กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-01-2014, 19:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตนเอง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ให้ใช้คำภาวนาที่เรามีความถนัดมาแต่ดั้งเดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ต้องถือว่าเป็นการปฏิบัติต้นเดือนครั้งสุดท้ายและวันสุดท้ายของปี ๒๕๕๖ นี้ ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก แต่ญาติโยมทั้งหลายก็ยังมาปฏิบัติธรรมกันมาก ถือว่าท่านทั้งหลายมีกำลังใจที่จะประพฤติปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา อยู่ในระดับที่ยอมมอบกายถวายชีวิต ดังที่เราได้ปฏิญาณในตอนสมาทานพระกรรมฐานจริง ๆ

ในสถานการณ์แบบนี้เราย่อมต้องมีความห่วง ความกังวลเป็นธรรมดา อย่างเช่นว่าการเดินทางกลับจากที่นี้จะมีความสะดวกหรือไม่ ? จะมีความปลอดภัยหรือไม่ ? เรือนชานบ้านช่องของเราตอนนี้เป็นอย่างไร ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่าครูบาอาจารย์ท่านแนะนำให้ทิ้งให้หมด ท่านใช้คำว่า ปลิโพธะ หรือเรียกง่าย ๆ ปลิโพธิ คือความกังวลในเรื่องอื่น ๆ ตัดออกจากใจของเราเสีย เรื่องที่ยังมาไม่ถึงเป็นอนาคต คิดไปก็ไร้ประโยชน์ เรื่องที่ผ่านมาแล้วเป็นอดีต คิดไปก็ไร้ประโยชน์ เราต้องทำปัจจุบันของเรา คือตอนนี้ เดี๋ยวนี้ให้ดีที่สุด

เมื่อตัดความกังวลออกจากใจแล้ว ก็ให้พิจารณาดูว่า ตอนนี้กำลังใจของเรามีนิวรณ์ คือกิเลสหยาบที่กั้นไม่ให้เข้าถึงความดีทั้ง ๕ อย่างอยู่หรือไม่ ? ถ้านิวรณ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งมีอยู่ แสดงว่าสภาพจิตของเราไร้คุณภาพ ถ้าไม่มีนิวรณ์ ๕ ก็แสดงว่าสภาพจิตของเราอย่างน้อยก็ทรงตัวอยู่ในระดับดี

นิวรณ์ทั้ง ๕ ได้แก่ กามฉันทะ ความยินดีในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ เป็นต้น ถ้าจิตไปประหวัดถึงเมื่อไร แปลว่าคุณภาพของใจเราเสียไปแล้ว พยาบาท ความนึกโกรธเกลียดอาฆาตผู้อื่น อย่างเช่นว่าบรรดาผู้ที่มาเดินขบวนประท้วงรัฐบาลทำให้รถติด ทำให้เราต้องเดือดร้อน แล้วไปโกรธเกลียดอาฆาตแค้นเขา ถ้ามีอย่างนี้อยู่แสดงว่านิวรณ์ ๕ ครองใจเราอย่างเต็มที่ ต้องรีบขับไล่ออกไปเสีย

ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอนตลอดจนกระทั่งความขี้เกียจปฏิบัติ อย่าให้มีขึ้นในใจของเราได้ อุทธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านหงุดหงิดรำคาญใจ ถ้ามีอยู่ในใจของเรา อารมณ์ไม่สามารถที่จะทรงตัวเป็นสมาธิระดับสูงขึ้นไปได้ และข้อสุดท้ายคือวิจิกิจฉา ลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัยก็ดี ลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติก็ดี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องขับไล่ออกจากใจเราเสียให้หมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-01-2014 เมื่อ 21:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 06-01-2014, 21:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นต้องตั้งกำลังใจของเราให้แน่วแน่ มั่นคงต่องานที่ทำ คือการภาวนา ต่อเป้าหมายที่ต้องการคือพระนิพพาน ต้องแน่วแน่มั่นคง จริงจัง จริงใจในการภาวนา อย่างเช่นตั้งใจว่า เราจะจับลมหายใจเข้าออกโดยไม่คิดถึงเรื่องหนึ่งเรื่องใดเลยให้ครบ ๒๐ คู่ ก็ต้องทำให้ครบ ๒๐ คู่ให้ได้ ตั้งใจว่าเราตายแล้วจะไปพระนิพพาน ก็ต้องกระทำกาย วาจา ใจของเราทุกอย่างให้เป็นไปเพื่อพระนิพพาน

ถ้าเราตั้งกำลังใจอย่างนี้แล้ว ดูลมหายใจเข้าออกไปครู่หนึ่ง เมื่อกำลังใจเริ่มมั่นคง ก็ให้แผ่เมตตาออกไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ตั้งใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก สรรพสัตว์ทั้งหลายท่านใดตกอยู่ห้วงทุกข์ กองทุกข์ ขอให้พวกท่านทั้งหลายเหล่านั้นจงล่วงพ้นจากความทุกข์ ท่านใดที่มีความสุขก็ขอให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นมีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป การแผ่เมตตาจะทำให้อารมณ์ของเราสงบ เยือกเย็น สนับสนุนศีลของเราให้สมบูรณ์บริบูรณ์ได้ง่ายขึ้น ทำให้กำลังใจของเราชุ่มชื่น เบิกบาน ไม่รู้สึกแห้งแล้ง มีความอยากจะปฏิบัติธรรมมากขึ้น

ลำดับต่อไปสิ่งที่เราจำต้องระลึกถึง ก็คือ ความตายที่จะมาถึงเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราหายใจเข้าไม่หายใจออก ความตายก็มาถึงแล้ว เราหายใจออกไม่หายใจเข้า ความตายก็จะมาถึงเช่นกัน ในเมื่อความตายอยู่แค่ปลายจมูกของเรานี่เอง ถ้าเราตายแล้วลงอบายภูมิก็แปลว่าขาดทุนย่อยยับ แม้กระทั่งเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยังต้องทนทุกข์อยู่ อย่างเช่นการที่ลำบากเดือดร้อนจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันของเรา

ดังนั้น..ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาที่มีความทุกข์เช่นนี้เราไม่พึงปรารถนาอีก เทวโลก พรหมโลก ที่พ้นทุกข์ชั่วคราวเพียงชั่วคราวเราก็ไม่ต้องการ ทำใจปลดจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ แม้กระทั่งอัตภาพร่างกายนี้เราก็ไม่ต้องการ เราต้องการอยู่อย่างเดียวคือพระนิพพาน

หลังจากนั้นให้กำหนดภาพพระองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารัก เราชอบมากที่สุด หายใจเข้าให้ภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไปพร้อมกับคำภาวนา หายใจออกให้ภาพพระไหลออกมาพร้อมกับคำภาวนา พยายามตามดู ตามรู้ลมหายใจเข้าออกลักษณะอย่างนี้ ถ้าลมหายใจเบาลงให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดภาพพระไว้เฉย ๆ ตั้งใจว่านั่นคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อยู่บนพระนิพพาน ถ้าเราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี เกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ดี เราขอมาอยู่ที่พระนิพพานกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเดียวเท่านั้น ให้ทุกคนรักษากำลังใจของตนเอาไว้อย่างนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-01-2014 เมื่อ 15:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว