กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-12-2009, 10:45
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,918 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default มีร่างกายก็เหมือนมีลูกอ่อน

มีร่างกายก็เหมือนมีลูกอ่อน ที่ต้องเลี้ยงดูมันตลอดเวลา

ต้นเหตุ เพราะเพื่อนผมท่านไปเยี่ยมคนงานที่ประสบอุบัติเหตุกระดูกสันหลังหัก เป็นอัมพาตร่างกายส่วนล่างและแขนข้างขวา ช่วยตัวเองไม่ได้ พ่อแม่ต้องมาช่วยอาบน้ำ เช็ดขี้ เยี่ยวและป้อนข้าวให้ เหมือนกับต้องเลี้ยงลูกอ่อนตอนแรกคลอดจากครรภ์มารดา มองแล้วก็เห็นทุกข์ได้ชัดจากการไปเยี่ยมคนงานรายนี้

สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้

๑. “กฎของกรรมมันให้ผลเป็นอย่างนี้แหละ ไม่มีใครหนีกฎของกรรมไปได้พ้น”

๒. “สภาวะของลูกอ่อน พ่อแม่ต้องคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำ ให้หยูกยา เช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวกันไปนั้น ล้วนแต่เป็นทุกข์ สภาวะนั้น ๆ จำใจจำยอมให้ต้องทำให้ ในการเช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวซึ่งเป็นสิ่งโสโครก จิตทุก ๆ คนย่อมมีความรังเกียจ แต่ในความเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมทำได้ แม้จักรังเกียจก็จำยอม”

๓. “แต่ในสภาวะเช่นนี้เป็นเพียงงานชั่วคราว ถ้ามีลูกเป็นเด็กอ่อนจริง ๆ ลูกพอพ้นปฐมวัยก็ช่วยตนเองได้ พ่อแม่ไม่ต้องป้อนข้าวอาบน้ำให้ ไม่ต้องเช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวอีก เพราะลูกเติบโตช่วยตนเองได้ อย่างรายนี้ก็เช่นกัน ถ้าร่างกายฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตายไป ก็พ้นสภาพที่จักช่วยเหลือ แต่ร่างกายที่ทุพพลภาพอยู่ขณะนี้ มีสภาวะเหมือนเด็กอ่อนที่จักต้องเลี้ยงดู มีใครกำหนดรู้เห็นบ้าง”

๔. “แม้แต่ร่างกายที่จิตเราอาศัยมันอยู่ชั่วคราวนี้ก็เช่นกัน มีใครกำหนดรู้เห็นบ้าง ที่มันบังคับให้เราต้องหาข้าวหาน้ำให้มันกิน ให้เราต้องอาบน้ำให้มัน ต้องหายาให้มัน ต้องเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวอันแสนจักสกปรกให้มัน จักมีผู้ใดเล็งเห็นบ้างว่าทุกข์หรือไม่ทุกข์ ในสภาวะลูกอ่อนที่ไม่รู้จักโตอย่างนี้”

๕. ”ถ้าเราไม่รู้จักละตัดออกจากร่างกายนี้ ยังมีความหลงใหลว่าสภาวะนี้เป็นเราเป็นของเรา จิตใจมันยังเกาะอยู่ในสภาวะนี้ ร่างกายนี้มันพังลงไป เราก็ยังต้องกลับมามีร่างกายเยี่ยงลูกอ่อนนี้อีก เลยไม่ต้องหลุดจากความลำบาก มีภาระคืองานทำให้ร่างกายอยู่ตลอดเวลา”

๖. “งานทางโลกหยุดได้ แต่งานภาระขันธ์ ๕ นี่หยุดไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ให้ดูการหายใจเข้าออก มันทำงานอยู่ตลอดเวลา จักเห็นได้ว่า ในเวลาเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินของลมหายใจ เราก็ทุกข์ เพราะต้องหาหยูกหายาให้มัน สรุปแล้วหน้าที่การงานทั่วไปเราหยุดสักวันหรือกี่วันก็ยังหยุดได้ แต่ภาระของขันธ์ ๕ เราหยุดมันไม่ได้เลย”

๗. “พิจารณาไปเยี่ยงนี้เถิด ถามจิตตนเองดูว่ายังปรารถนาร่างกายที่อยู่ในสภาวะลูกอ่อนอย่างนี้อีกหรือ กำหนดรู้ให้จิตยอมรับนับถือสภาวะของร่างกายตามความเป็นจริง จนกว่าจักคลายความยึดมั่นถือมั่นในกายนี้ เมื่อนั้นแหละความเป็นอริยเจ้าเบื้องสูง จักปรากฏแก่พวกเจ้า”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2009 เมื่อ 14:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-12-2009, 10:46
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,918 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:28



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว