#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘
|
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ (วันอาสาฬหบูชา) ญาติโยมทั้งหลายยังคงมาทำบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ฟังธรรม สมาทานอุโบสถศีลกันตามปกติ ก็เป็นที่น่ายินดีว่า ท่ามกลางข่าวคราวเสียหายในวงการสงฆ์ ท่านทั้งหลายศรัทธายังไม่ได้ลดน้อยถอยลง
โดยเฉพาะญาติโยมทั้งหลายที่ใส่บาตรในตอนเช้า ซึ่งส่วนใหญ่พรรคพวกเพื่อนฝูงแจ้งมาว่าคนใส่บาตรน้อยลง แต่ทางทองผาภูมินั้น อาจจะเป็นเพราะว่ามีพี่น้องมอญพม่าอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านี้สามารถแยกแยะออกว่า อะไรเป็นเรื่องส่วนตัว อะไรเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนา จึงยังมีศรัทธาแน่นแฟ้นมั่นคงอยู่เหมือนเดิม กระผม/อาตมภาพไปพม่าอยู่หลายปีช่วงที่สร้างวัดหนองบัว ได้เห็นวัตรปฏิบัติของบรรดาญาติโยมทั้งหลาย ที่มีต่อพระภิกษุสามเณรแล้ว ก็ยังชื่นชมว่าพุทธศาสนิกชนในประเทศพม่านั้น สามารถที่จะแยกแยะออกว่าอะไรเป็นเรื่องส่วนตัว อะไรเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนา เนื่องเพราะว่าเวลาพระภิกษุสามเณรสึกหาลาเพศออกมา ก็คลุกคลีตีโมงสนิทสนมกันเลย แต่ทันทีที่กลับไปบรรพชาอุปสมบทใหม่ ก็น้อมหัวน้อมเกล้า กราบไหว้แบบศรัทธาเต็มที่ เป็นการแยกแยะออกว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวไทยของเราควรที่จะทำให้ได้อย่างนั้น เมื่อครู่นี้พวกเรามีการตีกลองระฆังย่ำค่ำ ซึ่งตอนตี ๓ ครึ่งก็จะมีระฆังย่ำรุ่ง ที่เป็นแบบอย่างปฏิบัติกันมานับร้อย ๆ ปีของวัดวาอารามในประเทศไทย แต่ปัจจุบันนี้มีหลายแห่งซึ่งบุคคลเข้ามาทีหลัง ไม่พยายามศึกษาเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมชาวพุทธ เมื่อถึงเวลาก็มีการฟ้องร้องกัน ว่าไปรบกวนเวลาพักผ่อนหลับนอน หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ของเขา เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายพยายามปรับให้เข้ากับสังคมมากจนเกินไป ก็อาจจะเสียหลักการได้ ดังนั้น..อะไรที่เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพระธรรมวินัยก็ดี เรื่องของวัฒนธรรมประเพณีก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ควรที่จะรักษาหลักการเอาไว้ก่อน ต่อให้ญาติโยมไม่เข้าวัดเข้าวาก็ไม่เป็นไร..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:36 |
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
กระผม/อาตมภาพมาอยู่ทองผาภูมิใหม่ ๆ เมื่อสร้างเกาะพระฤๅษีเสร็จ ก็มีการเปิดเสียงตามสายตามเวลา ก็คือตั้งแต่ตีสี่ , แปดโมงเช้า เที่ยงตรง สี่โมงเย็น และสองทุ่ม ปรากฏว่าเปิดแค่ไม่กี่วันเท่านั้น บรรดาพี่น้องมอญพม่าซึ่งทำงานอยู่กับศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ ก็อาศัยเสียงตามสายของสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีเป็นตัวบอกเวลา ถึงขนาดหัวหน้าคนงานบอกว่า "ยังไม่ได้เวลาเลิกงาน" แต่คนงานยืนยันว่า "หลวงพ่อเปิดเสียงตอนเที่ยงแล้ว..!"
โดยเฉพาะบรรดาหมาที่เลี้ยงเอาไว้ ซึ่งตอนแรกก็ไม่มีสักตัว อยู่นานไปก็มากันเป็นสิบ..! ทันทีที่เสียงตามสายรอบ ๔ โมงเย็นดังขึ้น พวกนี้จะกรูกันเข้ามารอ เพื่อที่จะรับขนมจากพระ เนื่องเพราะว่าเราเลี้ยงเขาเป็นเวลา แล้วเขาก็จดจำ ซึ่งตรงนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงบอกว่า ถ้าเขาจดจำเสียงตามสายก็เป็นธัมมานุสติ จดจำว่าได้รับอาหารจากพระภิกษุ ก็เป็นสังฆานุสติ ถ้าเขาจดจำแม่นยำ ตายไปจะได้เกิดเป็นเทวดาไปเลย..! จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าอิจฉามาก เนื่องเพราะว่าคนเราบางทีก็ฟุ้งซ่านเกินไป ทำความดีแล้วกำลังใจมีการคลอนแคลน ศรัทธามีการเสื่อมถอย จะใช้คำว่า "สู้หมาไม่ได้" ก็เกรงใจ..! แม้แต่พระสารีบุตรมหาเถระเจ้า ผู้เลิศด้วยปัญญา เป็นอัครสาวกเบื้องขวา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายกย่องให้เป็นพระธรรมเสนาบดี เมื่อถึงเวลามีบุคคลมานิมนต์ซ้อน ท่านก็ขอให้มหาเศรษฐีซึ่งนิมนต์ไว้ก่อน เลื่อนกิจนิมนต์ออกไปได้หรือไม่ ? เพื่อให้แก่บุคคลที่นิมนต์ใหม่ซึ่งมีความจำเป็นต้องรีบเดินทางไกลได้ทำบุญก่อน มหาเศรษฐีท่านนั้นกล่าวว่า ถ้าพระคุณเจ้าประกันให้กระผม ๓ เรื่องได้ กระผมก็ยินดีที่จะเลื่อนนิมนต์ให้ผู้อื่นก่อน เรื่องแรกก็คือ ทรัพย์สมบัติของกระผมจะต้องไม่เสื่อมถอยไปเสียก่อนที่จะได้ทำบุญ เรื่องที่สองก็คือ ชีวิตของกระผมจะไม่สิ้นลงไปก่อนที่จะได้ทำบุญ เรื่องสุดท้ายก็คือศรัทธาของกระผมจะต้องไม่ถอยลงก่อนที่จะได้ทำบุญ พระสารีบุตรกล่าวว่า เรื่องของสมบัติและอายุสามารถประกันให้ได้ แต่เรื่องของศรัทธาไม่สามารถที่จะประกันให้ได้ เพราะว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจ หรือว่าความคิดเฉพาะของเจ้าภาพ ถ้าเจ้าภาพเกิดศรัทธาถอยเอง ก็ไม่สามารถที่จะไปห้ามปรามได้ ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ถ้าไม่ใช่บุคคลที่เป็นพระอริยเจ้าแล้ว โอกาสที่ศรัทธาเสื่อมถอยจะมีมาก ถึงขนาดพระสารีบุตรเถระเจ้า ผู้เลิศด้วยปัญญา ยังไม่กล้าที่จะประกันเรื่องศรัทธาให้กับใคร..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:40 |
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ญาติโยมทั้งหลายที่มีความมั่นคง ยังมีศรัทธาไม่คลอนแคลน มาถือศีลปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะการบวชเนกขัมมะปฏิบัติเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ ๔/๒๕๖๘ โดยจะมีรุ่นที่ ๕ ช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าตามมาติด ๆ
ท่านทั้งหลายเมื่อมีความมั่นคง ระยะเวลาหยุดยาว ๆ ก็ไม่ได้ไปกินไปเที่ยวแบบคนอื่น แต่ว่าเข้าวัดมาถือศีล ฟังเทศน์ฟังธรรม มาปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเป็นการเดินจงกรม หรือว่าภาวนา แม้แต่เมื่อครู่ก็ได้ร่วมกันตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันนี้ ความมั่นคงของท่านทั้งหลายที่แสดงออก ก็แทบจะเป็นเครื่องประกันได้ว่า คติคือที่ไปของท่านทั้งหลายนั้น น่าจะมั่นคงกว่าคนอื่นเขา เนื่องเพราะว่าการสร้างความดีนั้น ต้องประกอบไปด้วย ๑) คติ ก็คือที่ไปอันมั่นคง จะบอกว่าเป็นที่เกิดของเราก็ได้ ๒) กาละ ก็คือเวลาที่เหมาะสม อยู่ในระยะเวลาที่โลกยังมีพระพุทธศาสนา มีหลักศีล สมาธิ ปัญญา สมบูรณ์พร้อม ๓) อุปธิ คือคุณสมบัติส่วนตัวสมบูรณ์บริบูรณ์ ไม่ง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่เป็นคนป่วยติดเตียง สามารถไปทำบุญทำกุศลได้ทุกเวลาที่ต้องการ ๔) ปโยค (ปะ-โย-คะ) คือความเพียรที่จะสร้างคุณงามความดี ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าพวกเรานั้นมาจากหลายจังหวัดด้วยกัน ถ้าเอาเฉพาะกรุงเทพมหานคร ต่อให้มีรถยนต์ส่วนตัวก็ต้องใช้เวลาประมาณ ๔ ชั่วโมง กว่าที่จะเดินทางมาถึงวัดท่าขนุน หากท่านทั้งหลายไม่มีความเพียร ไม่มีในส่วนของความมั่นคงในพระรัตนตรัย ท่านทั้งหลายก็จะไม่เดินทางมาในสถานที่ไกลจนปานนี้ อย่าว่าแต่หลายท่านซึ่งมาไกลกว่านั้นอีก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:41 |
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
สิ่งที่ท่านทั้งหลายกระทำ จึงเป็นการแสดงออกถึงกำลังใจที่มีความมั่นคง ประกอบไปด้วยสมบัติทั้ง ๔ อย่างครบถ้วน ก็คือ คติสมบัติ กาลสมบัติ อุปธิสมบัติ และปโยคสมบัติ ต้องบอกว่าเป็นผู้ที่ควรแก่ธรรม จึงควรที่จะตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติในทาน ในศีล ในภาวนาให้จริงจังและมั่นคง เพราะว่าสามารถที่จะหวังในสุคติได้เกือบที่จะแน่นอน ยกเว้นว่ามีอาสัณกรรมมาตัดรอนก่อนตายเท่านั้น
ถ้าท่านทั้งหลายสามารถที่จะปฏิบัติในสมาธิภาวนา จนกระทั่งสามารถทรงได้ทุกเวลาที่ต้องการ ก็เป็นการประกันว่าเราจะมีสุคติเป็นที่ไป หรือว่ามีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ว่าโลกของเราก็ตาม ร่างกายของเราก็ตาม ร่างกายของคนอื่นก็ตาม หรือว่าสัตว์อื่นก็ดี แม้กระทั่งวัตถุธาตุทั้งหลายก็เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด ไม่มีอะไรให้ยึดมั่นถือมั่นได้ แล้วถอนกำลังใจออกมาจากการยึดมั่นถือมั่นทั้งหลาย ถ้าถอนออกมาได้น้อย ท่านก็เข้าถึงธรรมน้อย ถอนออกมาได้ปานกลางก็เข้าถึงธรรมปานกลาง สามารถถอนออกมาได้ทั้งหมด ท่านก็มีโอกาสหลุดพ้น จากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน อีกสักครู่หนึ่ง เราจะทำวัตรค่ำ แล้วก็ไปเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา ให้ทุกท่านตั้งกำลังใจว่า สิ่งทั้งหลายที่เราทำนี้ก็เพื่อมีพระนิพพานเป็นที่ไป การกระทำของเราทั้งหมด ให้เป็นไปเพื่อพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา อานิสงส์ที่จะพึงมีพึงได้ ขอให้เราเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ถ้าสามารถตั้งกำลังใจอย่างนี้ไว้ได้ ทุกครั้งที่เรากระทำคุณงามความดี ท่านทั้งหลายก็จะมีสุคติเป็นที่ไปอย่างแน่นอน สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) | |
ทายก |
|
|