กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-04-2025, 17:42
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 18-04-2025, 21:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปเยี่ยมพระนักเรียนบาลี ของสำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีวัดท่าขนุน ซึ่งไปเก็บตัวเพื่ออบรมก่อนเข้าสอบบาลีสนามหลวงรอบที่สอง ที่วัดพุทธบริษัท หมู่ที่ ๓ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

หลังจากที่ฉันเพลร่วมกันแล้ว ก็ได้เดินทางไปยังวัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อปฏิบัติภารกิจสองรายการด้วยกัน

งานแรกก็คือถวายมุทิตาสักการะหลวงพ่อสิงห์โต (พระครูโสภณคุณาธาร) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าอาวาสวัดสาลี (บางปลาม้า) ต้องเรียกท่านว่า "ศิษย์พี่" เพราะว่าท่านเป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เหมือนกัน ท่านได้นิมนต์
กระผม/อาตมภาพมาในงานทำบุญอายุวัฒนมงคล ๗๑ ปีของท่าน แต่พอดีไปตรงกับงานของท่านเจ้าคุณหลวงตา (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) จึงต้องขอมุทิตาสักการะท่านในวันนี้

อีกงานหนึ่งก็คือมากราบถวายน้ำสรง และขอพรพระเถระของจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งประกอบไปด้วย หลวงปู่สมบุญ (พระครูสุวรรณธรรมานุยุต) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดลำพันบอง อายุ ๑๐๔ ปี

หลวงพ่อเจ้าคุณสะอิ้ง - พระธรรมพุทธิมงคล (สะอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ. ๘) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร อายุ ๙๑ ปี

หลวงพ่อเจ้าคุณเชษฐา - พระเทพปริยัติกวี (เชษฐา ฉินฺนาลโย ป.ธ. ๙) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณภูมิ อายุ ๘๗ ปี

แล้วก็หลวงพ่อเจ้าคุณทับทิม - พระมงคลกิตติวิบูลย์ (ทับทิม กิตฺติเสโน ป.ธ. ๔) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดวิมลโภคาราม อายุ ๘๔ ปี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2025 เมื่อ 00:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 18-04-2025, 21:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บรรดาพระเถระที่ประกอบไปด้วยอายุกาลพรรษาของจังหวัดกาญจนบุรีก็มีน้อยลงไปทุกวัน กระผม/อาตมภาพนั้นถือว่า "ถ้าเราอาวุโสมากกว่า แล้วไปถวายน้ำสรงแก่ผู้ที่อาวุโสน้อยกว่า จะเป็นการสร้างบาปสร้างกรรมเสียเปล่า ๆ" ในเมื่อมีพระเถระของจังหวัดสุพรรณบุรีที่อายุกาลพรรษามากกว่าอย่างแน่นอนแบบนี้ จึงได้เดินทางมาร่วมถวายน้ำสรง และขอพรในโอกาสวันปีใหม่ไทยด้วย ในระหว่างเดินทางกลับจังหวัดกาญจนบุรี จึงได้มาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เพื่อ "เล่าความหลัง" ของเรากันต่อไป

สภาพสังคมรอบบ้านตอนที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ ในช่วงเล่าความหลังนั้น
เป็นสังคมที่ผู้คนอยู่ในศีลกินในธรรม โดยเฉพาะรักชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมาก ไม่มีใครยอมทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหาย เพราะว่าจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเขาไป เรียกง่าย ๆ ว่า "อายไปยันลูกบวช"

มีรุ่นพี่คนหนึ่งเป็นผู้หญิง เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ อายุมากกว่ากระผม/อาตมภาพ ๑ ปี ท้องในระหว่างที่เรียนอยู่ ต้องย้ายหนีจากจังหวัดนครปฐมลงไปที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเลย ขนาดนั้นยังตกเป็นขี้ปาก ให้เขายกเป็นตัวอย่างแก่ลูกแก่หลานไปอีกหลายปี..! ดังนั้น..ทุกคนจึงรักชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมาก โดยเฉพาะในส่วนของศักดิ์ศรี ต่อให้ลำบากยากจนขนาดไหนก็ตาม ก็รักเกียรติรักศักดิ์ศรีของตนเอง พูดง่าย ๆ ว่าไม่ขอใครกิน เป็น "ชาติเสือจับเนื้อกินเอง" เหล่านี้เป็นต้น

แล้ว
กำลังใจของผู้คนก็ค่อนข้างละเอียดลออ อย่างเช่นว่าถ้าไปวัด โยมแม่ก็จะให้หยิบก้อนดินในไร่ของตนเองติดหาบไปด้วยก้อนหนึ่ง เมื่อไปถึงวัดก็โยนเอาไว้ในเขตวัด เป็นการป้องกันว่าเวลาเราเดินเข้าเดินออกแล้ว มีดินของสงฆ์ติดเท้าไป จะเป็นบาปเป็นกรรมเสียเปล่า ๆ เช่นนี้เป็นต้น

ถึงเวลาเจอพระภิกษุเดินสวนมา ถ้าหากว่าเป็นผู้ชายก็ต้องหลีกลงข้างทาง เป็นผู้หญิงก็ต้องนั่งกราบลงกับพื้น ซึ่งกระผม/อาตมภาพมาเจอในภายหลังที่อำเภอทองผาภูมินี่เอง บรรดาพี่น้องชาวมอญพม่ายังคงปฏิบัติตนแบบนี้กันอยู่ อย่างวันนี้ที่เดินบิณฑบาต เมื่อถึงเวลาพระเณรข้ามถนน บรรดาพี่น้องมอญพม่า ไม่ว่าจะขับรถเก๋ง รถกระบะ หรือว่ารถมอเตอร์ไซค์ก็ตาม ต่างก็พากันหยุด เพื่อให้แถวพระข้ามไปจนครบก่อนถึงจะวิ่งต่อไป ไม่เหมือนกับทางกรุงเทพฯ พระเดินผ่านไปรูปหนึ่งหรือว่าเณรเดินผ่านไปรูปหนึ่ง มอเตอร์ไซค์ก็แหวกผ่านไปคันหนึ่ง..! เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2025 เมื่อ 00:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 18-04-2025, 21:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งก็คือมีการแต่งกายที่เรียบร้อยมากเวลาไปวัด ถ้าไม่ใช่บรรดาผู้ที่อายุมากแล้ว ไปอยู่วัดเพื่อถือศีล ๘ หรือว่าศีลอุโบสถ ซึ่งมักจะต้องนุ่งขาวห่มขาวไป ถ้าเป็นผู้ชายก็จะมีผ้าขาวม้าพาดบ่าไปด้วย ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะมีผ้าสะไบพาดบ่าไปด้วย แต่ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงทั่ว ๆ ไป เวลาไปวัด ก็จะนุ่งผ้าถุง ซึ่งเรียกกันง่าย ๆ ว่า "ผ้าซิ่น" แล้วก็ใส่เสื้อแขนยาวแบบแขนกระบอก กลัดกระดุมมิดชิด

ไม่ไปโชว์ว่าแม่ให้ตนเองมาเท่าไรอย่างกับสมัยนี้..! การแต่งเนื้อแต่งตัวต้องเรียบร้อยเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้ว
เขาดูกระทั่งกริยามารยาท และข้าวปลาอาหารที่นำไปถวายพระ เพื่อเป็นการประเมินว่าลูกสาวบ้านนี้ทำกับข้าวกับปลาเก่งหรือไม่ ? เหล่านี้เป็นต้น

โดยเฉพาะ
มีค่านิยมในการใช้ขันเงินขันทอง เพื่อที่จะใส่ข้าวไปถวายพระ ถ้าหากว่าผู้ที่มีฐานะร่ำรวยเป็นเศรษฐี อย่างเช่นว่าลูกสาวของอาประเสริฐ โตทับ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเรียกเป็นพี่ ก็จะมีขันทองใส่ข้าวไปถวายพระ ที่บ้านเองถึงแม้ว่าฐานะไม่ดีมาก แต่ว่าพี่สาวก็ช่วยกันทำงานเก็บเงิน จนกระทั่งสามารถที่จะหาขันข้าว พานรอง ตลอดจนทัพพีทำด้วยเงินแท้ได้

เนื่องเพราะเชื่อกันตามที่ในนิทานซึ่งเล่ากันว่า พระอาทิตย์นั้นได้ใช้ขันทองคำในการใส่ข้าวถวายพระ จึงไปเกิดเป็นสุริยเทพบุตร มีวิมานทองคำสว่างไสวไป ๘,๐๐๐ โยชน์ พระจันทร์นั้นใช้ขันเงินใส่ข้าวไปถวายพระ จึงมีวิมานเงินสว่างไสวไป ๘,๐๐๐ โยชน์ ส่วนราหูซึ่งเป็นน้องเล็กสุด หาอะไรไม่ได้ ก็เอาข้าวใส่กระบุงไปถวายพระ ทำให้เกิดมารูปชั่วตัวดำ คนสมัยนั้นจึงมีค่านิยมในการที่จะใช้ขันเงินขันทองในการใส่ข้าวไปถวายพระ

ถ้าหากว่าหาไม่ได้จริง ๆ อย่างน้อยก็ต้องเป็นขันทองเหลืองอย่างหนา ที่เรียกกันว่า "ขันลงหิน" ก็คือตีขึ้นรูปแล้วใช้หินลับมีดขัดเสียจนกระทั่งเรียบลื่น เพื่อที่จะนำไปใส่ข้าวหรือว่าใส่บาตรพระที่หน้าบ้านทุกวัน ค่านิยมเหล่านี้นั้นไม่ได้มีอยู่ทั่วไปในปัจจุบันนี้ แต่ว่าสมัยนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติกันเลยทีเดียว

เมื่อโยมพ่อเจ็บไข้ได้ป่วย โยมแม่ซึ่งต้องเลี้ยงลูกตั้งหลายคน บรรดาพี่สาวก็เริ่มแต่งงานออกไป พี่ชายก็แต่งสะใภ้เข้ามา จึงทำให้ฐานะทางบ้าน "ชักหน้าไม่ถึงหลัง" ต้องไปเที่ยวหยิบยืมญาติพี่น้องของตนเอง จนกระทั่งกลายเป็นหนี้เป็นสินจำนวนมาก แล้วก็ตกเป็นขี้ปากของญาติพี่น้องเขาทั่วไป ภายหลังไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนก็มีแต่คนเบือนหน้าหนี แต่ว่าอาประเสริฐซึ่งเป็นผู้ที่นับถือกัน ในลักษณะของพี่น้องกับโยมพ่อเท่านั้น ท่านเป็นเจ้าของโรงสี กลับเป็นคนที่ช่วยเหลือครอบครัวของกระผม/อาตมภาพเอาไว้มากที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2025 เมื่อ 00:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 18-04-2025, 22:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จนกระทั่งหลังจากที่โยมพ่อได้เสียชีวิตลง เมื่อทำศพโยมพ่อแล้ว บรรดาพี่น้องทุกคนก็โหมทำงานกันเป็นบ้าเป็นหลัง จนสามารถที่จะใช้หนี้ได้หมดสิ้นภายใน ๓ ปี แล้วก็ "ลืมตาอ้าปาก" กันขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง บรรดาพี่น้องที่ห่างเหินไปจึงค่อยกลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง เพราะมั่นใจว่าคราวนี้ไม่มีการยืมเงินกันอีกแล้ว..!

กระผม/อาตมภาพเองค่อนข้างที่จะคิดมาก แม้ว่าจะเป็นเด็กอยู่ยังรู้สึกว่า "ทำไมญาติผู้ใหญ่ที่สามารถช่วยได้กลับไม่ช่วย ผู้ที่ช่วยกลับกลายเป็นคนอื่น ซึ่งไม่ใช่ญาติพี่น้องกันเอง ?" เพียงแต่เคารพนับถือกันในลักษณะเป็นเพื่อนฝูงเท่านั้น กลับช่วยโยมพ่อมามากที่สุด

ในช่วงที่โยมพ่อเสียชีวิตลงนั้น กระผม/อาตมภาพเองจำได้แม่นยำที่สุด เนื่องจากว่าวันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘ พระธาตุพนมพังถล่มลงมา..! ในช่วงเย็นวันนั้น โยมพ่อที่ป่วยอยู่ในลักษณะติดเตียง อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมา ดูท่าแข็งแรง สามารถที่จะเดินไปห้องอาบน้ำได้ด้วยตนเอง เมื่อกระผม/อาตมภาพอาบน้ำเปลี่ยนผ้าให้โยมพ่อแล้ว ท่านก็ยังสามารถที่จะตักข้าวกินเองได้ ไม่ต้องให้ป้อน พี่สะใภ้ดีใจมาก บอกว่า "ดูท่าเตี่ยจะหายดีแล้ว"

แต่ว่าโยมแม่ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์มามาก บอกว่า "ให้รีบโทรเลขบอกญาติพี่น้องทั้งหมดโดยด่วน บอกว่าให้มาภายในวันนี้เลย เพราะว่าลักษณะแบบนี้ เขาเรียกว่าเปลวเทียนวูบสุดท้าย ซึ่งมักจะทำให้ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยหนัก ๆ ได้สติคืนมา สามารถสั่งเสียสิ่งต่าง ๆ ได้แล้วถึงจะได้เสียชีวิตลง" ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น

หลังจากที่กินข้าวกินปลา และกินยาเรียบร้อยแล้ว โยมพ่อก็หลับลึกไปเลย ไม่มีการเรียกให้นวดอีกเหมือนอย่างทุกวัน ไม่ว่าใครจะไปจะมา ถึงเวลาไปสะกิดหรือว่าเรียก ก็จะส่งเสียง "อือ..อือ" รับเท่านั้นเอง จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ก็คือวันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘ ประมาณช่วงบ่ายโมง ท่านก็หมดลมหายใจไปเฉย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2025 เมื่อ 00:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 18-04-2025, 22:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มากว่า ในครอบครัวของกระผม/อาตมภาพนั้น นอกจากคุณย่า ซึ่งก่อนเสียชีวิตมีการอาละวาดฟาดหัวฟาดหาง เนื่องเพราะว่าเห็นบุคคลมารับอยู่ในลักษณะที่ว่า "ให้ไปด้วยกันได้แล้ว" แต่ว่าย่าไม่ยอม ก็เลยใช้ไม้เท้าตีให้มั่วไปหมด ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานเข้าใกล้ ก็คิดว่าคนจะมาเอาชีวิต ฟาดจนกระทั่งหัวปูดหัวโนไปตาม ๆ กัน..! แต่ท้ายที่สุด ย่าก็เสียชีวิตอยู่ดี

ส่วนคุณตานั้น เรียกพวกกระผม/อาตมภาพ ซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพเพิ่งอายุประมาณ ๒ ขวบครึ่งถึง ๓ ขวบเท่านั้น ไปล้อมรอบเก้าอี้ที่ท่านนั่งอยู่ แล้วก็สั่งความว่า "ตาอายุมากแล้ว เป็นคนแก่ก็คล้ายกับผลไม้สุก ถึงเวลาจะร่วงจากขั้วเมื่อไรก็ไม่รู้ ? ถ้าหากว่าตาตาย พวกแกไม่ต้องร้องไห้เสียใจนะ..!" แล้วก็ขอข้าวกิน ๑ ชาม หลังจากนั้นก็นอนหลับไปเฉย ๆ หมดลมหายใจไปตอนไหนก็ไม่มีใครรู้ ?! เห็นว่ามืดค่ำแล้วไปเรียก เพราะกลัวว่าจะโดนยุงกัด ปรากฏว่านอนแข็งไปแล้ว..!

แล้วคุณยายก็อยู่ในลักษณะอย่างนี้ มาเสียชีวิตหลังจากที่กระผม/อาตมภาพบวชได้ ๔ พรรษาแล้ว คุณยายเองเห็นกระผม/อาตมภาพมาหาตั้งแต่ตอนช่วงเช้า จึงทำให้ทางบ้านรีบโทรไปที่วัดท่าซุง กระผม/อาตมภาพจึงกราบลาหลวงพ่อฤๅษีฯ ขออนุญาตมาเยี่ยมคุณยาย

ปรากฏว่าพอมาถึง เจอน้าคนโตคอยเรียกอยู่ตลอดเวลา จึงได้บอกว่า
"ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปห้ามทุกคนเรียกเด็ดขาด" เพราะว่าจิตของยายนั้นเป็นสมาธิ ทรงตัวเป็นแก้วทั้งดวง อยู่ในลักษณะที่ว่าเข้าสมาธิลึก แล้วก็โดนน้าไปเขย่าจนหลุดออกมาอยู่เรื่อย

กระผม/อาตมภาพกระซิบบอกยายว่า "ให้ตั้งใจฟังพระสวดมนต์นะ ถ้าหากว่าเห็นภาพพระก็ไปไหว้พระเลย ไม่ต้องห่วงใคร เพราะว่ายายต้องไปตามกำหนดที่เขาบอกไว้แล้ว" คือคุณยายเห็นมีราชรถมารับตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ๓ ปี ท่านใช้คำว่า "มีคนแต่งตัวเหมือนลิเก เอาเกวียนสวย ๆ มารับ แต่ยายเป็นห่วงพวกแก เลยบอกว่ารอให้หลานโตก่อน แล้วเขาก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นอีก ๓ ปีถึงจะมารับ" แล้วก็ตรงกับเวลาที่ยายเล่าให้ฟังพอดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2025 เมื่อ 00:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 18-04-2025, 22:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,282 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงย้ำให้ยายภาวนาเป็นประจำ ๆ เพราะว่าถึงเวลาเขาจะมารับจริง ๆ ยายก็ยังปรารภว่า "มีแต่พระนี่แหละที่เชื่อ พอบอกคนอื่นเขาหาว่าฉันเพ้อทั้งนั้น..!" แล้วถึงเวลายายก็หลับลึก จิตนิ่งใสทั้งดวง จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นก็เสียชีวิตไปเฉย ๆ เหมือนกัน..!

แล้วมาปี ๒๕๕๑ โยมแม่ก็อยู่ในอาการเดียวกัน เมื่อสวดมนต์แล้วบอกให้ท่านเกาะพระ ที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าภาพสร้างที่วัดหนองหญ้าปล้อง เป็นพระสมเด็จองค์ปฐมหน้าตักตั้ง ๔๐ ศอก ขอให้นึกถึงบุญตรงนี้เอาไว้ แล้วโยมแม่รับปาก "อือ..อือ" เสร็จเรียบร้อยก็หลับยาวไปจนกระทั่งเสียชีวิตเช่นกัน

กระผม/อาตมภาพยังคิดว่า แม้พวกเราจะสร้างบาปสร้างกรรมเอาไว้ เพราะว่าจะต้องเลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน เลี้ยงครอบครัวก็จริง แต่ว่าถึงเวลาก็ตายดีตายสบายกันทุกคน ยกเว้นคุณย่าที่ไม่ยอมไป อาละวาดตบตีอยู่กับเทวทูตที่มารับอยู่หลายวัน กว่าที่เขาจะหาช่องเอาไปได้..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คิดว่าถ้าตัวเองถึงเวลาตายก็น่าจะไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนัก..!

สำหรับวันนี้ก็เล่าเลยในช่วงที่ตนเองต้องการจะกล่าวถึงไปเสียนาน พรุ่งนี้คงต้องย้อนกลับมาใหม่ในช่วงที่ยังเรียนชั้นมัธยมอยู่

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2025 เมื่อ 00:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว