กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-10-2025, 16:58
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 593
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 28,369 ครั้ง ใน 1,081 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-10-2025, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,367
ได้ให้อนุโมทนา: 159,878
ได้รับอนุโมทนา 4,514,321 ครั้ง ใน 36,980 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศยามเช้าที่โรงแรม Olathang เมืองพาโร ประเทศภูฏาน อยู่ที่ ๖ องศาเซลเซียส สังเกตว่าอากาศหนาวเย็นลงไปเรื่อย ๆ

สำหรับประเทศไทยในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี จะเสด็จไปถวายน้ำสรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หลังจากนั้นแล้วก็ยังมีกำหนดให้พระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมถวายทุกวัน มีการพระราชทานฉันเช้า ๘ รูป พระราชทานฉันเพล ๘ รูป และมีการประโคมย่ำตลอด ๑๐๐ วัน ซึ่งพิธีกรรมพิธีการทั้งหลายเหล่านี้ ก็เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเสด็จสวรรคตนั่นเอง

ทางด้านประเทศภูฏานนั้น เมื่อวานนี้สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก สมเด็จพระราชินีเจตซุน เปมา และพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทุกหมู่เหล่า ได้ตั้งพระบรมฉายาลักษณ์และตามประทีป ๑,๐๐๐ ดวง พร้อมกับสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องจากความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างสองราชวงศ์ ที่มีมายาวนานนั่นเอง

กระผม/อาตมภาพนั้น เมื่อวานนี้ไม่สามารถที่จะออกไปชมระบำหน้ากากที่ทางเอ็นซีทัวร์จัดแสดงไว้ได้ เนื่องเพราะว่านัดหมายกันตอน ๖ โมงเย็น แต่กระผม/อาตมภาพสลบไสลไปเป็นเวลา ๕ ชั่วโมงครึ่ง ถึงได้ตื่นขึ้นมาเจริญพระกรรมฐานคร่อมวันเก่าและวันใหม่ เพื่ออุทิศส่วนกุศลถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตลอดถึงอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทางที่ให้ความเมตตาพวกเรามาโดยตลอด

ตั้งแต่การลงที่สนามบินนานาชาติพาโรในวันแรก ก็ไม่มีสายหมอก ไม่มีหิมะมารบกวน สามารถลงได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-10-2025, 23:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,367
ได้ให้อนุโมทนา: 159,878
ได้รับอนุโมทนา 4,514,321 ครั้ง ใน 36,980 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การขึ้นถึงช่องเขาโดชูลา พาส ซึ่งปกติแล้วก็จะมีเมฆหมอกอยู่เป็นประจำ ขนาดคุณตี๋ (นายภิญชัย จารุพาณิชย์กุล) ซึ่งทำหน้าที่มัคคุเทศก์ มาประเทศภูฏานเกือบ ๒๐ ครั้งแล้ว ยังออกปากว่า "แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฟ้าเปิด เห็นเทือกเขาหิมาลัยชัดเจนขนาดนี้..!"

ในขณะเดียวกัน การขึ้นเขารังเสือเมื่อวานนี้ น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ซึ่งปัจจุบันนี้รู้สึกว่าจะกระดูกสันหลังเคลื่อน ทำให้ไปทับเส้นประสาท มีอาการชาร้าวลงขา ก็ได้ขอทางด้าน "ท่านแม่" ของเขามาโดยตลอดว่า ให้สามารถขึ้นลงได้โดยไม่มีปัญหา ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นเป็นห่วงในช่วงเดินลง เพราะว่าต้องเดินด้วยตนเองตลอดทาง แล้วเส้นทางก็ค่อนข้างที่จะลาดชัน

กระผม/อาตมภาพเองยังรู้สึกว่ากินแรงเอาเรื่อง แต่ว่าน้องเล็กสามารถลงมาถึงข้างล่างได้โดยที่ไม่ได้เป็นอะไร เรื่องพวกนี้ถ้าอาศัยกำลังตนเองก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะว่าเราไม่สามารถที่จะทำให้เกิดเหตุต่าง ๆ อย่างที่เป็นนี้ได้

โดยเฉพาะเมื่อวานนี้มีเมฆฝนปกคลุมเมืองพาโร พวกเรายังเกรงว่าถ้าขึ้นไปแล้วเจอฝนบนยอดเขาท่ามกลางอากาศไม่ถึง ๑๐ องศาเซลเซียส คงจะเป็นอะไรที่บันเทิงมาก..! แต่ปรากฏว่าทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี และมีแสงแดดจัดจ้าให้ถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่ เสียดายอยู่อย่างเดียวว่าภายในวัดเขารังเสือนั้น เขาไม่ให้ถ่ายรูปเท่านั้นเอง

สำหรับเช้าวันนี้ หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าแล้ว เราจะมีการร่วมการแสดงกีฬาประจำชาติภูฏาน ซึ่งทางเอ็นซีทัวร์ได้จัดสรรให้ นั่นก็คือการยิงธนู ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ตั้งใจว่าจะเป็นเพียงผู้ดูเท่านั้น

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ามีข้อห้ามหรือศีลพระ ห้ามพระภิกษุจับศาสตราหรืออาวุธทุกประเภท

ห้ามจับต้องกายหญิง วัตถุที่เนื่องด้วยกายหญิง หรือวัตถุที่ทำเป็นรูปผู้หญิง

ห้ามจับต้องเงิน ทอง แก้วมณี

ห้ามจับผลไม้และข้าวเปลือกซึ่งเกิดอยู่กับที่

ห้ามจับเครื่องดนตรี เครื่องประโคมทุกชนิด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 26-10-2025, 23:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,367
ได้ให้อนุโมทนา: 159,878
ได้รับอนุโมทนา 4,514,321 ครั้ง ใน 36,980 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า พระภิกษุสมัยก่อนบางท่านก็เป็นขุนศึกนักรบมาบวช บางท่านก็เป็นนักดนตรีมาบวช ถ้าหากว่าไปจับสิ่งของที่ชวนให้นึกถึงอาชีพเก่า ๆ จิตใจก็อาจจะไม่สงบ แล้วก็ทำให้สึกหาลาเพศไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ทรงห้ามเอาไว้

กระผม/อาตมภาพเองนั้น
จะทำอะไรนั้นต้องนึกก่อนเลยว่าจะทำให้ศีลขาดหรือเปล่า ? เมื่อได้ยินว่าเอ็นซีทัวร์จัดบริการพิเศษให้ร่วมการยิงธนู ก็ตั้งใจว่าจะต้องเป็นแค่คนดูเท่านั้น ด้วยเหตุดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น

วันนี้ห้องอาหารเปิดก่อนเวลาตามเคย พวกเราเข้าไปทำหน้าที่หล่อเลี้ยงร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งใจจะขึ้นรถบัสไปรอการเดินทาง แต่เจ้าหน้าที่ของทางเอ็นซีทัวร์แจ้งว่า การไปยิงธนูนั้นจะมีสนามยิงธนูและปาเป้าของทางโรงแรม Olathang แค่เดินไปไม่ไกลก็ถึงแล้ว พวกเราจึงเดินไปจนถึง

มัคคุเทศก์ท้องถิ่นสาธิตการยิงธนูให้ดู ว่าจะต้องจับอย่างไร ? พาดลูกธนูอย่างไร ? คีบลูกธนูและเหนี่ยวสาย ปล่อยลูกธนูอย่างไร ? แล้วก็หันมาหากระผม/อาตมภาพ บอกว่า "Lama..Your first." กระผม/อาตมภาพบอกว่าไม่ได้ เพราะว่าพระไทยนั้นห้ามจับอาวุธทุกชนิด เขาจึงหันไปให้คนอื่น ๆ ทดสอบการยิงธนู ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่ "ไม่เป็นมวย" ทั้งสิ้น..!

จึงกลายเป็นว่ายิง "ออกนอกลู่นอกทาง" บ้าง ลูกธนูตกในระยะใกล้บ้าง จนกระทั่งท้อใจก็เปลี่ยนไปสนามปาเป้า แต่ก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะว่าปาเท่าไรก็ไม่ถูก เลยหัวไปบ้าง ตกด้านข้างบ้าง ตกไม่ถึงเป้าบ้าง..!

กระผม/อาตมภาพเห็นว่า ลูกดอกปาเป้าไม่น่าจะถือว่าเป็นอาวุธ จึงได้แสดงให้ทุกคนดู หยิบขึ้นมาขว้างส่งเดช ปักเดียวก็ตกกลางเป้าเป๊ะเลย เพียงแต่ว่าสูงกว่าใจกลางเป้า ประมาณว่าถ้าเล็งหน้าอกก็ไปโดนคอหอยพอดี ทำเอามัคคุเทศก์และญาติโยมปรบมือกันเกรียวกราว ส่วนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นคะยั้นคะยอจะให้ยิงธนูให้ดูด้วย แต่กระผม/อาตมภาพยืนยันว่าเป็นตายอย่างไรก็ไม่ได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 14:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 26-10-2025, 23:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,367
ได้ให้อนุโมทนา: 159,878
ได้รับอนุโมทนา 4,514,321 ครั้ง ใน 36,980 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทุกคนพยายามกันจนกระทั่งหมดความพยายามกันแล้ว เขาก็เลยให้เลื่อนจากระยะ ๒๕ เมตรเข้าไปใกล้จนถึงประมาณ ๑๐ เมตร ถึงมีคนที่ยิงธนูเข้าเป้า แต่ก็ไม่เข้าใจกลางอยู่ดี สนุกสนานกันจนกระทั่งเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน ทั้ง ๆ ที่อากาศไม่ถึง ๑๐ องศาเซลเซียส พวกเราก็กลับขึ้นรถ ไปดูว่ากระเป๋าของแต่ละคนขึ้นรถมาเรียบร้อยหรือยัง ? ส่วนทางด้านคุณตี๋และคุณการ์ตูน (นางสาวศรัณย์พร บุรินทรโกษฐ์) ก็ช่วยกันดูว่าใครยังไม่ได้คืนห้องบ้าง ?

เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็ออกรถ มุ่งขึ้นเขาไปยังป้อมเก่าโบราณ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเมืองพาโร วิ่งไปไม่กี่นาทีก็มาถึงแล้ว ทางด้านมัคคุเทศก์ท้องถิ่นเข้าไปซื้อตั๋วเข้าชม ส่วนพวกเราก็ไปเข้าห้องน้ำบ้าง ถ่ายรูปทิวทัศน์เมืองพาโรบ้าง จนกระทั่งพร้อมก็เดินเข้าไปข้างใน

เจ้าประคุณเถอะ..ข้างในนี้ของเก่าถ้าไม่ถึง ๑,๐๐๐ ชิ้น ก็ต้องมีถึง ๙๐๐ ชิ้น..! แถมยังไม่หวงห้าม ยอมให้ถ่ายรูปได้อีกด้วย เป็นป้อมโบราณป้อมเดียวที่เป็นทรงกลม ถือว่าเป็นป้อมที่เก่าแก่ที่สุดของภูฏานอีกต่างหาก

ด้านบนดินมีทั้งหมด ๔ ชั้น พวกเราต้องเดินวนเข้าไปดูทีละห้อง ๆ จนกระทั่งวนลงใต้ดินไป ๒ ชั้น ด้านบนนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นวัตถุโบราณบ้าง ข้าวของเครื่องใช้ตามวัฒนธรรมภูฏานบ้าง แล้วพอวนลงไปข้างล่าง ก็กลายเป็นเรื่องของพืชและสัตว์ที่มีอยู่ในภูฏาน ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมเหมือนเมืองไทยได้มากขนาดนั้น ? ไม่ว่าจะเป็นช้าง แรด กวาง อีเก้ง กระทิง ตลอดจนกระทั่งสัตว์อื่น ๆ อย่างเช่น ตัวนิ่ม หรือแม้กระทั่งนกกก นกขุนแผน (ที่เจอเมื่อวานนี้) ก็ตาม มีความคล้ายคลึงกับเมืองไทยถึง ๘๐ - ๙๐ เปอร์เซ็นต์ แม้กระทั่งควายป่าก็ยังมีด้วย..! แต่ว่าส่วนที่หายากของเขาก็คือนกกระเรียนคอดำ ซึ่งเป็นนกประจำชาติอีกอย่างหนึ่งของภูฏาน

ครั้นวนลงไปชั้นล่าง ก็เป็นพวกข้าวของเครื่องใช้ ยุทธภัณฑ์ทหารรุ่นเก่า ๆ มีกระทั่งหม้อขนาดยักษ์ที่หุงต้มให้ทหารกินได้เป็นร้อย ๆ คน มีอาวุธโบราณพวกหอก ดาบ แหลน หลาว ปืนคาบศิลา ตลอดจนกระทั่งในส่วนของปืนใหญ่ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นปืนใหญ่โบราณที่ค่อนข้างจะเล็ก เพียงแต่ว่าในสมัยนั้นก็ถือว่าเป็นอาวุธที่รุนแรงมากแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 26-10-2025, 23:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,367
ได้ให้อนุโมทนา: 159,878
ได้รับอนุโมทนา 4,514,321 ครั้ง ใน 36,980 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราใช้เวลาในที่นี่ค่อนข้างที่จะนาน กว่าจะออกมาข้างนอกก็ ๑๐ โมงกว่าแล้ว ทางด้านคุณตี๋และคุณการ์ตูนก็บอกว่าให้ไปชมพาโร ซอง ก็คือป้อมปราการเมืองพาโรอีกแห่งหนึ่ง น่าจะมีเวลาเพียงพอ พวกเราจึงวิ่งลงจากเขา ตรงไปยังพาโร ซองที่เป็นป้อมใหญ่โตมโหฬารมาก

แล้วส่วนหนึ่งที่เราเข้าชม ก็คือส่วนที่เขากันเอาไว้เป็นวัด มีกติกาเหมือนเดิมว่า
ถ้าต้องถอดรองเท้าก็คือห้ามถ่ายรูป แต่กระผม/อาตมภาพนั้นไปถึงก็ถวายปัจจัยเป็นพุทธบูชาไป ๑,๐๐๐ งุลตรัม พูดง่าย ๆ ว่าตรงไหนมีที่ให้ก็ถวายลงตรงนั้น ทำเอาพระลามะที่ยืนเฝ้าอยู่มองด้วยความตะลึง จนกระทั่งลืมห้ามกระผม/อาตมภาพให้ถ่ายรูปไปโดยปริยาย..!

จนกระทั่งเพลกว่า ออกมาได้ก็วิ่งไปร้านอาหาร ร้านนี้เป็นอาหารแบบบุปเฟต์ตามเคย พวกเราตักกันตามอัธยาศัย และอัศจรรย์ก็คืออร่อยทุกอย่างเหมือนเดิม จนมีการแซวกันว่า "อาหารกลางวันมื้อนี้อร่อยทุกอย่าง ยกเว้นยำปลาดุกฟูที่ทางเอ็นซีทัวร์นำมาให้" ทำเอาทุกคนหัวเราะกันเกรียวกราวไปหมด..!

ครั้นอิ่มแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางไปยังสถานที่สุดท้ายของวันนี้ ก็คือวัดคิชู ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของภูฏาน สร้างมาตั้งแต่สมัยที่ภูฏานยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศทิเบต เป็น ๑ ใน ๑๐๘ วัดที่พระเจ้าซองซานกัมโปมหาราช สร้างเป็นหมุดตรึงนางยักษิณีเอาไว้ ถ้าจำไม่ผิดวัดนี้ตรึงส่วนเท้าซ้ายของนางยักษิณีเอาไว้ และมีต้นสนไซเปรสซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติของภูฎานอยู่ต้นหนึ่ง เก่าแก่จนประมาณอายุไม่ได้ กระผม/อาตมภาพเข้าไปนั่งเทียบ ยืนเทียบแล้ว เหลือตัวนิดเดียวเท่านั้น จึงให้คุณวีรวัฒน์ ตะล่อมสิน สามีของคุณไก่ (โสภา ตั้งอธิคม) ช่วยถ่ายรูปให้ แล้วถึงกลับออกมา

ปรากฏว่ายังมีเวลาเหลืออยู่ ทางด้านเอ็นซีทัวร์จึงพาตรงเข้าตัวเมืองไป เพื่อปล่อยให้พวกเราได้ช็อปปิ้งกันอีกรอบหนึ่ง แต่นอกจากแดดจะร้อนมากแล้ว ทุกคนก็ซื้อจนไม่มีกระเป๋าจะใส่ จึงไปลงเอยกันที่ร้านกาแฟ หลายต่อหลายคนก็สั่งทั้งกาแฟและขนมต่าง ๆ มา ส่วนกระผม/อาตมภาพมีหน้าที่ส่งงาน ตามงาน และสั่งงานทางไลน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 26-10-2025, 23:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,367
ได้ให้อนุโมทนา: 159,878
ได้รับอนุโมทนา 4,514,321 ครั้ง ใน 36,980 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จนกระทั่งได้เวลา โชเฟอร์ก็พาพวกเราวิ่งไปยังสนามบินนานาชาติพาโร ครั้นเข้าไปถึง ปรากฏว่าทางโรงแรม Olathang ส่งเจ้าหน้าที่เอากระเป๋ามาดร็อปไว้แล้ว ทุกคนจึงเข้าไปเลือกกระเป๋าของตนเอง กระผม/อาตมภาพรับเอาเงินส่วนกลางซึ่งเฉลี่ยรวมกันคนละ ๓๐ ดอลลาร์ สำหรับมัคคุเทศก์ท้องถิ่นและพลขับของเรา ทำการมอบให้กับตัวแทนของเขามารับไป แล้วตัวเองยังควักกระเป๋าเติมให้ทุกคน อีกคนละ ๒๐ ดอลลาร์ต่างหาก เป็นอันว่าจ่ายไปเป็น ๑๐๐ ดอลลาร์เลยทีเดียว..!

เมื่อเข้าไปทางด้านใน เจ้าหน้าที่ก็ตรวจพาสปอร์ตกับตั๋วเครื่องบิน แล้วก็ทำการเช็คอิน กระผม/อาตมภาพรับหน้าที่แบกน้ำหนักกระเป๋าของเอ็นซีทัวร์ตามเคย เมื่อเข้ามาประทับตราที่บริเวณตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ก็ผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพขำก็ขำ ฉิวก็ฉิว เนื่องเพราะว่า
ผ้าสังฆาฏิเปล่า ๆ ไม่มีอะไรเลย เจ้าหน้าที่เองกวาดเครื่องผ่านทีไรก็เสียงดังทุกที เหมือนอย่างกับ " เจ้าแม่" ตั้งใจให้รู้ว่าผ้าผืนนี้ขลังอย่างนั้นแหละ..! จนกระผม/อาตมภาพต้องปลดออกมาส่งให้เขาไปตรวจค้นจนสบายใจ ถึงจะผ่านมาได้

ครั้นเข้ามาข้างในก็มีรูปมันดาลาขนาดมโหฬารให้พวกเราถ่ายรูปกัน แล้วไปนั่งรอ ทางเอ็นซีทัวร์แจกบัตรให้ไปรับเครื่องดื่มคนละชุดที่ร้าน กระผม/อาตมภาพไม่มีอารมณ์ที่จะดื่มอะไร เพราะว่าถนัดแต่น้ำร้อนอย่างเดียว จึงมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน และได้ข่าวว่าวันนี้ไฟลท์ของเราต้องดีเลย์ด้วย เพราะว่าต้องบินไปรับผู้โดยสารที่สนามบินบักโดกราของประเทศอินเดีย ก่อนที่จะเข้าเมืองไทย จากแต่เดิมไปถึงประเทศไทยตอน ๒ ทุ่มครึ่ง คาดว่าอย่างเร็วที่สุด ๓ ทุ่มครึ่งจึงจะถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ แล้วพรุ่งนี้กระผม/อาตมภาพยังต้อง "เบิกตา" เดินทางตั้งแต่ตี ๕ เพื่อไปร่วมพิธีเปิดการอบรมก่อนสอบนักธรรมชั้นโทและชั้นเอก (สนามหลวง) ที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) อีก พูดง่าย ๆ ว่ายิ่งงานรัดตัวมากเท่าไร ก็ยิ่งเหมือนกับโดนกลั่นแกล้งมากเท่านั้น..!

แต่ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยดูแลตลอดเส้นทาง
กุศลบารมีที่กระผม/อาตมภาพสร้างมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ และกุศลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ที่สร้างอยู่ตลอดเวลาในประเทศภูฏานแห่งนี้ ขอทุกท่านจงอนุโมทนา ประโยชน์และความสุขประการใดที่กระผม/อาตมภาพจะพึงได้รับ ขอให้ทุกท่านจงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:11



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว