสุดเห็นกล้วยออกปลีอยู่ จึงตัดปลีออกมาผ่าดู ปรากฏว่ามีแก้วอยู่ข้างใน"

ถาม : ผู้หญิงที่มาเข้าฝัน เป็นรุกขเทวดาหรือครับ ?
ตอบ : เป็นรุกขเทวดาชั้นต่ำ แบบเดียวกับพระพุทธเจ้าที่เคยเสวยพระชาติเป็นกุสนาฬิเทวดา เป็นเทวดาอยู่บนกอหญ้าคา

ถาม : อยู่บนไม้ไม่มีแก่นใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นรุกขเทวดาชั้นสูงจะอยู่บนไม้มีแก่น

ถาม : รุกขเทวดาชั้นต่ำอายุกาลจะสั้นกว่าหรืออย่างไร ?
ตอบ : ไม่ใช่สั้นกว่า แต่กำลังบุญจะน้อยกว่า อีกอย่างคือ กิเลสรัก โลภ โกรธ หลง ใกล้เคียงมนุษย์มากกว่า

ถาม : ขนาดกำลังบุญน้อยยังให้แก้วได้
ตอบ : อย่าลืมว่าเทวดาปลายแถวยังทรงความดีมากกว่ามนุษย์หัวแถวหลายเท่า

ถาม : แล้วใครเป็นคนดูแลแก้ว
ตอบ : แก้วนั้นเหมือนกับเป็นศูนย์รวมพลังของเขา ในเมื่อเขาไม่ได้ใช้แล้วก็เลยยกให้ โบราณเขาเรียกแก้วกัทลี กัทลี แปลว่า กล้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2010 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 10-10-2010, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : งูเหลือมปากเป็ด เขาบอกว่าคนใต้จะเก็บไว้ไม่ให้คนอื่นเห็นเลย
ตอบ : อาตมามีอยู่สี่ตัว ตัวขนาดเท่าถั่วงอก ที่บอกว่าเหมือนถั่วงอกเพราะปากเขาแบนจึงดูเหมือนถั่วงอก ก่อนหน้านี้อาตมาเอามาใส่ตู้ไว้ให้ดู ๓-๔ ตัว ของบางอย่างที่เขาหายาก เขาก็หวงกัน แต่เราอาจจะทำบุญไว้เยอะกระมังก็เลยหาง่าย

จริง ๆ อาตมาอยากได้งูนกเลี้ยงมากกว่า ไม่ได้อยากได้งูเหลือมปากเป็ดหรอก อยากรู้ว่างูนกเลี้ยงเขาอยู่ได้อย่างไร ? เพราะเป็นงูที่อ่อนปวกเปียกทั้งตัวเหมือนกับไม่มีกระดูก นอนอยู่ที่ไหนนกจะไปทำรังให้ แล้วหาอาหารมาป้อนให้ทุกวัน

ถ้าเราได้เขามาเก็บไว้ ตอนเช้า ๆ ต้องรีบเอาไปไว้ตรงชานบ้านเพื่อให้นกมาป้อน นกทุกตัวที่ผ่านมาต้องหาอาหารให้เขากินก่อน ไม่อย่างนั้นไปไหนไม่ได้หรอก

ตำราว่าเป็นเมตตามหานิยม ถ้าใครมีอยู่จะทำให้เจ้าของบ้านพลอยเป็นที่รักของคนอื่นไปด้วย ที่อาตมาอยากได้ ไม่ใช่ต้องการให้เป็นมหานิยม แต่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น

เขาบอกว่าเข้าป่าให้พยายามสังเกต ถ้ามีเสียงนกเกรียวกราวอยู่ที่ไหน น่าจะมีงูนกเลี้ยงอยู่ที่นั่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2010 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว