ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 11-11-2021, 23:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,561 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยนี้ดีขึ้นมาก อย่างน้อย ๆ ท่านทั้งหลายก็รู้จักระมัดระวังตัว ไม่สนุกสนานเฮฮาจนเกินขอบเขต เวลาจะสรงน้ำ ก็ไม่นุ่งผ้าอาบตัวเดียวแล้วก็เดินโป๊ไปเข้าห้องน้ำ รู้จักไปเปลี่ยนผ้าเปลี่ยนผ่อนในห้องน้ำ ออกมาอย่างน้อยก็มีสบงอังสะเรียบร้อย เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าญาติโยมเขาเห็น ย่อมไม่ใช่เรื่องที่เจริญศรัทธา

ลองนึกถึงภาพของบุคคลโกนหัวโล้น นุ่งผ้าอาบลอยชาย มือหนึ่งถือขันน้ำ มีสบู่ ปากคาบแปรงสีฟันไปด้วย เป็นภาพที่โยมเห็นแล้วจะเคารพเลื่อมใสหรือว่าจะด่าในใจ ? นี่แค่วัตรปฏิบัติประจำวันเท่านั้น ดังนั้น...เรื่องพวกนี้เราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องระวังให้มาก เพราะว่าพระเณรเรา ทำอะไรจะอยู่ในสายตาชาวบ้านเสมอ ก่อนหน้านี้ที่นี่เคยมีอยู่ ปัจจุบันนี้ลดน้อยถอยลงไป ยกเว้นว่าเผลอจริง ๆ ถึงจะมี เรื่องพวกนี้เป็นแค่จริยาเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ว่าทำให้คนเลื่อมใสหรือไม่เลื่อมใสได้ง่ายมาก

ทุกท่านต้องไม่ลืมว่าพวกเราเองนั้นคือศากยบุตรพุทธชิโนรส คือลูกของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอยู่ในวรรณะกษัตริย์ พวกเราทั้งหลายเท่ากับเป็นเจ้าชาย อยู่ในพุทธวงศ์ เสขิยวัตรทั้ง ๗๕ ข้อนั้น คือ กฎเกณฑ์กติกามารยาทที่บรรดาราชกุมาร หรือเชื้อพระวงศ์สมัยก่อน ต้องประพฤติปฏิบัติให้ได้ เพื่อที่จะรักษาวงศ์ตระกูลของกษัตริย์ ให้คนเห็นแล้วเห็นถึงความแตกต่างในความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งตัว เรื่องของการกิน เรื่องของการแส
งธรรม หรือแม้กระทั่งกิริยามารยาทต่าง ๆ ที่ต้องแสดงออกต่อญาติโยมเขา

โดยเฉพาะการไปในบ้านหรือนั่งในบ้าน ไม่ใช่อยู่กับคนคุ้นเคยแล้วเราจะทำอย่างไรก็ได้ ยิ่งอยู่กับคนคุ้นเคย ยิ่งต้องระวังให้มาก เพราะว่าญาติโยมนั้นมักจะขาดสติ ไปคุยกับพรรคพวกเพื่อนฝูงบ้างว่าพระเณรของเราทำอย่างไร ถ้าหากว่าเราไม่ระวัง เขาเอาเรื่องที่เราไม่สมควรทำไปเล่าต่อ โดยที่ไม่ได้คิดว่าจะสร้างความเสียหายให้กับพระ หรือว่าสร้างความเสียหายให้กับวัด แต่กลายเป็นว่าคนฟังเสื่อมศรัทธา นอกจากสร้างความเสียหายให้กับตนเองแล้ว วัดก็เสียไปด้วย

ถ้าหากว่าวัดเสีย คณะสงฆ์ก็เสียไปด้วย ถ้าคณะสงฆ์เสียหาย พระพุทธศาสนาก็เสียหายไปด้วย จึงเป็นเรื่องที่พวกเราทั้งหมดจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสังวรระวัง นี่เป็นแค่การปฏิบัติทางกาย ทางวาจาเท่านั้น ยังไม่ได้กล่าวถึงการปฏิบัติทางใจที่จะช่วยควบคุม ช่วยสร้างสติ สมาธิ ปัญญาแก่พวกเราเลย

ก็แปลว่าการที่วัดท่าขนุนจะต้องเป็นตัวอย่างแก่คณะสงฆ์ในภาค ๑๔ ทั้ง ๔ จังหวัด ๑,๐๐๐ กว่าวัดเป็นภาระที่หนัก เราก้าวเข้ามาถึงจุดนี้ไม่นับว่ายาก แต่ต้องรักษามาตรฐานเอาไว้ ไม่ให้ต่ำกว่านี้ และถ้าเป็นไปได้ต้องสูงขึ้นยิ่งไปกว่านี้ เป็นเรื่องที่ยาก แต่ถ้าทุกคนตั้งใจทำก็ไม่เกินกำลัง เพราะว่าเป็นสิ่งที่พระเณรของเราสมควรที่จะประพฤติปฏิบัติอยู่แล้ว

ดังนั้น...ไม่ว่าหลวงพ่อเจ้าคณะภาคหรือว่ารองเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านปรารภกับผมในวันนี้ ก็นับว่าสิ่งที่เราทำนั้นอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ เพียงแต่ว่าเราทั้งหลายจะรักษาคุณงามความดีนี้ให้ต่อเนื่องไปได้เท่าไร ก็ขอฝากเอาไว้เป็นการบ้านให้พวกท่านทั้งหลายได้พินิจพิจารณา และประพฤติปฏิบัติกันตามอัธยาศัย วันนี้ขอรบกวนทุกท่านแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-11-2021 เมื่อ 21:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา