กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-01-2023, 20:57
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 351
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 19,069 ครั้ง ใน 829 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-01-2023, 23:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,005 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพไปร่วมงานรัฐพิธี ๓๗ ปีการเปิดเขื่อนวชิราลงกรณ ก็คือในวันที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เสด็จมาเปิดเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อว่าเขื่อนเขาแหลมอยู่

จนกระทั่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งตอนนั้นดำรงพระอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เจริญพระชนมายุ ๕๐ พรรษาในปี ๒๕๔๕ มีการเปลี่ยนชื่อเขื่อนเขาแหลมเป็นเขื่อนวชิราลงกรณ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ แล้วเขื่อนวชิราลงกรณเดิมซึ่งอยู่ที่ท่าม่วงเปลี่ยนชื่อเป็นเขื่อนแม่กลอง เขื่อนเขาแหลมก็เลยสูญหายไปจากโลกนี้โดยปริยาย

ความจริงการสร้างเขื่อนเขาแหลมนั้น แผนที่มีความผิดพลาด เพราะว่าเขาแหลมที่แท้จริงก็คือภูเขาลูกที่อยู่หลังรอยพระพุทธบาท วัดท่าขนุน บริเวณซึ่งเป็นหน้าเขื่อนนั่นคือเขาเย็น แต่คราวนี้ในเมื่อพล็อตแผนที่ไปแล้ว ในแผนที่ระบุว่าเป็นเขาแหลม โครงการก็ได้รับอนุมัติในนามเขื่อนเขาแหลม ก็ต้องใช้ชื่อเขื่อนเขาแหลมมาหลายปี จนกระทั่งได้รับการเปลี่ยนชื่อ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งทรงเจริญพระชนมายุ ๕๐ พรรษา เป็นเขื่อนวชิราลงกรณ

คราวนี้การสร้างเขื่อนเขาแหลมหรือว่าเขื่อนวชิราลงกรณในสมัยนั้น ผลพลอยได้ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือหลวงพ่อ ภปร.พระพุทธกาญจนธรรมพิทักษ์ที่วัดทองผาภูมิ ซึ่งตอนนั้นหลวงพ่ออาบ (พระครูกาญจนประสิทธิ์, อาบ ปคุโณ) ได้รับแต่งตั้งจากหลวงปู่สาย (พระครูสุวรรณเสลาภรณ์, สาย อคฺควํโส) ไปเป็นเจ้าอาวาสที่นั่น ท่านก็อยากจะสร้างผลงานของตนเอง จึงพยายามที่จะปั้นแล้วก็สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นมา

แต่ปรากฏว่าด้วยความที่ต้นทุนน้อย ฝีมือน้อย พระพุทธรูปที่ออกมาก็เลยหน้าตาดูไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงพระพาหาหรือว่าแขน ใช้ปีบเป็นแบบหล่อขึ้นมา ดังนั้น..พระพาหาของพระพุทธรูปก็เลยเป็นเหลี่ยม ๆ จนกระทั่งชาวบ้านเขาเรียกกันว่า "พระกาโม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2023 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-01-2023, 23:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,005 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเริ่มสร้างเขื่อนเขาแหลมไปแล้วมีปัญหาต่าง ๆ มากมาย นายแพทย์ชัยยุทธ กรรณสูต เจ้าของบริษัทอิตาเลียนไทย ซึ่งรับเหมาสร้างเขื่อนเขาแหลม จึงมาบนกับหลวงพ่อ ภปร.ที่หน้าวัดทองผาภูมิว่า "ถ้าสามารถสร้างเสร็จโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ ก็จะมาปรับปรุงหลวงพ่อให้งดงามสมเกียรติยศ"

ปรากฏว่าหลังจากนั้น หลวงพ่ออุตตมะ (พระราชอุดมมงคล วิ.) วัดวังก์วิเวการาม มาช่วยดูที่ดูทางให้ หลวงพ่ออุตตมะท่านสำเร็จ "วิชาโลกวิทู"ทางสายมอญมา ลักษณะคล้าย ๆ ตำราดูฮวงจุ้ยของคนจีน สามารถบอกได้ว่าลักษณะพื้นที่แบบนี้ มีแร่อะไร หรือไม่มีอะไร หรือลักษณะของภูเขาแบบนี้จะมีร่องมีรอยอะไรอยู่บ้าง

เมื่อแนะนำไปแล้ว ทางเขื่อนจึงยิงคอนกรีตเข้าไปอุดรูรั่วได้ ทำให้การสร้างเขื่อนสำเร็จลงด้วยดี นายแพทย์ชัยยุทธ กรรณสูต จึงได้ขอพระราชทานแบบหลวงพ่อ ภปร. มาดัดแปลงหลวงพ่อกาโม่ กลายเป็นหลวงพ่อ ภปร.องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศและใหญ่ที่สุดในโลก คือหน้าตัก ๙ เมตร..!

ความจริงตอนที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดทองผาภูมิ ตั้งใจจะสร้างมณฑปถวายหลวงพ่อ ภปร. ตั้งใจว่าจะดีดท่านขึ้นมา น่าจะสูงเกือบ ๆ เท่าต้นโพธิ์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ใหญ่มากขนาดนี้ ประมาณค่อน ๆ ต้นโพธิ์ที่ในหลวง ร.๙ ทรงปลูก แล้วก็ทำฐาน สร้างมณฑปลักษณะคล้าย ๆ กับมณฑปรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี ซึ่งออกแบบโดยทิดสามารถ สุขสาธุ ความสูงประมาณ ๓๙ เมตร ตอนนั้นราคาประเมินอยู่ที่ ๑๘ ล้านบาท

แต่ปรากฏว่าไม่ได้ทำ เพราะว่ามีการประท้วงกันของชาวบ้าน โดยกล่าวหาว่ากระผม/อาตมภาพไปรื้อของเก่าเขาทิ้ง ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็สงสัยเหมือนกันแหละว่า ไอ้เศษเหล็กพวกนั้นเขาต้องการไว้ทำอะไร ? แล้วเราก็ไม่ได้รื้อทิ้งเฉย ๆ หากแต่ว่าสร้างใหม่ให้ดีกว่าเดิมหลายเท่า ในเมื่อมีคน ๔ - ๕ คนมาเย้ว ๆ กระผม/อาตมภาพจึงเก็บของกลับวัดเก่า ก็คือกลับไปที่เกาะพระฤๅษี เมื่อรักของเก่ามาก ก็ปล่อยให้พวกมึงดูแลวัดกันเองต่อไป..!

หลังจากนั้นไม่นาน ท่านอาจารย์สมพงษ์สึก แม่ชีชื่น (อุบาสิกาบุญชื่น ศรีสองแคว) ก็เลยขอให้กระผม/อาตมภาพมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดท่าขนุนนี้แทน หลังจากที่พัฒนาวัดท่าขนุนไม่กี่ปี ชาวบ้านก็ด่ากันเองว่า "สมน้ำหน้ามึง..ดันไปไล่หลวงพ่อเล็ก ตอนนี้วัดท่าขนุนเจริญเอา..เจริญเอา วัดทองผาภูมิไม่ได้ไปไหนเลย" นี่เป็นเรื่องของชาวบ้านที่เขาทะเลาะกันเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2023 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-01-2023, 23:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,005 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าเป็นที่น่าเสียดายก็คือว่าเจ้าอาวาสรูปใหม่ ก็คือพระอธิการสยามไปประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับไวยาวัจกร ตายคาที่ทั้งคู่ ตรงบริเวณทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ช่วงนั้นก็มีการลือกันไปว่ากระผม/อาตมภาพไปทำไสยศาสตร์ ทำให้คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูต้องตาย ทำเอาบรรดาผู้ประท้วงอกสั่งขวัญแขวนไปตาม ๆ กัน กระผม/อาตมภาพขี้เกียจแก้ข่าว ให้คนเข้าใจไปอย่างนั้นแหละดี ต่อไปจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก..!

จะว่าไปแล้ว โดยพื้นฐานดวงของกระผม/อาตมภาพเองตก "อริเป็นมรณะ" แปลว่าใครตั้งตัวเป็นศัตรูก็หาเรื่องตายเอง ดังนั้น..ไม่ต้องทำอะไรหรอก อยู่เฉย ๆ ก็พอ ต้องบอกว่าบุญเก่ากรรมเก่าที่ทำมาบันดาลให้เป็นอย่างนั้น

ดังนั้น..หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมกระผม/อาตมภาพทำตะกรุดมหาสะท้อนแล้วมีผลมากเป็นพิเศษ ก็เพราะว่าดวงเกิดอำนวยให้ด้วย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่คาดได้แต่หวังไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าวัน เดือน ปี และเวลาเกิดจะไปตกตรงนั้นเข้าพอดี

ในงานวันนี้หลังจากที่เจริญพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารเพล ระหว่างที่ฉันก็คุยกัน ปรากฏว่าบรรดาพระสังฆาธิการฝ่ายปกครองเขาชื่นชมมากว่า พระวัดท่าขนุนที่ส่งไปช่วยงานปิดทองฝังลูกนิมิตที่วัดวังหิน ซึ่งคัดเลือกไปโดยพระมหาอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ ป.ธ.๔ เลขานุการเจ้าคณะตำบลลิ่นถิ่นเขต ๒ มีความคล่องตัว รู้งานดี และรักษาหน้าที่ได้ดีมาก ซึ่งความคล่องตัวกับรู้งานยังไม่เท่ากับรักษาหน้าที่ เพราะว่าหลายคนพอรับหน้าที่ไป ถึงเวลาเหนื่อยขึ้นมา กูก็หลบไปนอน..!

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า เกิดจากการที่พวกเราเคยชินกับความลำบาก ก็เลยไม่เห็นว่างานอย่างนั้นจะเป็นงานที่ลำบาก ส่วนใหญ่แล้วที่พระเถระท่านชื่นชมกัน ก็พลอยชื่นชมไปถึงพระครูปิยสีลสังวรการ เจ้าคณะตำบลด้วย ว่าท่านเลือกเลขาฯ ได้ดี สรุปว่าไอ้ที่ดีนี่เป็นเกียรติเป็นศรีกับเจ้านายไปด้วย..ใช่ไหม ?

เรื่องพวกนี้เราจะเห็นว่าในการทำงานต่าง ๆ ในคณะสงฆ์ ถ้าเรามีใจให้กับงาน ถือว่าทำทุกอย่างเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ผลดีก็จะเกิดขึ้นกับทั้งตนเอง ทั้งวัดวาอาราม และคณะสงฆ์ด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2023 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-01-2023, 00:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,005 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าส่วนหนึ่งที่เราต้องคำนึงไว้ก็คือว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม โดยธรรมชาติแล้ว ไม่ว่าจะปลีกตัวออกจากผู้อื่นมากเท่าไรก็ตาม ก็ยังต้องมีการสังคมอยู่ ไม่ใช่สังคมวงเล็ก ก็เป็นสังคมวงใหญ่

ใครที่จะประเภทไปทำตัวเองโดดเดี่ยวอยู่ ถ้าหากว่าตั้งใจประพฤติปฏิบัติเพื่อรักษากำลังใจตนเองก็เป็นการดี แต่ถ้าไปทำตัวโดดเดี่ยวเพราะเข้ากับคนอื่นไม่ได้ นั่นก็น่าสงสารเกินไป..! เพราะว่าคนประเภทนี้มักจะแบกกิเลสไว้ท่วมหัว แต่ดันไม่รู้ ก็คือกิเลสที่คิดว่า "กูดีกว่า เพราะฉะนั้น..กูจะไม่ยุ่งกับพวกมึง" ลักษณะอย่างนั้นแสดงว่ากำลังใจแย่มาก แย่ตรงที่ว่าไม่สามารถที่จะปล่อยวางได้

ใครจะดีจะชั่วเป็นเรื่องของเขา เรามีหน้าที่ปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของเราเอง ไม่ใช่ไปทำตัวแปลกแยกจากสังคม การทำตัวแปลกแยกจากสังคม ถ้าหากว่าคุณเป็นแกะดำในหมู่แกะขาว ก็ไม่มีปัญหา เพราะว่าแกะขาวไม่ไปทำอะไรคุณหรอก แต่ถ้าคุณทำตัวเป็นแกะขาวในหมู่แกะดำก็เตรียมเดือดร้อนได้ เพราะแกะดำเขาก็คงไม่ปล่อยให้คุณอยู่สบายคนเดียวแบบนั้นหรอก อย่างน้อย ๆ ไม่มีอะไรก็จิกกัดอยู่ทุกวัน ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้มันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของคน และโดยเฉพาะเป็นธรรมชาติของผู้หญิงด้วย..!

กระผม/อาตมภาพเคยเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง เนื่องจากว่าวัดท่าซุงตอนนั้นมีแม่ชีอยู่แค่ ๓ รูป ก็คือแม่ชีชุลี อาตมะมิศร์ แม่ชีสงัด ประสมทอง แล้วก็แม่ชีเล็กที่ไม่ทราบนามสกุล มาจากวัดศรีรัตนาราม หลวงพ่อรักษ์ท่านฝากไว้ ถามว่า "ทำไมหลวงพ่อไม่บวชแม่ชีโกนหัว ?" ท่านบอกว่า "บวชไปก็ปวดกบาลเปล่า ๆ ผู้หญิงมักกำลังใจละเอียดไม่เข้าเรื่อง เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็เก็บมาคิดหมด คิดเปล่า ๆ ไม่ว่า แต่พูดด้วย ถ้าหากว่ามีแม่ชีมาก ๆ มักจะเดือดร้อน อยู่กันลำบาก" ท่านจึงไม่เอาเลย

ตรงจุดนี้ที่วัดท่าขนุนของเรามีแม่ชีอยู่ เพราะอันดับแรกก็คือพื้นฐานเดิมมีมาอย่างนั้น ในเมื่อพื้นฐานเดิมมีมาอย่างนั้น เวลาคนจะบวชชี เขาก็จะไปหาดูว่าวัดไหนมีแม่ชีบ้าง ก็คือจะได้มีเพื่อน จึงมาอยู่รวมกันที่นี่ เพราะฉะนั้น..ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ในทองผาภูมินี้ ถ้าหากว่าเป็นแม่ชีโกนหัวจริง ๆ วัดอื่นแทบจะหาทำยาไม่ได้เลย มีแต่ที่วัดท่าขนุนนี้เท่านั้น

แล้วส่วนหนึ่งก็มีคนที่เขาใช้คำพูดแรง ๆ ว่า "ไอ้พวกอยู่วัดไม่ปกติทั้งนั้น" นี่รวมกระทั่งพระเจ้าไปด้วยนะ..! เพราะฉะนั้น..ต้องพยายามทำตัวให้ปกติหน่อย ไม่อย่างนั้นแล้วคนเขาก็จะอาศัยคำนินทานี้ว่าต่อไปได้เรื่อย ๆ ถ้าเราทำใจได้ก็แล้วไป ทำใจไม่ได้ วันไหนเดี๋ยวก็ได้วางมวยกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2023 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:04



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว