#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๘
|
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๓๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ อีก ๗ วันก็จะออกพรรษาแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะพระ หรือพรหม หรือเทวดา ก็ต้องถือเป็นภาระอันหนัก เพราะว่าสถานการณ์ประเทศชาติทั้งในและนอกประเทศจะแรงมาก มีญาติโยมบางท่านถามว่าสงครามใหญ่จะเกิดเมื่อไร อยากจะยันให้หงายท้องอยู่ตรงนั้นเลย..! เกิดมาเป็นปีแล้วมึงยังไม่รู้ตัวอีก ?
เรื่องพวกนี้ขึ้นอยู่กับหลายประการด้วยกัน ถ้าอย่างของเขมรที่ตั้งท่าจะรบกับเรา เพื่อสร้างคะแนนนิยมในหมู่ประชาชนนั้น ต้องบอกว่าไม่เจียมตัวเป็นอย่างยิ่ง..! เพราะว่าอันดับแรกเลย ไม่ว่าจะเป็นอาวุธทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ของเราเหนือกว่าทั้งหมด ถ้าไม่ใช่วิธีลอบกัดแบบย่องเข้ามาวางกับระเบิดแล้ว ที่เหลือปะทะกันเมื่อไรก็เหมือนอย่างกับเราไปรังแกเด็กเมื่อนั้น ประการต่อไปก็คือเรื่องของเทคโนโลยีที่ใช้ผสานหน่วยรบเข้าหากัน แม้ว่าทางเขมรจะได้รับการสนับสนุนทั้งจากประเทศจีนและประเทศสหรัฐอเมริกา แต่บุคลากรของเขาที่จะใช้เครื่องมือเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพ หาได้ยากมาก ถ้าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า ทำไมประเทศจีนขอมาซ้อมรบกับประเทศไทย ? โดยเฉพาะกองทัพอากาศ ทั้ง ๆ ที่เทคโนโลยีของจีนในปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าล้ำยุคและล้ำโลกมาก ก็เพราะว่าความที่เคยซ้อมรบร่วมกันที่ผ่านมา นักบินไทยชนะนักบินจีนชนิด ๔ : ๐ ก็คือ สร้างสถานการณ์รบ ๔ ครั้ง จีนแพ้รูดทั้ง ๔ ครั้ง ทั้ง ๆ ที่อาวุธเขาก็ดีกว่า บุคลากรเขาก็ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มข้นกว่า แต่เขาแพ้ตรงการตัดสินใจเฉพาะหน้า ก็คือทหารจีนได้รับการอบรมมา ในลักษณะให้เชื่อเครื่องมือมากกว่าเชื่อตัวเอง ก็เลยทำให้ทุกครั้งที่ปะทะกัน ทหารอากาศจีนเขายอมรับว่า ทหารอากาศไทยเหนือกว่ามาก จึงต้องการที่จะมาซ้อมรบร่วมด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-10-2025 เมื่อ 01:17 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ประการต่อไปที่บอกว่าเขมรไม่เจียมตัวเลยก็คือ พื้นฐานเศรษฐกิจสู้ไทยไม่ได้ ล้าหลังหลายสิบปี การรบไม่ใช่รบกันเฉย ๆ ที่แนวหน้า แต่ว่าทรัพยากรหรือถ้าภาษาราชการ ท่านใช้คำว่าสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องพร้อมสมบูรณ์ ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างชนิดต่อเนื่องไม่ขาดสาย ถ้าสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเป็นทหารอยู่ ๑ กรมทหารราบ จะประกอบไปด้วย ๓ กองร้อยอาวุธเบา ๑ ตอนยานยนต์ ๑ ตอนรักษาพยาบาล ๑ กองร้อยขนส่ง และ ๓ กองร้อยสนับสนุนการรบ และ ๓ กองร้อยสนับสนุนช่วยรบ
เราจะเห็นว่าการสนับสนุนสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ฝ่ายอำนวยการทั้ง ๕ ฝ่ายของทหารที่ใช้ตัวย่อว่า ฝ.อ. แต่ด้วยความที่ ฝ.ฝา กับ อ.อ่าง อยู่ติดกันเขาก็เลยเรียกย่อ ๆ ว่า ฝอ. ฝอ. ๑ ดูแลด้านกำลังพล ฝอ. ๒ ดูแลเรื่องข่าวกรอง ฝอ. ๓ ดูแลการวางแผนยุทธการ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะจดจำถูกหรือเปล่า ? โดยจะมี ฝอ. ๔ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุด ก็คือสนับสนุนสิ่งอุปกรณ์ แล้วยังมี ฝอ. ๕ ที่ดูแลกิจการพลเรือน โดยเฉพาะปฏิบัติการทางจิตวิทยา ประการต่อไปถือว่าเป็นประการสุดท้าย ก็คือขวัญและกำลังใจของทหารเหนือกว่ากันอย่างชนิดประเมินไม่ได้ ล่าสุดเพิ่งได้ข่าวจากทางด้านเขมร ซึ่งบุคคลสำคัญของเขาก็คือ ฮุน มานา ๑ ในตระกูลที่กินแผ่นดินเขมรจนยับเยิน หลุดข้อมูลออกมาว่าการปะทะกัน ๕ วันที่ผ่านมา เขมรสูญเสียทหารไป ๘,๐๐๐ กว่านาย เราจะเห็นได้ว่าจำนวนยอดผู้เสียชีวิตต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว โดยเฉพาะของเขาเสียผู้นำระดับนายพลสำคัญไป ๒ นาย แต่ว่าเรื่องพวกนี้ ถึงแม้ว่าเราจะเหนือกว่าทุกรูปแบบก็จริง แต่ถ้าไม่ต้องรบได้จะดีที่สุด เพราะว่าการรบนั้น ไม่ว่าจะมากจะน้อยก็ต้องสูญเสีย อันดับแรกเลยก็คืออาวุธที่ใช้ไป ซึ่งก็คืองบประมาณแผ่นดินจากภาษีอากรทั้งนั้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-10-2025 เมื่อ 01:20 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ประการต่อไปก็คือการบาดเจ็บล้มตายของกำลังพล ตลอดจนกระทั่งชาวบ้านผู้เคราะห์ร้าย
และส่วนที่เราอาจจะมองไม่เห็นก็คือ ถ้าหากว่าทุ่มเทงบประมาณลงไปกับการรบ ก็ไม่สามารถที่จะหางบประมาณไปสนับสนุนงานด้านอื่น ๆ ของประเทศชาติได้ จึงเป็นเรื่องที่ตั้งความหวังไว้อย่างยิ่งว่าถ้าไม่รบได้จะดีที่สุด แต่ถ้าเวรกรรมมาถึงจริง ๆ เขมรยั่วยุไม่เลิก ก็คงต้องมีการจัดการกันแบบหนัก ๆ ให้หลาบจำไปอย่างน้อย ๆ ก็สักชั่วอายุคนหนึ่ง..! แต่คราวนี้สถานการณ์การรบที่ชายแดนยังไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับว่า ผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองที่เป็นขวัญกำลังใจให้กับประชาชนชาวไทย สุขภาพชำรุดกันเป็นแถว แล้วช่วงนี้ก็เป็นช่วงของรอยต่ออากาศ ซึ่งถ้าท่านทั้งหลายรู้จักสังเกตจะเห็นว่า คนแก่หรือคนป่วยก็ตาม มักจะเสียชีวิตช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือว่าปลายหนาวต้นร้อน หรือปลายร้อนต้นฝน เพราะว่าร่างกายไม่สามารถจะทนการเปลี่ยนแปลงของอากาศที่รุนแรงได้ อีกประการหนึ่งก็คือสถานการณ์โลกก็สุกงอมมาก ตอนนี้ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่าใครจะสิ้นสติ "เปิด" ก่อน..! ถ้าหากว่ายังฟัดกันแค่ที่เป็นอยู่ ก็ยังถือว่าอยู่ในการควบคุม แต่อยากจะบอกกับท่านทั้งหลายว่า ศาสนาอิสลามนั้นเขาถือว่าอิสลามิกชนทั่วโลกคือพี่น้องกัน ในเมื่อพี่น้องโดนรังแก ส่วนอื่นก็รอวัน "เอาคืน" แล้วถ้าการ "เอาคืน" ระเบิดขึ้นมาในระยะนี้ ก็จะอยู่ในลักษณะที่ก่อฟืนโหมไฟ จนสถานการณ์อาจจะยับยั้งไม่ได้ อีกต่อไป แล้วถ้าหากว่ามีการใช้ขีปนาวุธข้ามทวีป โดยเฉพาะหัวรบนิวเคลียร์ ก็จะอยู่ในลักษณะที่บางประเทศจะโดนลบออกจากแผนที่โลกไปเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากเห็น ตามที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เคยพูดเอาไว้ว่า สงครามโลกครั้งที่ ๔ ผู้คนจะรบกันด้วยก้อนหินและท่อนไม้ เพราะว่าครั้งที่ ๓ ได้ผลาญโลกไปจนไม่เหลืออะไรแล้ว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-10-2025 เมื่อ 01:23 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
คราวนี้เราท่านทั้งหลายที่เป็นพุทธศาสนิกชน สิ่งหนึ่งที่ช่วยได้ก็คือการเร่งการภาวนาให้กำลังใจของเราทรงตัวมั่นคง เหมือนอย่างกับหยดน้ำเล็ก ๆ ในสถานการณ์ที่ไฟล้อมมาทุกทิศ หยดเดียวอาจจะไม่เห็นผล แต่ถ้าหลาย ๆ หยดรวมกันก็อาจจะดับร้อนผ่อนเย็นให้ได้ในจุดใดจุดหนึ่ง
ซึ่งตรงนี้บรรดาผู้ที่ได้อภิญญาสมาบัติ ทั้งฝ่ายพระภิกษุ แม่ชี ฆราวาส แต่ละท่านล้วนแล้วแต่ได้รับคำสั่งว่าต้องทำอะไรทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ก็คือปกป้องคุ้มครองผู้ที่สร้างบุญสร้างกรรมร่วมกันมา อย่างแย่ที่สุดก็อย่าให้เสียชีวิต สูญเสียทรัพย์สินไม่เป็นไร ถ้าคนยังรอดอยู่ ท้ายสุดก็ต้องพลิกฟื้นคืนมาได้ ยกเว้นบรรดาท่านทั้งหลายซึ่งจะมีอุปฆาตกรรม ก็คือกรรมปาณาติบาตที่เคยฆ่าคน ฆ่าสัตว์ใหญ่ เข้ามาสนองในช่วงนี้พอดี ความจริงก็สามารถแก้ไขได้ ก็คือปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะโดนฆ่า อย่างเช่นว่าปลาหน้าเขียง หรือบรรดาสัตว์ที่โดนขายอยู่ในตลาดสด ซึ่งต้องตายแน่นอนอยู่แล้ว อย่างน้อยก็จะได้ผ่อนหนักเป็นเบาให้กับตนเอง แล้วส่วนที่เหลือก็พยายามสร้างบุญในศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งจะเป็นตัวหนีกรรมที่ดีที่สุด เพราะว่าเคราะห์กรรมทั้งหลายก็คือ การที่เราผิดศีลพลาดศีลในอดีตนั่นเอง กรรมทั้งหลายเหล่านี้ก็คอยตามเราอยู่ เหมือนหมาดุพร้อมที่จะกัดทันทีที่มีโอกาส ถ้าเราสร้างบุญสร้างกุศลให้มากขึ้น ก็เหมือนอย่างกับเราหนีห่างหมาดุนั้นออกไป ถึงแม้ว่าไม่สามารถจะสลัดทิ้งไปได้ แต่อย่างน้อย ๆ ก็ปลอดภัยได้ชั่วคราว สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-10-2025 เมื่อ 01:25 |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|