กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-11-2025, 17:48
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,382
ได้ให้อนุโมทนา: 227,363
ได้รับอนุโมทนา 821,708 ครั้ง ใน 40,623 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-11-2025, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,498
ได้ให้อนุโมทนา: 160,650
ได้รับอนุโมทนา 4,519,198 ครั้ง ใน 37,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะเส็ง ฤกษ์อมฤตโชค หรือที่หลายท่านเรียกว่า "ฤกษ์มหาเศรษฐี" เนื่องเพราะว่าฤกษ์อมฤตโชคนั้น ถือว่าเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดตามตำราฤกษ์พรหมประสิทธิ์ แล้วมาตรงกับวันศุกร์ ซึ่งถือกันว่าเป็น "วันเงินวันทอง" จึงทำให้บางท่านเรียกฤกษ์อมฤตโชควันศุกร์ว่า "ฤกษ์มหาเศรษฐี" ไปโดยปริยาย

กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางฝ่าลมหนาวและฝนหนาวที่ตกปรอย ๆ ไปยังสำนักปฏิบัติธรรมอนันต์บูรพาราม หมู่ที่ ๑๑ บ้านมาบฟักทอง ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย และขออนุญาตปลุกเสกวัตถุมงคล ให้กับพระครูโก้ (พระครูสังฆรักษ์ฬัสวัชร์ ฐิตสีโล) เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมอนันต์บูรพาราม

เมื่อไปถึง นั่งพักผ่อนเล็กน้อย ก็ขออนุญาตทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัยเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ ถ้าเผลอเมื่อไร..ฝนเทลงมาก็จะเป็นเรื่องทันที แล้วก็ได้เข้าไปทำการจุดเทียนชัย และปลุกเสกวัตถุมงคลต่าง ๆ ในพิธีนั้น

ในส่วนของการปลุกเสกนั้น ก็เห็นมีวัตถุมงคลหลายสิ่งหลายประการเช่นกัน ที่เป็นรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือว่ารูปพระสงฆ์ ถือว่าเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการปลุกเสก เหตุเพราะว่าการขอบารมีพระมาเสกพระนั้น ถ้าหากว่าตามสายวิชาการของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย

แต่ว่าข้าวของอื่น ๆ ในพิธีนั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะทำยาก อย่างเช่นว่ามีรูปนางอัมพปาลีเถรี และรูปนางสิริมา หญิงนครโสเภณีอยู่ในนั้นด้วย พระครูโก้ท่านแจ้งว่าจะให้บรรดาท่านทั้งหลายที่ทำการค้าขายเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น หรือว่าทำงานกลางคืนเอาไว้บูชา กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนหายใจ เนื่องเพราะว่านางอัมพปาลีนั้นภายหลังก็บวชเป็นภิกษุณี สำเร็จพระอรหันต์ ส่วนนางสิริมานั้น ท่านเป็นน้องของท่านปู่หมอชีวกโกมารภัจจ์ มาภายหลังก็สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ซึ่งสิ่งที่ท่านมีนั้นต้องบอกว่ามากมายมหาศาล แต่ว่าเรากลับไปต้องการนิดเดียวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี รูปวัตถุมงคลชิ้นนี้ อย่างน้อยก็มีรูปภิกษุณี ที่ถือว่าเป็นรูปพระสงฆ์อยู่ด้วย โดยเฉพาะภิกษุณีอรหันต์ ก็ถือว่าไม่ได้ไกลพระพุทธศาสนามากนัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2025 เมื่อ 01:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-11-2025, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,498
ได้ให้อนุโมทนา: 160,650
ได้รับอนุโมทนา 4,519,198 ครั้ง ใน 37,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วัตถุมงคลอีกชุดหนึ่งนั้นเป็นผ้ายันต์รูปนางพันธุรัตและสังข์ทอง มีพระคาถาจินดามณี ซึ่งถือว่าเป็นคาถาเรียกลาภ ถ้าตามวรรณคดีสังข์ทองนั้น ด้วยความที่นางพันธุรัตแม้ว่าจะเลี้ยงพระสังข์มาจนเติบใหญ่ก็ตาม แต่พระสังข์ก็เกรงกลัวว่าเป็นนางยักษ์ อาจจะจับตนกินเมื่อไรก็ได้ จึงได้ขโมยรูปเงาะ ไม้เท้า และเกือกแก้ว ไปชุบตัวในบ่อทอง จนผิวกลายเป็นทองแล้วก็ใส่ชุดเหาะหนีไป แต่ด้วยความที่นางพันธุรัตเป็นนางยักษ์มีฤทธิ์มาก จึงพยายามติดตามไป จนกระทั่งถึงยอดเขาแห่งนี้ พระสังข์ทองเห็นว่าหนีไม่พ้นแล้ว จึงอธิษฐานขอบารมีของแม่ช่วยรักษาตนให้รอดพ้นจากอำนาจของยักษ์ด้วย

บารมีแม่หรือว่าอานุภาพแห่งความเป็นมารดาที่ยิ่งใหญ่ไพศาล ถึงขนาดศาสนาฮินดู ได้สร้างเป็นรูปอุมาโยนิ ก็คืออวัยวะเพศหญิงที่ถือว่าเป็นของพระอุมา เป็นแหล่งกำเนิดสรรพชีวิต เอาไว้บรรดาศาสนิกของตนได้ทำน้ำมนต์บูชา ตรงนี้ถ้าหากว่าใครเข้าใจเคล็ดลับของศิวลึงค์ หรือที่บ้านเราเรียกว่า "ปลัดขิก" และรูปอุมาโยนิ ที่บ้านเราเรียกว่า "อีเป๋อ" ก็ตาม ถ้าสามารถเข้าถึงเคล็ดลับตรงจุดนี้ได้ จะเสก "ปลัดขิก" และ "อีเป๋อ" ได้ขลังสุด ๆ เนื่องเพราะว่าอานุภาพถึงขนาดสามารถสร้างโลกและสรรพชีวิตได้เลย แต่ถ้าไม่เข้าถึงตรงนี้ก็ยากที่จะทำได้..!

ด้วยอานุภาพแห่งแม่ จึงทำให้นางพันธุรัตไม่สามารถจะขึ้นไปจับตัวพระสังข์บนยอดเขาได้ จึงได้แต่ร้องไห้เสียใจว่าตนเองเลี้ยงพระสังข์มาด้วยความรักแท้ ๆ แต่ทำไมลูกถึงได้หนีตนเองมาเช่นนี้ ? ท้ายที่สุดก็ตรอมใจ แต่ก่อนจะตายก็ได้เขียนมนต์จินดามณี ซึ่งใช้เรียกเนื้อเรียกปลามาหาตนเอง เท่ากับว่าเป็นนางยักษ์ที่นอนรออยู่เฉย ๆ ก็มีอาหารกินตลอดเวลา ให้พระสังข์ได้เรียนเอาไว้ และภายหลังก็สามารถชนะ "หกเขย" ซึ่งท้าหาเนื้อหาปลาแข่งกัน เพราะคิดว่าตนเองมีบริวารมาก อย่างไรเสียก็คงจะหาเนื้อหาปลาชนะพระสังข์ทองแน่นอน

แต่ว่าพระสังข์ทองในรูปเจ้าเงาะอาศัยมนต์จินดามณีนี้แหละ เรียกเนื้อเรียกปลาไปหมด เมื่อ "หกเขย" ต้องการเอาชนะ มาขอเนื้อขอปลา ก็ต้องแลกกลับหูและจมูกของ "หกเขย" เป็นการกลั่นแกล้งบุคคลที่หมายชีวิตตนเองด้วยการทำให้อัปลักษณ์แค่นั้น แล้วแถมยังแพ้สังข์ทองเสียด้วย โบราณาจารย์ของเราจึงได้ผูก "พระคาถาจินดามณี" นี้ขึ้นมา อยู่ในลักษณะของ "พระคาถาเรียกลาภ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2025 เมื่อ 01:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-11-2025, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,498
ได้ให้อนุโมทนา: 160,650
ได้รับอนุโมทนา 4,519,198 ครั้ง ใน 37,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าท่านพระครูใหม่ (พระครูสังฆรักษ์ชัยพร อนาภโย ) อดีตเจ้าอาวาสวัดทรงเมตตาวนาราม จังหวัดชลบุรี ท่านมีฝีมือในการเขียนยันต์ต่าง ๆ ได้สวยงามมาก จึงได้เขียนยันต์เป็นรูปนางพันธุรัต มีพระสังข์นั่งอยู่บนหอย แล้วก็มีพระคาถาต่าง ๆ ล้อมรอบ ก็ต้องบอกว่าอยู่ในลักษณะของ "ผ้ายันต์เรียกลาภ" นั่นเอง แต่ว่าอยู่ห่างไกลพระพุทธศาสนาไปหน่อย

โดยเฉพาะถ้าบุคคลขี้สงสัย แทนที่จะตั้งหน้าตั้งตาภาวนาพระคาถาจนกระทั่งจิตสงบ บังเกิดอำนาจสมาธิ สำเร็จเป็น "มโนมยา" ก็จะไปสงสัยว่านางพันธุรัตมีจริงหรือไม่ ? พระสังข์มีจริงหรือไม่ ? เรื่องนี้เป็นแค่นิยายในวรรณคดีเท่านั้น ถ้ามัวแต่สงสัยอยู่อย่างนี้ก็จบกันพอดี

ดังนั้น..ในเรื่องของการสร้างวัตถุมงคล จึงควรจะเป็นเรื่องที่ไม่ให้ห่างไกลจากพระพุทธศาสนามากนัก ถ้าหากว่านึกไปถึงหลวงปู่บางท่านที่ขอไม่ออกชื่อ แม้ว่าท่านจะสร้างปลัดขิก แต่ไม่จารไม่เจิมอะไรเลยทั้งนั้น ท่านบอกว่าพระคาถาแต่ละตัวล้วนแล้วแต่เป็นหัวใจในพระธรรมทั้งสิ้น
โดยเฉพาะถ้าหากว่าเป็นหัวใจพระรัตนตรัยด้วย ไปลงในปลัดขิก ซึ่งถือว่าเป็นของต่ำ อยู่ในลักษณะไม่เคารพพระรัตนตรัย

ดังนั้น วัตถุมงคลของท่าน แม้จะสร้างเป็นปลัดขิก แต่ไม่มีร่องรอยการจารต่าง ๆ เลย ท่านลองไปศึกษาดูว่าเป็นปลัดขิกของสำนักไหน ? แต่กระผม/อาตมภาพยืนยันว่าปลัดขิกของท่านขลังจริง ๆ เราจะเห็นว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านมีความเคารพในพระรัตนตรัยจริง ๆ นั้น ก็พยายามเลี่ยงห่างจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้

อีกส่วนหนึ่งก็เป็น "น้ำมันว่านไก่แดง" ที่ถือว่าเป็น "สายเสน่ห์" กระผม/อาตมภาพเองเห็นแล้วก็ได้แต่หนักใจ เพราะว่าถ้าเป็นเรื่องของเสน่ห์แล้ว ท่านทั้งหลายควรที่จะปฏิบัติในสังคหวัตถุ ๔ ก็คือ

ทาน รู้จักให้ปันแก่คนอื่นที่ขาดแคลน

ปิยะวาจา กล่าวแต่คำดี กล่าวแต่สิ่งที่เป็นอรรถเป็นธรรมกับคนอื่นเขา รู้จักพูดจาให้กำลังใจคนอื่นเขา

อัตถจริยา ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น หรือช่วยเหลือกิจการงานของคนอื่น

สมานัตตตา เป็นบุคคลที่สร้างคุณงามความดี โดยเสมอต้นเสมอปลาย เป็นบุคคลที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ตนเองไม่ชอบสิ่งใดก็ไม่ทำสิ่งนั้นกับคนอื่น เนื่องเพราะรู้ว่าคนอื่นก็ไม่ชอบใจด้วย เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2025 เมื่อ 01:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-11-2025, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,498
ได้ให้อนุโมทนา: 160,650
ได้รับอนุโมทนา 4,519,198 ครั้ง ใน 37,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าท่านสามารถปฏิบัติในสังคหวัตถุ ๔ นี้ได้ ก็จะเป็นผู้ที่มีเสน่ห์ ไปไหนก็จะมีแต่คนรักใคร่เมตตา ยินดีต้อนรับ แต่ว่าพวกเรากลับมาต้องการในสิ่งที่มาโยงใจของคนอื่น ในลักษณะผูกจิตดึงจิตเขา ให้เคารพเรา ให้รักเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืน เพราะว่าถ้าหากพ้นจากอำนาจของวัตถุนั้น ๆ เขาก็จะมีความรู้สึกเหมือนเดิม ก็คือถ้าไม่รักใคร่เมตตา ก็คงไม่รักใคร่เมตตาต่อไป..!

อีกส่วนหนึ่งเป็นศาสตราวุธต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดาบ เป็นขวาน เป็นพระขรรค์ ซึ่ง "เซียนไก่บ้านฆ้อง" (คุณปริญญา นัทธี) ได้นำมาเข้าพิธี และเมื่อเสร็จพิธีแล้วยังถวายกระผม/อาตมภาพมาคู่หนึ่งด้วย "เซียนไก่" บอกว่าช่วงนี้ชายแดนสถานการณ์ไม่ดี เรื่องของอาวุธจึงขอให้เสกอยู่ในลักษณะที่เป็น "มหาอำนาจ" ป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ด้วย

กระผม/อาตมภาพอธิษฐานจิตเสกไปให้ตามที่ทุกท่านต้องการ จนกระทั่งภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขยายใหญ่เต็มมณฑลพิธีแล้ว จึงได้ลืมตาขึ้นมาทำน้ำมนต์พรมจนทั่วบริเวณ รับไทยธรรมแล้วก็รีบขอตัวกลับ ขนาดนั้นก็ยังเจอฝนกลางทาง ทำเอารถติดหนุบหนับ แทบจะไม่ทันเพล โดยที่ไม่ทันได้ดูว่าทางด้านพระครูโก้นิมนต์ใครมาบ้าง ได้ยินว่ามีหลวงพ่อบุญส่ง อุปสโม (ท่านพระครูพิศาลสันติคุณ) เจ้าอาวาสวัดเขาแร่ในพระสังฆราชูปถัมภ์ อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาด้วย

ส่วนท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิลังการ์ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ที่เมื่อวานนี้นัดแนะกันเป็นอย่างดีว่าใครไปถึงก่อนก็ลุยก่อน ไม่ต้องมีการรอกัน แต่ปรากฏว่าวันนี้จนกระผม/อาตมภาพเดินทางกลับแล้วก็ยังไม่เจอหน้าเลย..!

ครั้นกลับมาถึงและฉันเพลแล้ว ได้เข้าไปตรวจการณ์ในเว็บไซต์วัดท่าขนุน เห็นว่าเบี้ยแก้ที่นำไปลงให้นั้นมีบุคคลจองจนหมดแล้ว จึงได้กัดฟันนำเอาเบี้ยแก้ชุบรักหนา คือเบี้ยแก้ยุคต้น ๑๐ องค์สุดท้าย มาถ่ายรูปส่งให้ไอ้ตัวเล็ก นำไปให้กับบุคคลที่ต้องการบูชาในราคานี้ ถ้าไม่ใช่แย่งกันบูชาจนเว็บแตกจริง ๆ ก็คงจะหยุดลงเพียงแค่นี้ แต่ถ้าหากว่าแย่งกันบูชาจนเว็บแตกจริง ๆ อาจจะต้องสละเบี้ยแก้ที่หุ้มดิ้นเงินดิ้นทอง เหลืออยู่อีกอย่างละ ๑๐ องค์ออกไปด้วยอย่างเป็นแน่แท้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2025 เมื่อ 01:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว