ส่วนที่อยากจะบอกกล่าวก็คือว่า มีญาติโยมที่โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของครอบครัว เรื่องของที่ทำงาน หรือว่าปัญหาในการปฏิบัติธรรม ตรงนี้ขออนุญาตบอกกล่าวไว้ให้ชัดเจนว่า กระผม/อาตมภาพนั้นไม่ได้รับโทรศัพท์ด้วยตนเองมาหลายปีแล้ว
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าญาติโยมที่โทรมานั้น จะบอกว่าไม่รู้กาลเทศะก็ใช่ ไม่มีความเกรงใจในผู้อื่นก็ใช่ ประมาณว่า "ถ้ากูยังไม่ได้นอน คนอื่นก็ยังไม่ได้นอนด้วย" แล้วก็โทรมาตอน ๕ ทุ่มเที่ยงคืน ซึ่งตรงนั้นก็ยังไม่กระไรนัก
แต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กว่า "ตื่นแล้วให้ลุกเลย" จึงทำให้ไม่สามารถที่จะนอนต่อได้ ไม่ใช่หลายท่านรับโทรศัพท์เสร็จก็นอนอุตุต่อไปได้ จนบางทีคุยโทรศัพท์อะไรไว้ก็จำไม่ได้เสียอีก จึงเป็นการรบกวนอย่างมาก เพราะว่าบางวันทำงานดึก ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม เพิ่งจะหลับลงไปได้ไม่ถึงอึดใจ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็เลยตัดใจเลิกรับโทรศัพท์ไปเลย ทำให้คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นเลขานุการส่วนตัว เลขานุการเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน และเลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ต้องเดือดร้อนแทน แถมท่านใดท่านหนึ่งที่รู้จักพระภิกษุสามเณรในวัดท่าขนุน รู้จักแม่ชีหรือว่าคนวัด ก็ยังโทรไปรบกวนทางด้านนั้นอีกด้วย
ท่านทั้งหลายอาจจะคิดว่าการที่กระผม/อาตมภาพไม่รับโทรศัพท์นั้นเป็นความใจร้ายใจดำ จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้ แต่ต้องบอกว่าที่ไม่รับโทรศัพท์นั้น เพราะว่าส่วนหนึ่งไม่เห็นประโยชน์เลย ท่านที่โทรมาปรึกษานั้น สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนใหญ่ ๆ ด้วยกัน
ส่วนที่ ๑ ก็คือ มีการตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำอะไร แต่โทรมาหาพระเพื่อสอบถาม อยู่ในลักษณะของการจับพระเป็นตัวประกัน ถ้าหากว่ากระผม/อาตมภาพเห็นด้วย ก็จะไปบอกกล่าวกับคนอื่นว่า "หลวงพ่อรับรองว่าทำได้" แต่ถึงกระผม/อาตมภาพไม่เห็นด้วย ท่านทั้งหลายก็ยังคงไปทำอยู่ดี เพราะว่าตัดสินใจจะทำเสียแล้ว
ดังนั้น..ถึงบอกกล่าวอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ บอกในด้านที่ถูกใจ ท่านก็เอากระผม/อาตมภาพไปอ้างถึง บอกในด้านที่ไม่ถูกใจ ท่านก็ตัดสินใจที่จะทำอยู่ดี จึงเป็นเรื่องที่เสียเวลารับไปเปล่า ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2022 เมื่อ 02:24
|