กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-11-2021, 20:53
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,579
ได้ให้อนุโมทนา: 218,377
ได้รับอนุโมทนา 761,573 ครั้ง ใน 37,251 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-11-2021, 00:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,255
ได้ให้อนุโมทนา: 153,649
ได้รับอนุโมทนา 4,438,594 ครั้ง ใน 34,859 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นวันพระ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งระยะนี้เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ ก็คือเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ยังคงระบาดอยู่ แต่ว่าบ้านเราเปิดประเทศแล้ว และขณะเดียวกันก็เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ซึ่งเชื้อไวรัสพวกนี้ ถ้าหากว่าอากาศหนาว ก็จะทำให้การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น จึงได้แต่เตือนทุกท่านอีกครั้งหนึ่งว่า อย่างไรก็ต้องระมัดระวัง ดูแลตัวเองตามวิธีการที่เคยทำกันมา

คราวนี้ในส่วนหนึ่งก็คือว่า บุคคลบางคนก็กลัวจนขาดสติ ซึ่งตรงจุดนี้ต้องบอกว่าเป็นคนที่น่าสงสาร เพราะว่าบุคคลที่กลัวมาก ๆ เมื่อถึงเวลาแล้ว เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา จากประสบการณ์ของตนเองก็คือ มีโยมอยู่ท่านหนึ่ง ถ้าหากว่ารับธนบัตรเก่ามา จะเอาไปล้างด้วยผงซักฟอกจนสะอาด ตากแห้ง แล้วรีดเรียบใหม่ ปรากฏว่าโยมคนนี้ตายด้วยไข้รากสาด บางทีก็เรียกกันว่าโรคไทฟอยด์ คือทั้ง ๆ ที่เป็นคนระมัดระวังตัวเองอย่างที่สุด แต่ก็ตายด้วยโรคภัยที่ตัวเองระวังอยู่นั่นเอง

คนที่กลัวมากจนเกินไปก็ไม่ดี ไม่กลัวเสียเลยก็ไม่ดี เรื่องพวกนี้เท่าที่พบมา ก็คือเวลาที่เราปฏิบัติธรรม ถ้าเป็นคนขี้กลัวนี่ ชีวิตจะหาความสุขไม่ได้เลย เพราะว่าไม่สามารถที่จะปลีกตัวออกไปอยู่ในที่เงียบสงัด เพื่อส่งเสริมให้การปฏิบัติธรรมของตนเองมีความก้าวหน้า ไม่ต้องไปพูดถึงว่าให้ไปอยู่ในป่าช้า แค่อยู่ห่างจากคนอื่นก็ทำไม่ได้แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2021 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-11-2021, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,255
ได้ให้อนุโมทนา: 153,649
ได้รับอนุโมทนา 4,438,594 ครั้ง ใน 34,859 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าเราพินิจพิจารณาให้เห็นว่า ธรรมดาของการเกิดมาแล้ว ต้องมีความตายมาถึงเป็นปกติ ถ้าสามารถเห็นอย่างชัดเจนได้ บางทีความกลัวตรงนี้ก็จะหายไป ตัวกระผม/อาตมภาพเองก็บอกไม่ถูก

เนื่องเพราะว่าตนเองนั้น สมัยเด็ก ๆ กลัวผีมาก กลัวชนิดที่ว่ากลางคืนไม่กล้าออกไปปัสสาวะนอกบ้าน ห้องส้วมสมัยเก่านั้นเป็นส้วมหลุม ซึ่งจะส่งกลิ่นเหม็นไปไกล จึงต้องไปทำไว้ไกล ๆ บ้าน กลางคืนไม่มีใครกล้าไป นอกจากกลัวงูเงี้ยวเขี้ยวขอและสัตว์อื่น ๆ แล้ว ยังกลัวผีอีกต่างหาก..! แล้ววันดีคืนดีก็ยังมีลูกไฟดวงโต ๆ วนเวียนอยู่แถวนั้น ผู้ใหญ่เขาบอกว่าผีกระสือออกมาหากิน ขนาดปฏิบัติธรรมแล้วก็ยังคงกลัวอยู่

จนกระทั่งมาเข้าใจความเป็นจริงว่า ที่เรากลัวผีนั้น เพราะกลัวว่าผีจะมาหักคอ จะมาบีบคอ จะมาทำร้ายเรา สรุปว่ากลัวตายนั่นเอง จนกระทั่งได้เจอกับผีบ่อย ๆ ซึ่งตรงจุดนี้ต้องบอกว่า ตัวกระผม/อาตมภาพอาจจะโชคดีกว่าพวกเรา ที่มีโอกาสได้เจอผีบ่อย..!

เมื่อเจอบ่อย ๆ ก็มีความเข้าใจว่า ผีที่เรากลัวนักกลัวหนา เพราะว่าหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวนั้น จะว่าไปแล้วน่าสงสารที่สุด เคยถามผีด้วยตัวเองมาว่า "เรื่องอะไรถึงมาเที่ยวหลอกชาวบ้านเขา ?" ผีบอกว่าเขาไม่ได้หลอก ตั้งใจจะมาบอกว่าต้องการความช่วยเหลืออะไร แต่คนเห็นแล้วหนีทุกที ไม่ได้หนีเปล่า ๆ บางทีก็แช่งชักหักกระดูกส่งไปด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2021 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-11-2021, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,255
ได้ให้อนุโมทนา: 153,649
ได้รับอนุโมทนา 4,438,594 ครั้ง ใน 34,859 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จะว่าไปแล้ว ผีก็เหมือนกับคนจน หรือเปรียบเหมือนกับขอทาน แต่งตัวดีที่สุดก็คือแต่งตัวแบบคนจนหรือขอทานนั่นเอง เพราะว่าเป็นผู้ที่มีบุญน้อย ผลบุญส่งผลให้ดีที่สุดได้แค่ที่เราเห็นแล้ววิ่งหนี ผลบุญยิ่งสูงเท่าไร หน้าตาก็ยิ่งสะสวยมากเท่านั้น อยากให้พวกท่านได้เห็นนางฟ้าปลายแถวสักคนหนึ่ง คือนางฟ้าปลายแถวระดับสุดกู่ปลายตะโกน ถ้าลงมาเป็นคนนี่ รับประกันได้ว่าประกวดนางงามจักรวาลได้สบาย นั่นแค่ปลายแถวที่บุญน้อยแล้วนะ..!

คราวนี้พอผีมาหาเรา เพราะว่าต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการส่วนกุศล เราเองเปรียบเหมือนกับเศรษฐี ขอทานมาต้องการเงิน เศรษฐีมีความจำเป็นที่ต้องกลัวขอทานหรือไม่ ?

เมื่อเข้าใจตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเลิกกลัวผีไปตอนไหน ก็คือพอรู้แล้วว่าความจริงเป็นอย่างนี้ คือผีที่มาหาเรานั้น เขาทำได้สวยที่สุดเต็มบุญของเขาแล้วได้แค่นั้นเอง ก็เลยเลิกกลัวไปโดยปริยาย รู้ว่าตัวเองกลัวตั้งแต่เมื่อไร ? ก็คือตั้งแต่รู้ภาษาก็กลัวผีแล้ว แต่ตอนเลิกกลัวนี่ บอกไม่ถูกว่าเลิกไปตอนไหน

จำได้ว่าตอนนั้นไปธุดงค์ที่บึงลับแล ไปกัน ๔ - ๕ รูป มีทิดกอล์ฟ (ศราวุธ วัฒนะโชติ) อดีตเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัทอยู่รูปหนึ่ง ก็ไปทำแคร่นอน เพื่อป้องกันพวกบรรดาสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสัตว์เลื้อยคลานเล็ก ๆ อย่างพวกแมงป่อง ตะขาบ หรือว่างูเงี้ยวเขี้ยวขอ โดยเอาไม้ไผ่มาทำเป็นแคร่นอน

กลางคืนกำลังนอนภาวนาอยู่ประมาณ ๕ ทุ่ม แคร่พังโครมลงไป..! กำลังภาวนาอยู่ กำลังใจดีมาก ก็เลยไม่อยากที่จะขยับ แต่คราวนี้แคร่ที่พังนั้น พังทางด้านหัวนอน ก็กลายเป็นหัวทิ่มดิน ตีนชี้ฟ้า น้ำหนักก็ถ่วงไหลลงไปเรื่อย..ไหลลงไปเรื่อย จนหัวค้ำพื้น จึงตัดสินใจคลายสมาธิออกมา เพื่อที่จะซ่อมแคร่นอนให้ดี

แต่พอขยับลุกขึ้นก็เห็นพระธุดงค์รูปหนึ่ง ยืนอยู่ใกล้ ๆ คือ ทางด้านหัวนอนนั้น หันเข้าหาก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ซึ่งสูงท่วมหัวเลย เป็นการประกันความเสี่ยงว่า ถ้ามีสัตว์ร้ายมีอะไรมา ก็ป้องกันไปได้ด้านหนึ่ง พระรูปนั้นยืนเหมือนกับพิงหินอยู่ เห็นชัด ๆ ว่าเป็นพระธุดงค์แบบสายวัดป่า ก็คือห่มจีวรสีกรักค่อนข้างเข้ม ก็คิดว่า "เอ๊ะ...พระท่านมาตั้งแต่เมื่อไร ? ทำไมเราไม่รู้ เดี๋ยวจะชวนท่านสนทนาหน่อย ว่าเป็นใครมาจากไหน"

พอดีกับที่ทิดกอล์ฟซึ่งตอนนั้นยังบวชอยู่ ได้ยินเสียงแคร่พังลงไปนานหลายนาทีแล้ว พระอาจารย์ยังเงียบฉี่ ไม่รู้สึกรู้สา ก็เลยส่องไฟมา ส่องมาไม่ส่องเปล่า มีการแกว่งไฟฉายด้วย กระผม/อาตมภาพก็เลยเห็นพระธุดงค์รูปนั้นเต้นระบำได้ ก็คือมองดี ๆ กลายเป็นว่าไม่ใช่พระ แต่เป็นเงาของตัวเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2021 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-11-2021, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,255
ได้ให้อนุโมทนา: 153,649
ได้รับอนุโมทนา 4,438,594 ครั้ง ใน 34,859 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ต้องเข้าใจนะครับว่านั่น ๕ ทุ่มกว่าแล้ว เวลาอยู่ในป่านั้นมืดขนาดไหน แล้วทำไมกระผม/อาตมภาพเห็นอย่างชัดเจนว่านั่นคือพระธุดงค์ ? หน้าตาเป็นอย่างไร นุ่งห่มผ้าสีอะไรก็รู้ แต่พอส่องไฟขึ้นมา กลายเป็นเงาของตัวเองไป แล้วก็ไม่ได้กลัวเลย แค่รู้สึกว่า "อ้อ...เราโดนผีหลอก" แล้วหลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่เคยกลัวอะไรประเภทนี้อีกเลย เพราะว่ารักษากำลังใจอยู่กับตัว ไม่ได้ไปฟุ้งซ่านในเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง อื่น ๆ เกิดอะไรขึ้นจึงกลายเป็นคนตายด้าน ก็คือไม่ตกใจอะไร

บางทีรถชนโครมพังเป็นแถบ ตัวเองก็ยังเฉย ๆ ออกจากรถไปได้ ก็ไปดูคู่กรณีก่อนว่าเขาเองได้รับบาดเจ็บ หรือว่าล้มตายอย่างไรหรือเปล่า หรือบางทีก็รถไปหมุนเป็นลูกข่าง อยู่ห่างจากขอบเหวคืบเดียว กำลังใจก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพียงแต่มองดูว่าจะแก้ไขเหตุการณ์อย่างไรให้ดีที่สุด

ตรงจุดนี้พวกท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่าทำถึงจะเข้าใจว่า กำลังใจของเรานั้น ถ้าอยู่กับตัวจริง ๆ จะไม่ตกใจอะไรง่าย ๆ ต่อให้ฟ้าผ่าลงมาข้างหูอย่างกะทันหัน ก็ไม่ได้ตกใจ เหตุที่เราตกใจ เพราะว่าส่งกำลังใจออกนอกไปคิดเรื่องอื่น เพลิดเพลินกับเรื่องอื่นอยู่ พอเกิดเหตุอะไรขึ้น ใจวิ่งกลับเข้าตัวมา เพื่อรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น การวิ่งกลับมาเร็วจนเกินไป ก็คืออาการที่พวกเรารู้สึกว่าตกใจ

ก็แปลว่า ถ้าหากว่าเราเป็นนักปฏิบัติไปจนถึงระดับหนึ่ง สามารถรักษากำลังใจให้อยู่กับตัวเองได้ ความตกใจต่าง ๆ จะน้อยลงหรือไม่มีเลย เกิดเหตุอะไรฉุกเฉินขึ้นมา สติ สมาธิจะพร้อมมูล มองหาทางที่จะแก้ไขเหตุการณ์นั้นให้ออกมาให้ดีที่สุดเท่านั้น ก็เลยบอกไม่ถูกว่า จากเด็กที่กลัวผีอย่างชนิดที่ไม่กล้าออกไปฉี่นอกบ้าน มาหายกลัวเอาตั้งแต่ตอนไหน เนื่องเพราะว่ายืนประจันหน้ากับผีอยู่กลางป่า เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นผีพระธุดงค์ ก็ไม่ได้นึกกลัว ความรู้สึกเฉย ๆ แค่ว่า "อ้อ..เราโดนผีหลอก..!"

ดังนั้น...ท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่าเราค่อย ๆ ทำไป ๆ ความดีในศีล ในสมาธิ ในปัญญาของเราค่อย ๆ สั่งสมตัวไป จนถึงระดับเพียงพอที่จะใช้งาน เหตุการณ์ที่กล่าวถึงพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2021 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:32



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว