กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 19:57
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,172
ได้ให้อนุโมทนา: 226,588
ได้รับอนุโมทนา 812,135 ครั้ง ใน 39,992 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,073
ได้ให้อนุโมทนา: 159,803
ได้รับอนุโมทนา 4,504,491 ครั้ง ใน 36,684 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ อยากจะแสดงความยินดีกับรัฐบาลใหม่ เพราะว่านายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๒ ได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว แต่ปรากฏว่าตัวเก็งรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ดูท่าว่าจะเป็นอิสลามิกชน..!

ถ้าเป็นจริงตามนั้น เราจะเห็นอย่างชัดเจนเลยว่า
นักการเมืองไม่เคยคิดถึงประเทศชาติของเรา นอกจากผลประโยชน์ของพวกพ้องและตัวกูเท่านั้น..! ต้องการเสียงสนับสนุนจากเขา เขาจะเรียกร้องเอากระทรวงไหนก็ไม่ได้พิจารณา คิดอยู่อย่างเดียวว่าสามารถให้ได้ เพื่อที่ตนเองจะได้ก้าวสู่ตำแหน่งที่ต้องการ

ทุกวันนี้นักเรียนชั้นประถมต้องเรียนเรื่องราวของศาสนาอิสลาม ขณะที่วิชาศีลธรรม จริยธรรมของเราโดนตัดออกหมด..! แค่นั้นก็แย่พออยู่แล้ว ยังมีแนวโน้มว่าจะเอารัฐมนตรีซึ่งเป็นอิสลามิกชน เข้ามารับหน้าที่ในกระทรวงวัฒนธรรม ทำไมไม่ตัดสินใจยกประเทศให้เขาไปเลยให้รู้แล้วรู้รอดไป..!? อย่าคิดว่าเป็น
แค่ระยะเวลาสั้น ๆ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เขาฉวยโอกาสสร้างประโยชน์ให้กับฝ่ายตนมานับไม่ถ้วนแล้ว แต่นักการเมืองของเราไม่เคยจด ไม่เคยจำ และไม่เคยใส่ใจ เพราะไม่เคยเห็นผลประโยชน์ของชาติเป็นใหญ่ เห็นแต่ผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น..!

จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ในขณะที่ทหาร ตำรวจของเรา "สละชีพเพื่อชาติ" ต่อต้านข้าศึกอยู่แนวหน้า แต่นักการเมืองของเราพร้อมที่จะ "สละชาติเพื่อตัวเอง" อยู่เสมอ
การเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาชนคนไทยจึงควรที่จะสั่งสอนนักการเมืองพวกนี้อย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียที ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่เห็นหัวชาวบ้านอีกตามเคย..!

อะไรที่ทำแล้วเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องและตัวกูจะทำทันที แม้แต่การเอายาเสพติดมามอมเมาประชาชนของเราก็ทำ..! เพราะว่าตนเองปลูกกัญชาเตรียมเอาไว้หลายพันไร่ ผลักดันกฎหมายออกมาจนสร้างความฉิบหายวายป่วงให้กับเยาวชนของเราโดยไม่คำนึงถึง คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะได้เงินจากสิ่งที่ตนเองทำไว้ แล้วนี่ยังมีแนวโน้มอีกว่ารัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของเราจะเป็นอิสลาม..!

ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุขความเจริญกับการขายประเทศชาติของตนเองต่อไป กระผม/อาตมภาพจะรอดูอยู่ว่า พระสยามเทวาธิราชจะลงโทษคนเหล่านี้อย่างไร ?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า วันนี้, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,073
ได้ให้อนุโมทนา: 159,803
ได้รับอนุโมทนา 4,504,491 ครั้ง ใน 36,684 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปยังวัดหนองโพ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล ก็คือเหรียญหลวงพ่อโตวัดศรีธรรโมทยะ หรือที่ได้รับการตั้งชื่อว่าสมเด็จพระพุทธศรีสยามวงศ์ ซึ่งจะมีงานฉลองกันในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ นี้ โดยที่จะเริ่มเดินทางไปในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๘

แต่งานนี้กระผม/อาตมภาพไปร่วมงานด้วยไม่ได้ ทั้งที่ทางคณะเต็มอกเต็มใจจ่ายค่าเครื่องบินให้ ก็เพราะว่าวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ นั้น กระผม/อาตมภาพต้องนำกฐินปลดหนี้ไปทอดที่วัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นวัดตามสายครูบาอาจารย์ของเรา

เพียงแต่ว่าญาติโยมทั้งหลายที่ร่วมกันทำบุญมา ด้วยการบูชาพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน ท่านทั้งหลายก็มีส่วนร่วมในบุญการฉลองหลวงพ่อโต วัดศรีธรรโมทยะ อย่างเต็มที่อยู่แล้ว เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพตัดเงินถวายให้แก่ท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะในครั้งนี้ ร่วมในงานฉลอง ๕๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน

อีกส่วนหนึ่งจำนวน ๒,๕๖๖,๑๕๐ บาท โดยประมาณ
หรือใกล้เคียง จำตัวเลขไม่ถนัด ตัดให้กับทางวัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) เป็นกฐินปลดหนี้ปี ๒๕๖๘ ในส่วนปัจจุบันที่ท่านทั้งหลายกำลังบูชากันอยู่ในเว็บไซต์วัดท่าขนุน นั่นก็คือส่วนของกฐินวัดท่าขนุนของเราเอง

ในเรื่องของประเทศศรีลังกาและประเทศไทยของเรานั้น มีการแลกเปลี่ยนทางพระพุทธศาสนากันมานาน ตั้งแต่สมัยที่ทางประเทศลังกาได้ขอสมณทูตจากกรุงศรีอยุธยาไปเพื่อสืบศาสนาพุทธใหม่ เนื่องเพราะว่าตอนนั้นศาสนาพุทธเหลือแค่สามเณรสรณังกรอยู่รูปเดียว กับบรรดาอุบาสกที่ช่วยดูแลวัดวาอารามเท่านั้น

เนื่องจากว่าศรีลังกาโดนมหาอำนาจทางยุโรปในช่วงนั้น ไม่ว่าจะเป็นโปรตุเกส ฮอลแลนด์ อังกฤษ ยึดครองอยู่หลายร้อยปี แล้วเขาทั้งหลายเหล่านั้นก็บีบบังคับว่า ถ้าคนศรีลังกาที่ไม่เข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์ ก็จะไม่ให้ทำงาน ในเมื่อไม่มีงาน ไม่มีเงิน ก็อยู่กันไม่ได้ คนพุทธจำนวนมากจึงต้องไปเข้ารีตเพื่อนับถือศาสนาคริสต์
เมื่อไม่มีประชาชนสนับสนุน พระภิกษุสามเณรก็อยู่ไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า วันนี้, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,073
ได้ให้อนุโมทนา: 159,803
ได้รับอนุโมทนา 4,504,491 ครั้ง ใน 36,684 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จนกระทั่งสามเณรโค่งอยู่รูปเดียว ก็คือสามเณรสรณังกร ที่ยืนหยัดรักษาพระพุทธศาสนาอยู่ แต่ไม่สามารถที่จะบวชพระได้ พอดีได้มีโอกาสแสดงธรรมถวายพระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะ กษัตริย์ศรีลังกาในยุคนั้น พระองค์ท่านฟังแล้วพอใจมาก จึงสอบถามว่า "ต้องการอะไร ?" สามเณรสรณังกรขอให้พระองค์ท่านช่วยส่งสาส์นไป ขอพระภิกษุมาสืบศาสนาที่ศรีลังกา

ตอนแรกขอไปทางอินเดีย ซึ่งก็กำลังวุ่นวายอยู่ เพราะว่าโดนอังกฤษเข้ายึด จึงไม่ได้ส่งสมณทูตมาช่วยเหลือ ขอไปทางประเทศพม่า อังกฤษก็กำลังเข้ายึดพม่าเช่นกัน ไม่สามารถที่จะให้การช่วยเหลือได้ จนต้องขอมาทางกรุงศรีอยุธยา

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงได้ส่งสมณทูตไป ซึ่งคณะแรกก็คือคณะที่มีพระอุบาลีเป็นหัวหน้า เป็นการวางแผนส่งสมณทูตไปที่ลึกซึ้งมาก เพราะว่าพระอุบาลีเถระนั้น เราท่านต้องไม่ลืมว่า คำว่า "พระอุบาลี" เป็นนามของพระมหาเถระผู้ทำสังคายนาพระไตรปิฎกหมวดพระวินัย ก็คือศีลพระ ก็แปลว่าส่งพระอุบาลีไป เพื่อที่จะปรับให้บรรดาพระภิกษุสามเณรที่มีอยู่ ตลอดจนกระทั่งโยมวัดทั้งหลายได้เข้าใจว่าศีลของพระภิกษุสามเณรคืออะไร ?

เมื่อเริ่มอุปสมบทบรรพชาแก่กุลบุตรชาวศรีลังกา
พระอุบาลีเถระท่านก็ไม่ได้ไปตัวเปล่า หากแต่นำสามเณรที่อายุใกล้บวชจากกรุงศรีอยุธยาไปด้วย แล้วก็ประกาศให้บรรดาผู้ที่ตั้งใจจะอุปสมบท มาดูพิธีกรรมพิธีการว่าเขาบวชกันอย่างไร ? ขานนาคอย่างไร ? ถามอันตรายิกธรรมอย่างไร ? สวดญัตติอย่างไร ? เป็นต้น

ในการบวชครั้งแรก มีกุลบุตรชาวสิงหลอุปสมบท ๗๐๐ รูป พระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะจะตั้งพระอุบาลีเถระเป็นพระสังฆราช ท่านบอกว่าท่านรับไม่ได้ เพราะว่าไม่รู้ภาษาสิงหล ที่พูดคุยกันส่วนใหญ่ใช้ภาษาบาลีเป็นหลัก ถ้าเกิดเรื่องเกิดราวอะไรขึ้น ก็ไม่สามารถที่จะทำการได้ถนัด ขอให้ตั้งพระภิกษุชาวศรีลังกาเป็นพระสังฆราชแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า วันนี้, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,073
ได้ให้อนุโมทนา: 159,803
ได้รับอนุโมทนา 4,504,491 ครั้ง ใน 36,684 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนแรกพระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะจะตั้งพระสรณังกรเป็นพระสังฆราช แต่พระสรณังกรรู้ดีว่า บรรดาอุบาสกซึ่งดูแลวัดอยู่ แล้วตอนนี้ก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุกันหมดแล้ว คือผู้มีอำนาจตัวจริง จึงขอให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งอุบาสกซึ่งเป็นหัวหน้าคณะ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช

แต่บรรดาอุบาสกสำนึกตัวดีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลื่อมใสท่านสรณังกรเท่านั้น และถ้าไม่ได้ท่านสรณังกรขอไป ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้บวชเป็นพระภิกษุ ก็แปลว่า
ถึงอยากได้อำนาจก็ยังเห็นแก่สถานการณ์ใหญ่ จึงพร้อมใจกันกราบทูลพระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะ ให้ตั้งท่านสรณังกรขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เราจะคิดว่าท่านเพิ่งจะบวช จะเป็นสังฆราชได้อย่างไร ? ก็เพราะว่าท่านเป็นสามเณรมา ๓๐ กว่าปีแล้ว ถ้าหากว่าจะนับไป ก็คือเป็นรัตตัญญู (ผู้มีประสบการณ์มาก) ทางพระพุทธศาสนา ตัวจริงเสียงจริง..!

แต่จากที่กระผม/อาตมภาพได้เข้าไปในสถานที่พักของหลวงพ่ออุบาลี ปรากฏว่าพัดยศที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของลังกา พระราชทานแก่หลวงพ่ออุบาลีนั้น เป็นพัดยศของพระสังฆราช..! ก็แปลว่ามีศักดิ์เสมอกับสมเด็จพระสังฆราช เพียงแต่ว่าตำแหน่งไม่ใช่เท่านั้น

หลังจากนั้นแล้ว ทางกรุงศรีอยุธยาก็ส่งสมณทูตชุดที่ ๒ นำโดย "พระอริยมุนี" ไป "อริยะ" ไปเพื่อสอนหลักธรรมแก่พระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา เราจะเห็นว่าคนโบราณทำอะไรรอบคอบมาก ให้พระอุบาลีไปวางรากฐานพระวินัยอยู่หลายปี
บุคคลที่ศีลทรงตัวแล้ว ปฏิบัติธรรมย่อมเกิดผลเร็ว จึงค่อยส่งพระอริยมุนีและคณะไปสอนหลักธรรมในพระพุทธศาสนาให้

ไม่เหมือนกับคณะสงฆ์ไทยในปัจจุบันที่ตีเปะปะไปหมด "คาบลูกคาบดอก" ไม่รู้ว่าจะเอาปริยัติหรือว่าปฏิบัติเป็นหลัก จนกระทั่งกลายเป็นครึ่ง ๆ กลาง ๆ "สะเทินน้ำ สะเทินบก" ขึ้นบกก็เดินไม่ถนัด วิ่งไม่เป็น ลงน้ำก็ว่ายน้ำไม่ถนัด กลายเป็นอะไรที่ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า วันนี้, 00:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,073
ได้ให้อนุโมทนา: 159,803
ได้รับอนุโมทนา 4,504,491 ครั้ง ใน 36,684 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ความสัมพันธ์ที่สืบเนื่องกันมานานจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ ทางประเทศของเรา ความเสื่อมทรามทางศาสนาพุทธมีมาก จนในหลวง ร. ๔ พระองค์ท่านต้องตั้งธรรมยุติกนิกายขึ้นมา เพราะเห็นว่าเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ศรีลังกาจึงส่งพระภิกษุมาช่วยเหลือ จนกระทั่งกลายเป็น "ลังกาวงศ์" ในประเทศไทย ส่วนที่ไทยส่งไปเป็นฝ่ายช่วยเหลือ กลายเป็น "สยามวงศ์" ในศรีลังกา

แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่ทางศรีลังกาได้ทำเอาไว้จนกลายเป็นรูปแบบในประเทศไทยก็มีมาก อย่างเช่นว่าโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ สมณศักดิ์และพัดยศ ตลอดจนกระทั่งศิลปวัฒนธรรม เช่น พระเจดีย์ทรงลังกา ตลอดจนกระทั่งการเคารพพระบรมสารีริกธาตุ ที่ถือว่าสำคัญสุด ๆ ในประเทศศรีลังกา
เป็นต้น

เพียงแต่ว่าในปัจจุบันนี้ ศรีลังกาไม่มีสมเด็จพระสังฆราช เพราะว่าไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นผู้แต่งตั้งให้ ดังนั้น..ผู้นำสงฆ์จึงเรียกว่า "มหานายกะ" และมหานายกะทั้ง ๒ ฝ่าย ก็คือฝ่ายอัสคีรียะและฝ่ายมัลลวัตตะ ต่างได้รับนิมนต์มาร่วมงานฉลองหลวงพ่อโตในครั้งนี้ พร้อมกับพระสงฆ์อีก ๕๐๐ รูป

กระผม/อาตมภาพสอบถามท่านอาจารย์มหาสมคิดแล้วว่า "ควรที่จะถวายปัจจัยพระสงฆ์รูปละเท่าไร ?" ท่านบอกว่า "ถ้าได้สักรูปละ ๑,๐๐๐ บาทไทยจะดีมาก"
กระผม/อาตมภาพจึงได้ถวายท่านไป ๕๐๐,๐๐๐ บาท แต่ว่าถ้าไปร่วมงานด้วยตนเอง ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะวุ่นวายขนาดไหน ?! เพราะว่ายอดเขาไม่ได้ใหญ่มาก พระสงฆ์ ๕๐๐ รูปก็แทบจะเหยียบกันเองอยู่แล้ว ไหนจะรถและผู้คนอีก ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้ไปก็ดีอยู่เหมือนกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:13



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว