กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 31-12-2021, 21:18
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,599
ได้ให้อนุโมทนา: 219,376
ได้รับอนุโมทนา 766,675 ครั้ง ใน 37,529 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 31-12-2021, 22:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ สิ้นปี ๒๕๖๔ แล้ว เมื่อสักครู่นี้กระผม/อาตมภาพก็ไปร่วมงานเปิดถนนคนนั่งยองทองผาภูมิ ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีที่ ๑๓ แล้ว

เจตนาของการเปิดถนนคนนั่งยองทองผาภูมิ ส่วนที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ให้ชาวบ้านสามารถจำหน่ายสินค้ากับนักท่องเที่ยวได้ จะได้มีรายได้เข้าพื้นที่ของตน

อีกส่วนหนึ่งนั้นก็คือ เป็นการระลึกถึงวัฒนธรรมประเพณีเก่า ๆ ของทองผาภูมิ ที่ก่อนหน้านี้การซื้อขายก็คือการนั่งยอง ๆ ซึ่งถ้าหากว่าใครเคยเห็นรูปที่กระผม/อาตมภาพไปพม่ามา ที่เรียกว่า ยองยองเหลา ไม่ผิดหรอก..จะมีโต๊ะเตี้ย ๆ สูงสักคืบกว่า ๆ ให้วางของ แล้วก็มีเก้าอี้เล็ก ๆ ที่เตี้ยกว่าโต๊ะอีกให้หย่อนก้นลงนั่งได้ ก็เลยกลายเป็นครึ่งนั่งครึ่งยอง

ทองผาภูมิของเรา ในอดีตทำอย่างนั้นมาตลอด จนกระทั่งมีถนนสายใหม่ขึ้นมา ถึงได้เปลี่ยนแปลงสภาพชีวิตไปจากเดิม

อีกส่วนหนึ่งก็คือ ญาติโยมที่มางวดนี้จะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพให้พระช่วยกันประดับไฟสารพัดสีที่สะพานแขวนหลวงปู่สาย แล้วก็ลามเข้าไปถึงสวนสาธารณะตรงหัวสะพานด้วย ตรงจุดนี้ต้องบอกว่าเป็นการเสริมของเก่าให้ดีขึ้น ถ้าว่ากันตามหลักบริหารก็คือ ถ้าไม่ขายของเก่าก็ต้องขายของใหม่

แต่คราวนี้ของเก่า ถ้าหากว่าขายแต่ความเก่าอย่างเดียวก็ไปไม่รอด จึงต้องมีการเพิ่มเติมอะไรที่เป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วย ก็เพิ่มเติมในส่วนของแสงสีขึ้นมา แล้วก็จะมีงานแสดงของเด็ก ๆ ให้ดูอีกชุดหนึ่ง ซึ่งจะแสดงตอนทุ่มครึ่ง ถัดจากนี้ไปหลังจากเราทำวัตรเสร็จแล้ว

ตรงส่วนนี้ต้องบอกว่าเป็นการเอากิเลสมาล่อใจคน คือในส่วนที่ทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้นั้น ต้องประกอบไปด้วย อายุ อาหาร ไออุ่นหรือว่าปราณชีวิต และวิญญาณ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2022 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 31-12-2021, 22:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนของอาหารนั้น ประกอบไปด้วยกวฬิงการาหาร อาหารก็คือข้าว กับ น้ำ ขนม ทั่ว ๆ ไปที่เรากินลงไป ผัสสาหาร อาหารคือลมหายใจเข้าออก มีทั้งลมหยาบและลมละเอียด ถ้าหากว่าลมหยาบทั่วไปก็หายใจเข้าทางจมูก ทางปาก ถ้าเป็นลมละเอียด สามารถหายใจเข้าทางท้องแบบเด็กทารกในครรภ์ หรือหายใจเข้าทางรูขุมขนทั่วร่างกายได้

ข้อสุดท้ายคือวิญญาณาหาร อาหารที่สัมผัสด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตาเห็นรูปสวย ๆ ชอบใจ กระชุ่มกระชวย คึกคัก หูได้ยินเสียงเพราะ ๆ ชื่นใจ อยากฟังอีก กระตือรือร้น จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจครุ่นคิด ก็แบบเดียวกัน

คราวนี้ในเมื่อเอาส่วนของกิเลสมาหลอกล่อให้ญาติโยมมากัน ไม่เป็นการดึงให้ญาติโยมตกหล่มกิเลสหรือ ? ตรงนี้ต้องบอกว่า ถ้าเป็นญาติโยมทั่วไปเขาอยู่ในหล่มกิเลสถอนตัวยากอยู่แล้ว ก็เหมือนกันคนเปียกน้ำแล้ว ถึงจะให้เปียกฝนซ้ำก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร

ส่วนนี้เอาไว้สำหรับพวกเราต่างหาก..! ก็คือบุคคลที่เข้าวัด ถ้าหากว่าปฏิบัติไปถึงระดับหนึ่ง ต้องมีการทดสอบ ถึงจะรู้ว่าตนเองทำไปได้แค่ไหน ของทดสอบที่เห็นชัด ๆ อยู่อย่างนั้น เราชอบใจ ติดใจ หรือไม่ ? สามารถขับไล่ออกจากใจของเราได้เร็วช้าแค่ไหน ? เดี๋ยววันนี้เราไปวัดกัน...!

อีกส่วนหนึ่งก็คือ ญาติโยมที่มาสะพานแขวนหลวงปู่สาย จะรู้ว่านี่เป็นสะพานของวัดท่าขนุน ก็จะเลยเข้าวัดท่าขนุนมาทำบุญ มากราบพระพุทธรูปทองคำ นาก เงิน มากราบสังขารหลวงปู่สาย ตรงนี้ได้ทั้งพุทธานุสติ สังฆานุสติ ทำบุญก็ได้จาคานุสติ ได้ทานบารมี

ดังนั้น...เมื่อพิจารณาแล้วว่าลงทุนไปแล้ว กำไรมีมากกว่าก็ลงทุนได้ ส่วนคนที่จะหลงติดอยู่ตรงนั้นมีไหม ?...มี แล้วจะทำอย่างไร ?...ก็ต้องอุเบกขา มองเขาดิ้นเป็นแมลงวันติดใยแมงมุมไป เพราะว่าถ้ากำลังไม่พอ ต่อให้เราไม่ทำให้เขาติดอยู่ตรงนี้ เขาก็จะไปติดในที่อื่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2022 เมื่อ 03:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 31-12-2021, 22:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งของหลักการบริหารก็คือ ต้องสร้างของใหม่ ฟังจนลืมไปแล้วใช่ไหม ? เมื่อสักครู่นี้พูดถึงหลักการบริหารว่า อันดับแรกเลยคือ เสริมของเก่า ของเก่าที่ดีอยู่แล้ว ทำให้ดียิ่งขึ้น อีกส่วนก็คือการสร้างของใหม่

วัดท่าขนุนมีพระพุทธรูปทองคำ นาก เงิน มูลค่าหลายร้อยล้าน สร้างขึ้นด้วยแนวคิดที่ว่า จังหวัดกาญจนบุรีไม่มีพระพุทธรูปสำคัญซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ แล้วเราจะปล่อยให้ไม่มีอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ หรือ ?

พอถึงเวลาเมื่อพูดถึงพิษณุโลก คนก็จะนึกถึงหลวงพ่อพระพุทธชินราช พูดถึงเชียงใหม่ ก็ต้องหลวงพ่อพระพุทธสิหิงค์ พูดถึงสมุทรสงคราม คือ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม พูดถึงเพชรบุรีก็หลวงพ่อวัดเขาตะเครา พูดถึงฉะเชิงเทรา หลวงพ่อโสธร พูดถึงกาญจนบุรี ใครนึกออกบ้าง ?

เมื่อไม่มี
ถ้าไม่เกินกำลังก็สร้างขึ้นมา กระผม/อาตมภาพถึงได้ปรึกษากับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะเทศบาลตำบลทองผาภูมิว่า วัดจะลงทุนสร้างพระให้ ส่วนทางเทศบาลต้องลงทุนจัดขบวนแห่ มั่นใจว่าแห่ไม่เกิน ๓ ปีจะ "ติดตลาด" แน่นอน ปรากฏว่าแห่ได้ครั้งเดียว โควิดระเบิดตูม หายเงียบไป ๒ ปี ปีนี้จะเริ่มแห่กันใหม่

ครั้งแรกจัดแบบฉุกละหุกมาก ถ้าจำไม่ผิด หล่อพระวันที่ ๙ มีนาคม พระทองคำเสร็จเรียบร้อย นำมาส่งวัดวันที่ ๑๘ มีนาคม พอ ๑๕ เมษายน เราก็จัดขบวนแห่หลวงพ่อทองคำ ขนาดจัดแบบฉุกเฉิน ขบวนยังยาวเกือบ ๓ กิโลเมตร..! แล้วถ้าหากว่าเรามีเวลาเตรียมตัว คาดว่าน่าจะมากกว่านั้น เสียดายว่าไม่ได้ทำต่อเนื่อง เป็นการทำที่ทิ้งช่วงไป ๒ ปี

ปีนี้เชื้อไวรัสมีพัฒนาการในด้านดี ไม่ได้พูดเล่นนะ หมออาจจะหนักใจแต่อาตมาสบายใจ ไวรัสพัฒนาการในด้านดี โดยเฉพาะเชื้อใหม่ "โอไมครอน" เข้าไปแล้วไม่ลงปอด ไปนอนเล่นแถว ๆ ลำคอก็พอแล้ว กินยาอะไรลงไปก็รักษาได้ แกงส้ม ต้มยำ ส้มตำ ผัดพริกอะไรก็ได้ ก็จะทำให้เรามีภูมิคุ้มกันหมู่

การระบาดอาจจะรุนแรงมาก น่ากลัว แต่คนจะตายน้อยมาก บอกล่วงหน้าให้เลย ไม่ต้องกลัวมาก ใครเป็นก็ไปตำส้มตำ ใส่พริกสักกำมือหนึ่ง กินลงไป เชื้อโรคตายหมดแล้ว หรือไม่ก็ไปสั่งต้มยำ ใส่มะนาวเยอะ ๆ ซดเข้าไป เหงื่อแตกพลั่ก...! เรียบร้อย ช่างเป็นเชื้อโรคที่น่าสงสารเสียนี่กระไร...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2022 เมื่อ 03:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 31-12-2021, 22:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในหลักการบริหารงานที่กระผม/อาตมภาพยึดถืออยู่ก็คือ ถ้ามีของเก่า ของเขาดีอยู่แล้ว ก็เสริมให้ดียิ่งขึ้น ถ้าไม่มีของใหม่ ก็ต้องสร้างของใหม่ขึ้นมา แม้กระทั่งเรื่องการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมของที่นี่ อาตมภาพก็ทำให้เกิดมีใหม่ขึ้นมา สร้างพระพุทธรูปทองคำ นาก เงิน ก็ของใหม่ สร้างบันไดขึ้นรอยพระพุทธบาทก็ของใหม่ จัดตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง ๒๐,๐๐๐ ดวงก็ของใหม่ เราจะเห็นว่าตอนนี้กลายเป็นงานที่ญาติโยมเขารอกัน

ตอนนี้ก็เลยมาประดับไฟสะพานหลวงปู่สาย เคยทำไปทีหนึ่ง ปรากฏว่าพระท่านเกรงใจหลวงพ่อ ก็เลยลงทุนไปเอาไฟราวระยิบระยับมาติด ปรากฏว่าไฟดับง่ายมากเลย โดนความร้อนหน่อยก็หลอดขาด เปลี่ยนกันไม่หวาดไม่ไหวจึงต้องเลิกไป

รอบนี้มอบให้พระฝ่ายสาธารณูปการดูแลจัดการ โดยเฉพาะท่านตี้ (พระวสุพล อภิปุญฺโญ) ใจถึงมาก เบิกก่อนเลย ๕๐,๐๐๐ บาท..! ถ้าเป็นคนอื่นนี่ คิดว่าคงสะดุ้งไปแปดตลบ แต่ไม่ใช่อาตมา เพราะคาดว่าต้องเยอะกว่านั้น แล้วก็จริง ๆ เพราะว่าได้คณะบุญเพื่อพระนิพพานของท่านโจ้ (พระปฏิวัติ ฐิตเมโธ) มาช่วย หมดไปแสนกว่าบาท ถึงได้ออกมาอย่างที่เห็น ตอนนี้ก็มีแต่คนเดินถ่ายรูปให้ว่อนไปหมด

แต่ที่จะขอร้องพวกเราในวันนี้ก็คือ ตอนทุ่มครึ่งจะมีงานแสดง ห้ามอยู่บนสะพาน อันดับแรกเลยก็คือสะพานแขวนเก่ามากแล้ว ลวดสลิงหลายจุดกร่อน

อันดับที่สองก็คือเสาสะพาน โดนน้ำพัด ท่อนซุง ท่อนไม้มากระทบกระแทกอยู่ตลอด ๓๐ กว่าปี ตอนนี้เสาบางต้น เหล็กโผล่ออกมาครบเกือบทุกเส้น ไม่รู้ว่าจะพังพาบลงไปกองเมื่อไร..!

ประการที่สามก็คือเมื่อวานให้เด็ก ๆ ซ้อมไปรอบหนึ่ง เมาสะพานกันไปตาม ๆ กัน ถ้าถึงเวลารำแล้วสะพานแกว่ง ๆ คนไหนเมารถเมาเรือนี่เสร็จทุกรายเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2022 เมื่อ 03:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 31-12-2021, 22:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเราและนักแสดง ก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะให้รำฉลองสะพาน ลงไปรำสักรอบหนึ่ง แล้วเดี๋ยวขึ้นมารำข้างบนให้บรรดาพี่ป้าน้าอาเขาดูอีกครั้ง ถามว่าไหวไหม ? เด็กเขาบอกว่าไหว ไม่เป็นไรหรอก เพราะหลวงพ่อไม่เคยใช้ฟรี รำรอบหนึ่งจ่ายอัตราหนึ่ง รำสองรอบให้อีกอัตราหนึ่ง..!

เดี๋ยวพวกเราไปชมกัน แต่โปรดระมัดระวังสิ่งที่เตือนไว้ ก็คือพวกเราปฏิบัติธรรมแล้ว มักจะรักษาอารมณ์ไม่ได้ ดูว่างานนี้จะรักษาได้กี่นาที ? ไม่หวังเป็นชั่วโมง เอาแค่นาที ทำอย่างไรที่เราจะไม่ไหลตามสิ่งที่เข้ามาทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจของเราได้ ? ทำได้แม้นาทีสองนาที จะทำให้ท่านทั้งหลายรู้เลยว่าวิมุตติรส รสชาติของการหลุดพ้นจาก รัก โลภ โกรธ หลง เป็นอย่างไร แล้วจะไม่อยากได้รสอื่นอีกเลย จะเห็นว่านักปฏิบัติที่เข้าถึงแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำ ไม่รู้จักเบื่อ ไม่รู้จักหน่าย

อย่างกระผม/อาตมภาพเริ่มมาตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี ตอนนี้ ๖๒ ปี ๖ เดือน กับอีก ๑๐ วัน ยังไม่เลิกเลย เพราะว่าคนเราที่โดนไฟ รัก โลภ โกรธ หลง เผาอยู่ตลอดเวลา พอกำลังใจทรงตัว กำลังสมาธิสูงขึ้น สามารถกดไฟ รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงชั่วคราว คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา แล้วไฟดับ บอกไม่ถูกหรอกว่ามีความสุขแค่ไหน ลองพยายามรักษาใจของเราให้ได้

วันนี้ถือว่าเป็นวันส่งท้ายปีเก่า จึงไม่ขอร้องอะไรมากมาย ของขวัญปีใหม่จากพวกท่าน ขอแค่ว่าปฏิบัติธรรมแล้วรักษาใจเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ก็เพียงพอแล้ว ขอเจริญพรแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2022 เมื่อ 03:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว