กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-06-2023, 10:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมสัปดาห์วันวิสาขบูชา ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๖

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-06-2023, 10:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยังสงสัยว่าทำไมพวกเราทำอะไรกันช้ามาก ? เพราะเมื่อครู่นี้อาตมาฉันเสร็จแล้วยังไปทำงานอีกตั้งเยอะ แถมยังล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวใหม่ด้วย ส่วนพวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย อมขี้ฟันมาด้วย..!

ของพวกนี้เป็นเรื่องที่ฝึกได้ เพียงแต่ว่าการฝึกหัดทุกอย่างระยะแรกต้องลำบาก หลังจากนั้นถึงจะสบาย เพราะว่าฝึกไปนาน ๆ ก็จะกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวเรา เป็นความเคยชิน ซึ่งถ้าเป็นหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่าเป็น "ฌาน" ก็คือทำจนชิน ทำจนชินเกิดความหนักแน่นทรงตัว ไม่ต้องบังคับก็เป็นเอง บาลีถึงได้เรียกว่า ฌาน มาจาก ฌานัง ความเพ่ง คือใจจดจ่ออยู่ที่เดียว

ทุกวันนี้พวกเราส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรมแล้วไม่พอเลี้ยงกิเลส..! เหตุที่ใช้คำว่าไม่พอเลี้ยงกิเลส ก็เพราะว่าเราทำ ๆ ทิ้ง ๆ ส่วนที่จะพึงใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ ก็เลยโดนกิเลสเอาไปกินหมด

พอพวกเราภาวนาไปกำลังใจเริ่มทรงตัว มีกำลังขึ้น แทนที่จะไล่ตีกิเลสให้ถอยไปหรือให้พ่ายแพ้ไปเลย เรากลับเลิก ไปทำอย่างอื่นแทน ให้กิเลสร่าเริงใหม่ ประมาณว่ากลัวกิเลสจะเศร้าหมอง..เราเป็นคนมีเมตตา..!

เมื่อกิเลสเอากำลังของเราไปใช้งาน ก็เลยสามารถที่จะฟุ้งซ่านอย่างเป็นหลักเป็นฐานเป็นการเป็นงาน ฟุ้งอย่างชนิดที่เอาไม่อยู่ ก็เกิดจากพวกเราปฏิบัติธรรมแล้วเอาไปเลี้ยงกิเลสนี่แหละ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2023 เมื่อ 17:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-06-2023, 10:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(โยมถวายยา) เอามาทำอะไร ? บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม..อาตมาไม่เคยเป็นเลย..! เหตุที่ไม่เคยเป็นเลยเพราะว่า ระหว่างฉันอาหารจะไม่ดื่มน้ำ ทำแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว เพราะมีความเข้าใจในเรื่องธาตุในร่างกายของเรา

พอถึงเวลาร่างกายรับอาหารลงไป ก็จะส่งไฟธาตุมาเพื่อย่อยสลายอาหารนั้น ๆ ไปให้เป็นประโยชน์ เราก็เทน้ำกลืนลงไป..ดับไฟเสียเกลี้ยงเลย พออาหารไม่ย่อย ก็ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารเป็นพิษ ซึ่งเกิดจากเราทำตัวเอง ภาษาหมอสมัยใหม่บอกว่า ร่างกายส่งน้ำย่อยมา แล้วเราก็ดื่มน้ำลงไปมาก ๆ ทำให้น้ำย่อยเจือจาง ย่อยอาหารไม่ได้

อาตมภาพอายุ ๖๔ ปีเต็ม กำลังย่าง ๖๕ ปี ไปให้หมอตรวจ เส้นเลือดหัวใจยังไม่มีตีบ ยังไม่มีตันสักเส้นหนึ่ง หมอถามว่า "หลวงพ่อทำอย่างไร ?" ไม่ได้ทำอะไรเลย อาจจะเป็นแค่กินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติธรรมหรือทำงานให้มากเข้าไว้ พอถึงเวลาร่างกายใช้พลังงานจนหมด ไม่เหลือไขมันไปอุดหัวใจ ในเมื่อไม่เหลือไขมันไปอุดหัวใจก็ไม่เหลืออะไรไปพอกตับด้วย

ตอนนี้กำลังรอว่าเมื่อไรไขมันจะพอกพุงขึ้นมาสักที เห็นเขาบวชกัน ๒ พรรษา ๓ พรรษา..อ้วนปี๋แล้ว นี่ผ่านมาจะ ๔๐ พรรษาแล้วยังไม่ได้อะไรเลย น้ำหนักก่อนบวช ๖๓.๕ กิโลกรัม บวชมา ๓๗ ปีกว่า น้ำหนักอยู่ที่ ๖๑ กิโลกรัม ของเก่ายังไม่ได้คืนเลย..!

สองเดือนแรกที่อดข้าวเย็น น้ำหนักหายฮวบไป ๙ กิโลกรัม บวชผ่านไป ๒๐ ปี ได้คืนมา ๒ กิโลกรัม..! เฉลี่ยว่าสิบปีได้มากิโลฯ เดียว ถ้าเป็นกิจการนี่เจ๊งแน่นอน..!

หลังจากนั้นก็โดนหมอบังคับให้กินแล้วนอน กินแล้วนอน กินแล้วนอน จ่ายยาให้กินแล้วนอนหลับอย่างเดียว ได้น้ำหนักมา ๔ กิโลกรัม รวม ๆ แล้ว ๓๐ ปีได้น้ำหนักมา ๖ กิโลกรัม แต่หายไป ๙.๕ กิโลกรัม จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ของเก่าคืนมาเลย

มีอยู่วันหนึ่ง "เฮ้ย ๖๓ แล้ว..! อีกครึ่งกิโลฯ เท่านั้น" ที่ไหนได้..ตอนนั้นเพิ่งจะดื่มน้ำลงไป ๑ ลิตร ในมือยังถือหนังสือเล่มใหญ่อยู่กับด้วแล้วขึ้นไปชั่ง ปรากฏว่าพอเข้าห้องน้ำเสร็จสรรพเรียบร้อยออกมาชั่งใหม่เหลือ ๖๑ ตามเดิม..! ไม่น่าเชื่อว่าจะขึ้นมาได้ตั้ง ๒ กิโลกรัม..!

เขาบอกว่าผู้ชายความสูงให้ลบ ๑๐๐ จะเป็นน้ำหนัก แปลว่าอาตมภาพยังขาดอยู่ ๑๑ กิโลกรัม ส่วนผู้หญิงให้เอา ๑๑๐ ไปลบจะเป็นน้ำหนัก อย่างเช่นว่าผู้หญิงสูง ๑๖๐ น้ำหนักก็จะแค่ ๕๐ กิโลกรัม..ห้ามเกินนั้น ถ้าเกินถือว่าเป็นการอวบระยะสุดท้าย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2023 เมื่อ 17:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-06-2023, 10:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

(พระอาจารย์ทักชื่อโยมที่มาทำบุญใส่ขัน) หลายคนเขาสงสัยว่าใส่หน้ากากอนามัยเห็นแค่ลูกตาจำได้ด้วยหรือ ? รู้ไหมว่าคนเราจะแก้ไขอะไรก็ได้หมด ยกเว้นลูกตา ระยะห่างของดวงตาของแต่ละคนแก้ไม่ได้ คุณจะไปทำตาสองชั้น สี่ชั้นอย่างไร ตาก็ห่างกันแค่นั้น

หลายต่อหลายคนน่าเสียดายมาก เราต้องเข้าใจคำว่า "รูปธรรม นามธรรม" ก็คือสิ่งที่เป็นเรา เกิดจากบุญกรรมที่เราทำมาในชาติก่อน ๆ ที่เขาเรียกว่า "บุญทำกรรมแต่ง"

คราวนี้พอถึงเวลาเราก็ไปให้หมอศัลยกรรมหน้าให้ เจ๊งมาเยอะแล้ว ผู้หญิงบางคนจมูกใหญ่ นั่นแสดงออกซึ่งอำนาจ สามารถปกครองคนมาก ๆ ได้ แล้วก็ไปตัดปีกจมูกเหลือแหลมเปี๊ยบอยู่นิดเดียว ต่อให้มีลูกน้องเป็นร้อยก็หนีหมด เพราะว่าตัวเองไปตัดทิ้งเอง..!

เราต้องศึกษามหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ กับอนุพยัญชนะ ๘๐ ประการของพระพุทธเจ้า แต่ละอย่างของพระองค์ท่านได้มาเพราะสร้างบุญสร้างกรรมอะไรไว้ แล้วจะได้รู้ว่าเรื่องของนรลักษณ์ หรือโหงวเฮ้ง หรือว่าปุริสลักษณะ ก็คือเรื่องที่เกิดจากบุญจากกรรมที่เราทำมาทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้น..แก้ไขให้ตายก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะว่าสิ่งที่ควรแก้ไขก็คือความประพฤติ กาย วาจา ใจ ของตัวเอง ไม่ใช่ไปเสริมดั้ง ไปกรีดตาสองชั้น ไปทำปากนกแก้ว นั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจากเจ็บตัวและเสียเงิน..!

แล้วก็ไม่ใช่ไปเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนชื่อให้ตายถ้าไม่เปลี่ยนความประพฤติก็ไม่ช่วยอะไรได้ เพราะว่าการกระทำทุกอย่างยังเหมือนเดิม

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครรู้สึกว่าตัวเองดวงตก มีแต่สิ่งไม่ดีเกิดขึ้น อยากจะเสริมดวง ให้รีบรักษาศีล เจริญภาวนาเข้าไว้ นั่นคือวิธีเสริมดวงที่ถูกต้องและมั่นคงที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2023 เมื่อ 17:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-06-2023, 10:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้า กาย วาจา ใจ ของเรามีแต่สิ่งดี ๆ ก็จะดึงดูดเอาสิ่งดีรอบข้างเข้ามา พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า "สรรพสิ่งอยู่ร่วมกันด้วยธาตุ" คำว่าธาตุในที่นี้ก็คือ คุณลักษณะที่เหมือนกัน

พระองค์ตรัสถามพระอานนท์ว่า "อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เธอเห็นภิกษุทั้งหลายที่สมาคมอยู่กับพระสารีบุตรหรือไม่ ?"
พระอานนท์ทูลตอบว่า "เห็นพระเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้มีปัญญามาก"

"อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เธอเห็นภิกษุทั้งหลายที่สมาคมอยู่กับพระโมคคัลลานะหรือไม่ ?"
พระอานนท์ทูลตอบว่า "เห็นพระเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "อานันทะ ดูก่อนอานนท์ ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้ยินดีในอภิญญา"

"อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เธอเห็นภิกษุทั้งหลายซึ่งสมาคมอยู่กับพระปุณณมันตานีบุตรหรือไม่ ?"
พระอานนท์ทูลตอบว่า "เห็นพระเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "อานันทะ ดูก่อนอานนท์ ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้ยินดีในธรรมกถึก" คือชอบที่จะเป็นนักเทศน์

เพราะฉะนั้น
..เรื่องของบุคคลหรือว่าสรรพสิ่งทั้งหลายดึงดูดกันด้วยธาตุ หรือว่าคุณลักษณะแบบเดียวกัน ถ้าเราทำแต่สิ่งดี ๆ เข้าไว้ เรื่องดี ๆ ก็จะเข้ามาหา ไม่ต้องเสียสตางค์ไป "โมฯ" หน้า ไม่ต้องเสียเวลาไปเสริมนม ทุกดีของมันเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2023 เมื่อ 17:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 10-06-2023, 10:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,723 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คนเราส่วนใหญ่แล้วกำลังใจไม่พอที่จะทำความดีด้วยตัวเอง
บอกให้รักษาศีล "ไม่เอา..ยุ่งยาก ทำโน่นก็ไม่ได้ ทำนี่ก็ห้าม"
บอกว่าให้นั่งภาวนา "ไม่มีเวลา"
สู้ไปเปลี่ยนชื่อไม่ได้ พักเดียวจบ

ที่ซวยจริง ๆ ก็เพื่อนอาตมานี่แหละ ไม่กี่วันก่อนไปเปลี่ยนชื่อมา เมื่อวานได้เลื่อนเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ ตายห่..! ท่านต้องบอกคนอื่นแน่เลยว่าเปลี่ยนชื่อแล้วถึงจะดี

ความจริงแล้วในเขตนั้นทั้งหมดท่านเป็นมหาเปรียญ ๙ ประโยคอยู่รูปเดียว ไม่มีคนอื่น จะเปลี่ยนชื่อหรือไม่เปลี่ยนชื่อ เจ้านายก็ต้องเอาท่านอยู่แล้ว ดันไปเปลี่ยนชื่อพอดีแล้วได้เลื่อนตำแหน่ง เดี๋ยวได้พาลูกศิษย์เปลี่ยนชื่อกันหมดวัดแน่เลย..!

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมสัปดาห์วันวิสาขบูชา
ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2023 เมื่อ 17:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว