กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-08-2025, 19:55
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 563
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 27,265 ครั้ง ใน 1,051 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-08-2025, 01:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,002
ได้ให้อนุโมทนา: 159,710
ได้รับอนุโมทนา 4,501,598 ครั้ง ใน 36,613 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ เท่ากับว่าพระเณรของเราเข้าพรรษามา ๑ เดือนเต็มแล้ว เพียงแต่ว่าสามเณรหรือว่าแม่ชี ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าจะต้องอยู่ประจำที่เหมือนกับพระภิกษุสงฆ์ ภาษาชาวบ้านเรียกง่าย ๆ ว่า "ไม่นับพรรษา"

ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ลำบากแต่พระเรา ถึงเวลาก็ต้องขออนุญาต ที่เรียกว่า "สัตตาหะกรณียะ" คือ ถ้ามีเหตุจำเป็นในช่วงพรรษา สามารถที่จะออกจากวัดได้ แต่ต้องไม่เกิน ๗ วัน ซึ่งพรุ่งนี้กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางอีกแล้ว เพราะว่ามีงานประชุมอบรมพระนวกะ ๒ อำเภอ ก็คือของอำเภอพนมทวน และอำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรีรออยู่ พร้อมกับงานปลุกเสกวัตถุมงคลอีก ๑ งาน ก็ต้องขอสัตตาหะฯ เช่นกัน

ในส่วนนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของพระที่จะดูแลหรือว่าประพฤติปฏิบัติกันเอง แต่ว่าญาติโยมฟังไว้เป็นข้อมูลก็ดี อย่างเช่นช่วงสงคราม ๕ วันที่ไทยรบกับเขมรที่ผ่านมา ทางราชการไปขอร้องให้พระท่านย้ายออกจากวัดไปที่ศูนย์อพยพ พระท่านบอกว่าในเมื่อไม่แน่ใจว่าจะต้องย้ายนานเท่าไร เกรงว่าจะขาดพรรษา จึงขออยู่กับวัด พูดง่าย ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นจะรับผิดชอบชีวิตของท่านเอง..!

แล้วมีคนสงสัยว่า ถ้าหากว่าไปเกินเวลาลักษณะแบบนั้น ถือว่าขาดพรรษาหรือไม่ ? อันดับแรกเลย ถ้าหากว่ามีการขอสัตตาหะกรณียะ กลับมาก่อนสว่างของคืนที่ ๗ ไม่ขาดพรรษา

ประการที่สอง ถ้าหากว่าขอสัตตาหะฯ ไม่ทัน อย่างเช่นว่าวิ่งหนีลูกระเบิด ออกพ้นเขตที่ตนเองจำพรรษาไป แล้วไม่สามารถที่จะกลับมาได้ เพราะว่ามีการรบติดพันอยู่ ขาดพรรษาแต่ไม่ต้องอาบัติ ก็คือพระสงฆ์ของเราถ้าไม่จำพรรษา จะโดนปรับอาบัติปาจิตตีย์ข้อ "ไม่เอื้อเฟื้อพระวินัย" แต่ถ้าเป็นเหตุจำเป็นดังที่ได้กล่าวมา ถึงขาดพรรษาก็ไม่ต้องอาบัติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2025 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-08-2025, 01:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,002
ได้ให้อนุโมทนา: 159,710
ได้รับอนุโมทนา 4,501,598 ครั้ง ใน 36,613 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งก็คือ ถ้าหากว่าอยู่ในลักษณะนั้น ก่อนพ้นคืนนี้เราไปอธิษฐานจำพรรษาในที่ใหม่ได้เลย เขาเรียกกันง่าย ๆ ว่า "จำพรรษาหลัง" บุคคลจำพรรษแรกก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เขาเรียกว่า "จำพรรษาแรก"

แต่ถ้าเป็นการ "จำพรรษาหลัง" จะเริ่มตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ คือพรุ่งนี้เป็นต้นไป ไปออกพรรษาวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ คือวันลอยกระทง ถ้าลักษณะนี้ ท่านได้อานิสงส์จำพรรษาเช่นกัน พรรษาไม่ขาด แต่ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ เพราะว่าวันทอดกฐินวันสุดท้ายก็คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ก็คือวันลอยกระทง ตนเองกว่าที่จะปวารณาได้ก็ต้องพ้นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ไปแล้ว ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะได้รับกฐิน

ในส่วนนี้จะว่าไปแล้ว พวกเรารับทราบไว้เป็นข้อมูลก็พอ เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นภาระของพระภิกษุสามเณรของเรา ยกเว้นญาติโยมบางท่านที่มีปฏิปทาเลียนแบบพระภิกษุสงฆ์ จะจำพรรษาตูก็ลองจำบ้าง อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะว่าอย่างเช่นโคปกะอุบาสก เป็นฆราวาสแต่รักษาศีล ๑๐ เหมือนสามเณร ก็ถือว่าเป็นอานิสงส์ส่วนตัวที่ปฏิบัติเคร่งครัดกว่าผู้อื่น แต่อย่าถึงขนาดรักษาศีล ๒๒๗ ข้อแบบพระ เนื่องเพราะว่าเป็นการหาความลำบากใส่ตัวเปล่า ๆ

อีกส่วนหนึ่ง ช่วงนี้บรรดาพระภิกษุสงฆ์ ตลอดจนกระทั่งตำรวจ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ตำรวจได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชามาขอข้อมูลวัด ส่วนพระภิกษุสงฆ์ก็ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มอบข้อมูลกับทางตำรวจ แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่ามีปัญหาขึ้นมาก็ต้องแก้ไขกันไม่รู้จบ..!

เนื่องเพราะว่ามีบุคคลที่โดนฟ้องร้องอยู่สองราย รายแรกเป็นตำรวจยศพันตำรวจโท ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชนได้ ก็คือสามารถเข้าไปดูข้อมูลที่ทางกระทรวงมหาดไทยเก็บเอาไว้ได้ แล้วก็เข้าไปดูจนนับครั้งไม่ถ้วน คัดลอกข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อีกท่านหนึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีเงินฝากของทุกคนได้ ก็คัดลอกข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นกัน ทั้งสองรายถูกจับและส่งฟ้องศาล แต่จนป่านนี้เรื่องยังเงียบฉี่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2025 เมื่อ 17:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-08-2025, 01:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,002
ได้ให้อนุโมทนา: 159,710
ได้รับอนุโมทนา 4,501,598 ครั้ง ใน 36,613 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ข้อมูลส่วนตัวของพระภิกษุ ของไวยาวัจกร และของกรรมการวัด ก็อยู่ในลักษณะข้อมูลส่วนตัว ที่อาจจะโดนขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อถึงเวลา ถ้าหากว่ามีปัญหาเกิดขึ้น ใครจะรับผิดชอบตรงส่วนนี้ ? ต่อให้ทุกคนรู้เท่าทันก็ต้องรำคาญที่พวกนั้นโทรมาไม่แล้วไม่เลิก แล้วอีกอย่างหนึ่ง ในสมัยนี้แค่รู้ข้อมูลบัญชีเงินฝากก็พอแล้ว ที่เหลือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถที่จะเข้าถึงเงินฝากของเรา และโยกย้ายไปให้ตัวเองได้เลย..!

จะว่าไปแล้ว เรื่องเหล่านี้ถ้าหากว่าพระเราไว้ใจไม่ได้ ถึงขนาดกลายเป็นภัยคุกคาม ต้องตามเก็บข้อมูลกันแบบนี้ แล้วจะให้เราไว้ใจบุคคลที่เก็บข้อมูลไปได้อย่างไร ? จึงกลายเป็นปัญหาแบบงูกินหาง ก็คือวนไปวนมา ไม่รู้จบ ประมาณ "พายเรือในอ่าง..!"

โดยเฉพาะหลวงปู่หลวงตาพระบ้านนอก ไม่มีความรู้อะไร ก็มักจะโดนข่มขู่ ไม่ใช่ในลักษณะไปขอแบบให้เกียรติ คำพูดชุ่ย ๆ ประเภทที่ว่า "ถ้าไม่ได้ทำผิดต้องกลัวอะไร ?"
ก็ลองอยู่ ๆ ตำรวจบุกบ้านมึงไป ๗ คน ๘ คนขอข้อมูลดู ต่อให้มึงไม่ผิดอะไร ชาวบ้านเขาก็มองในแง่ไม่ดีไปแล้ว สารพัดที่เขาจะคิด สารพัดที่เขาจะพูด กลายเป็นจำเลยสังคมไป ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยนั่นแหละ..!

เรื่องพวกนี้ จริง ๆ แล้วต้องปล่อยให้คณะสงฆ์จัดการกันเอง เพราะว่าคณะสงฆ์ของเรามีทั้งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ที่เป็นกฎหมาย มีทั้งระเบียบ มีทั้งมติของมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นกฎหมายลูกออกมาอีก แล้วยังมีกฎนิคหกรรม เอาไว้สำหรับจัดการพระภิกษุสามเณรที่กระทำผิดอีก แต่ว่าตอนนี้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ก็ดี ระเบียบ มติ คำสั่งมหาเถรสมาคมก็ดี กฎมหาเถรสมาคมก็ดี ไม่มีความหมายทั้งสิ้น เพราะว่าทางคณะสงฆ์เราไปยื่นดาบให้เขาฟันหัวตัวเอง..! สิ่งที่ตนเองกำหนดเอาไว้ก็เลยกลายเป็น "เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า" มีระเบียบปฏิบัติอยู่แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะตั้งใจที่จะมองข้ามไปด้วยตนเอง..!

กระผม/อาตมภาพสงสารบรรดาพระเถระในมหาเถรสมาคมเป็นอย่างยิ่ง คงต้องประชุมวาระพิเศษกันในวันสองวันนี้อีก แล้วก็มาแก้ปัญหาที่ตนเองสร้างขึ้นอีก แต่ละรูปแต่ละท่านล้วนแล้วแต่อายุมาก ๆ ไม่ทราบว่าสุขภาพร่างกายจะแข็งแรงพอที่จะรับแรงเสียดทานได้หรือไม่ ? ก็ต้องปล่อยแล้วแต่เวรแต่กรรมของท่านไปก็แล้วกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2025 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว