ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 01-11-2023, 00:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,361 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าเมื่อมีกฎระเบียบต่าง ๆ ของทางคณะสงฆ์ขึ้นมา ก็ต้องมีการรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น แล้วเงินกฐินนั้นก็อนุญาตให้ใช้จ่ายแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ที่สามารถนำมาหักจากยอดกองกฐินได้ อย่างเช่นว่า ค่าอาหารโรงทาน ค่าเครื่องดื่มเลี้ยงญาติโยม ค่าประดับตกแต่งสถานที่ ตลอดจนกระทั่งค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด อย่างเช่นว่ารถที่นำมารับญาติโยมในงานกฐิน เป็นต้น เพียงแต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเป็นไปได้ก็คือ ต้องมีใบเสร็จรับเงินให้ชัดเจน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ได้เงินมาจึงกลายเป็นภาระอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวัดท่าขนุน พอได้เงินกฐินมา ๔ ล้านกว่าบาท วัดข้างเคียงก็รู้สึกว่าตาโต..! แต่ไม่รู้ว่าทางวัดท่าขนุนยังต้องจ่ายค่าก่อสร้างพิพิธภัณฑ์อีก ๘๐ กว่าล้านบาท..! จึงเป็นเรื่องที่ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" เพราะว่าส่วนใหญ่เขาจะเห็นตอนรับ แต่ว่าไม่เห็นตอนจ่าย..!

คราวนี้ในเรื่องของเงินทองส่วนนี้ เมื่อนับไปแล้ว ลงบัญชีเสร็จ ก็ยังต้องให้ไวยาวัจกรช่วยตรวจสอบ และเซ็นรับรองยอดเงินที่ถูกต้องอีกด้วย ก็แปลว่าทั้งเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรผู้เซ็นรับรองบัญชี ก่อนที่จะส่งผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ต่างก็เอาเท้าแหย่เข้าไปในโซ่ตรวนแล้วข้างหนึ่ง..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้ามีการผิดพลาดใด ๆ ทำให้เกิดการทักท้วงขึ้นมา ทั้งเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรที่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ก็มีสิทธิ์โดนข้อหาเจ้าพนักงานประพฤติมิชอบ หรือว่าเป็นเจ้าพนักงานฉ้อโกง ซึ่งโทษจะหนักกว่าคนทั่วไปเป็นเท่าตัว บุคคลที่รู้กฎหมายจึงไม่มีใครอยากที่มาเป็นไวยาวัจกรวัด ยกเว้นท่านที่เข้ามาแล้วหวังผลประโยชน์ ซึ่งวัดทั่ว ๆ ไป
ส่วนใหญ่ร้อยละเกิน ๖๐ มักจะโดนผู้โดนอิทธิพลท้องถิ่นเข้ามาควบคุม ถึงเวลาแล้วทางวัดก็กลายเป็นแหล่งผลิตเงินให้เขาทั้งหลายเหล่านั้น จนกระทั่งภายหลังก็มีการทะเลาะเบาะแว้ง บางที่ก็ถึงขนาดฆ่าแกงกันไปเลยก็มี..!

การที่วัดท่าขนุนสามารถที่จะทำให้ทุกอย่างโปร่งใสขึ้นมาได้นั้น อันดับแรกเลย เจ้าอาวาสต้องมีความเด็ดขาดชัดเจนเพียงพอ ประการที่สอง การกระทำทุกอย่างต้องโปร่งใส มีการแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นระยะอยู่เสมอ เมื่อทราบว่าทางวัดมีหนี้ทีหนึ่งหลายสิบล้าน บางทีถึงขนาดร้อยล้าน..! ก็ทำให้บรรดาผู้หวังผลประโยชน์ทั้งหลายเผ่นหนีไปไกลลิบ ไม่มีใครอยากเข้ามายุ่งด้วย

ทำให้กระผม/อาตมภาพเห็นชัดเจนว่า สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงสอนเอาไว้ว่า มีเงินอย่าให้ข้ามปี พยายามใช้จ่ายในส่วนของกิจการคณะสงฆ์ให้หมด เมื่อได้เงินใหม่เข้ามา จะได้ไม่คิดว่าเป็นของเราอย่างหนึ่ง เมื่อไม่มีเงินเหลือ ก็ไม่มีคนเข้ามาหาประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง ส่วนอีกประการหนึ่งก็คือ ถ้ามีเงินเหลือ ให้หาโครงการที่มากกว่าจำนวนเงินแล้วทำไป เมื่อถึงเวลาเงินเข้ามา ก็จะได้ใช้จ่ายไปในโครงการนั้น ๆ เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2023 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา