ถาม : มีพระสูตรหนึ่งที่กล่าวว่า
[๓๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหา ๓ และมานะ ๓ ควรละ
ตัณหา ๓ เป็นไฉน คือ กามตัณหา ๑ ภวตัณหา ๑ วิภวตัณหา ๑ ตัณหา ๓ นี้ควรละ
มานะ ๓ เป็นไฉน คือ ความถือตัวว่าเสมอเขา ๑ ความถือตัวว่าเลวกว่าเขา ๑ ความถือตัวว่าดีกว่าเขา ๑ มานะ ๓ นี้ควรละ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ตัณหา ๓ และมานะ ๓ นี้ย่อมเป็นธรรมชาติ อันภิกษุละได้แล้ว
เมื่อนั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้ตัดตัณหา ขาดแล้ว คลายสังโยชน์ได้แล้ว
ได้กระทำที่สุดทุกข์เพราะละมานะได้โดยชอบ ฯ
โยมสงสัยว่าตัณหาและมานะมีความเกี่ยวพันกันเช่นไรคะ และจากพระสูตรนี้หากแค่ละตัณหากับมานะสองอย่างนี้ได้คือการกระทำสิ้นสุดแห่งทุกข์หรือคะ ? และขอความเมตตาอธิบายตัวมานะค่ะ
ตอบ : ตัณหาคือความอยาก มานะคือตัวกู ถ้าไม่มีตัวกูและความอยาก ทุกอย่างก็จบ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|