กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-08-2009, 11:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,584 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default กำลังใจ กำลังกาย กำลังสติปัญญายิ่งเสื่อมถอย

เวลาลำบากมาก ๆ แล้ว จะเห็นกำลังใจ

พระวัดเวฬุวัน ท่านเป็นธรรมยุต ท่านจะกางร่มบิณฑบาต อาตมาก็แปลกใจ ปกติพระธรรมยุตท่านเคร่งครัดมาก พระพุทธเจ้าระบุว่าร่มกางได้แค่ภายในอาราม หรืออุปจารแห่งอารามเท่านั้น ก็แปลว่าเฉพาะในวัดหรือเขตบริเวณของวัดเท่านั้น ถ้านอกเหนือจากนั้นท่านห้าม ยกเว้นว่าป้องกันอาพาธอันจะกำเริบได้ ท่านคงจะตีความตรงนี้แล้วก็กางร่มบิณฑบาต ถ้าท่านตีความอย่างนั้นแสดงว่าตีความผิด ป้องกันอาพาธอันอาจจะกำเริบได้ แปลว่าต้องป่วยอยู่แล้ว ถ้าโดนฝนแล้วอาการจะกำเริบ แต่นี่ไม่ได้ป่วย..ท่านกันป่วย คาดว่าท่านตีความผิด

พอถึงเวลาพวกเราบิณฑบาตก็เดินเปียกโชกเป็นแถว ของเขาก็กางร่มเดิน อาตมาหันไปบอกพระด้วยกันว่า คุณจำไว้นะ..ต่อไปถ้าใครบอกว่าบวชพระแล้วสบายให้มาบวชที่นี่ จะได้รู้เสียบ้างว่าอะไรเป็นอะไร

ฝนจะตกแดดจะออกอย่างไรก็ไป ญาติโยมเขามีกำลังใจอุตส่าห์มารอใส่บาตร เราเป็นพระแล้วไม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้ ก็วัดได้ชัด ๆ เลยว่าเรื่องสู้กิเลสนี่ไม่ต้องคิด เรื่องแค่นี้ไม่มีกำลังใจที่จะสู้ เรื่องสู้กิเลสเสร็จแน่ ๆ

บางรูปอายุมากแล้ว อย่างหลวงตาอภิชาติ ท่านเป็นคนกรุงเทพฯ ให้ท่านบิณฑบาตสายใกล้ ๆ บางทีอาตมาก็แกล้งเรียกว่า สายพระป่วย ปรากฏว่าหลวงตาท่านไม่เอา ท่านขอไปตลาดเปียกมาด้วยกัน น่ายกเป็นตัวอย่างมาก เพราะว่ากำลังใจท่านสู้จริง ๆ

หลวงตามีลูกชายสองคน คนโตบวชก่อน ไปบวชที่วัดสุนันทวราราม ที่ไทรโยค ใกล้ ๆ กัน พระวัดสุนันทวรารามก็มาบิณฑบาตที่ตลาดทองผาภูมิเหมือนกัน ท่านนั่งรถมา นั่งมาลงตรงปากทางแล้วก็เดิน ส่วนลูกคนที่สองบวชที่วัดท่าขนุนปีที่แล้ว ปีนี้ลูกบวชครบ พ่อจึงบวชบ้าง พ่ออายุมากแล้ว เดินตัวเปียกทุกวัน ถามว่าไหวไหม ? "ไหวครับ" ถามเมื่อไรก็ไหวครับ เออ..ต้องกำลังใจอย่างนี้ ถ้ากำลังใจอย่างนี้เรื่องสู้กิเลสถึงจะสู้ได้ เพราะอย่างไรก็เชื่อว่าตัวเองไหว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2013 เมื่อ 11:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 06-08-2009, 11:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,584 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกรายหนึ่งก็คือ หลวงตากวี อายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว ขาของท่านก็ไม่ค่อยดี อาตมาเคยบอกไปแล้วว่าท่านใดที่อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป อนุญาตให้เกษียณได้ ไม่ต้องออกบิณฑบาต ถึงเวลาไปรออยู่ที่หอฉันได้เลย เดี๋ยวให้พระรูปอื่น ๆ บิณฑบาตมาเลี้ยงเอง

หลวงตากวีท่านไม่ยอมเลิก ยังคงเดินบิณฑบาตอยู่ทุกวันเหมือนกัน ฝนตกก็เปียกเหมือนกัน แต่หลวงตาเดินสายใกล้วัด สายใกล้นี่เดินไม่นานแค่ ๒๐ - ๓๐ นาทีก็กลับแล้ว ถ้าหากจังหวะดี ๆ ก็ไม่เปียก พวกเราเปียกกลับมาแต่ของท่านสบาย

หลวงตาท่านไม่ยอมเลิกออกบิณฑบาต ท่านบอกว่าอายุมากแล้ว ถ้าไม่ได้ออกกำลัง ร่างกายจะทรุดเร็ว ก็เลยยอมเดินบิณฑบาตอยู่ทุกวัน บางทีพระหาย ที่นั่งแหว่ง รู้เลยว่ารูปไหน ถามว่าไปไหน บอกว่าไม่สบาย นั่นยังหนุ่มอายุ ๒๐ กว่า ๆ เอง ขณะที่หลวงตาอายุ ๗๐ กว่าแล้ว ยังเดินบิณฑบาตหน้าตาเฉย

กำลังใจของคนต่างกัน ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งกำลังใจก็ลดไปส่วนหนึ่ง ยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง กำลังใจก็ลดไปส่วนหนึ่ง ความเข้มข้นในการปฏิบัติก็เลยลดน้อยลงไปตามลำดับ นึกถึงตอนเด็ก ๆ โดนพ่อแม่ตีเป็นประจำ บอกว่าขี้เกียจ แต่พอมาถึงสมัยนี้ อาตมาที่พ่อแม่บอกว่าขี้เกียจ เด็กร้องจ๊ากเลย สู้ไม่ไหว เพราะทำอะไรอาตมาลงไปทำด้วย พอลงไปทำด้วยทุกท่านก็ต้องไปด้วย แล้วก็ร้องกันว่าไม่ไหว เลยทำให้เห็นว่ากำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาก็ตาม รุ่นหลัง ๆ รู้สึกว่าจะยิ่งลดลงไปเรื่อย

ยิ่งสมัยนี้เครื่องทุ่นแรงมีเยอะ คอมพิวเตอร์ช่วยไปเยอะมาก จะทำอะไรก็ง่ายและสะดวกไปหมด จึงทำให้สมรรถภาพของคนลดลงไปเรื่อย ๆ อย่างในเรื่องความจำ ยกตัวอย่างเบอร์โทรศัพท์ มีคนถามว่าพระอาจารย์ไม่ได้เก็บเบอร์โทรศัพท์ไว้ในเครื่องมือถือหรือ ? เลยบอกเขาว่าเก็บไว้แต่อยู่ในนี้ (พระอาจารย์ท่านชี้ไปที่ศีรษะของท่าน) แล้วเขาก็สงสัยว่าจดจำเบอร์โทรศัพท์ได้หมดอย่างไร ในเมื่อมีเบอร์โทรศัพท์มากมาย ก็จำแค่เบอร์เดียวคือเบอร์ใหม่ เพราะเบอร์เก่าจำได้หมดแล้ว

ขณะที่เด็กรุ่นใหม่ เขาเก็บเบอร์โทรศัพท์ไว้ในมือถือ โทรศัพท์มือถือหายก็หน้ามืดไปเลย ต้องไปขอเบอร์จากคนอื่น ๆ ใหม่ ของอาตมาถ้าโทรศัพท์มือถือหายก็หายไป ซื้อเครื่องใหม่แล้วก็กดโทรหาบุคคลที่ต้องการได้เลย

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ยิ่งนานไปสัญญากับปัญญาของคนจะทรามไปเรื่อย ดูแล้วใช่จริง ๆ ไปมอบความไว้วางใจให้กับเครื่องมือ เด็กรุ่นหลัง ๆ ถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ก็ไปไม่เป็น จะทำรายงานอะไรที ค้น "กูเกิ้ล" อย่างเดียว ไม่ค้นหาจากหนังสือกันแล้ว


เทศน์ช่วงเย็น ณ บ้านอนุสาวรีย์
๑ สิงหาคม ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2013 เมื่อ 10:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
กำลังกาย กำลังใจ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว