เรายิ่งอยากได้ดีมากเท่าไร กำลังใจก็ยิ่งฟุ้งซ่านมากเท่านั้น ทำให้เราห่างไกลความดีมากเท่านั้น ถ้าเราใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ปฏิบัติ ค่อย ๆ ทำไป โดยวางกำลังใจว่า เรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลจะเกิดอย่างไรก็ช่าง ถ้าวางกำลังใจลักษณะอย่างนี้ได้ จิตจะเกิดอุเบกขาธรรมขึ้น จะทำให้เราปฏิบัติแล้วได้ผลเร็วขึ้น เพราะว่าการปฏิบัติทุกระดับชั้น ถ้าไม่มีอุเบกขา กำลังใจจะไม่ทรงตัวสักระดับหนึ่ง
ดังนั้น..ขอให้ทุกท่านที่ใจร้อน อยากได้ดีเร็ว เบื่อกิเลสเต็มทีแล้ว อยากจะบรรลุมรรคผล ให้ทราบไว้ว่า อยากนั้นดี เพียงแต่ว่าอย่าให้เป็นความอยากให้กิเลสตัณหา แต่ให้อยากแบบธรรมฉันทะ ในเมื่อพอใจต้องการจะดีแล้ว ก็ให้เร่งตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อให้ไปสู่จุดหมายที่เราต้องการ ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะพาเราเดินผิดทาง รู้สึกว่าปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ท่านนี้แล้วไม่บรรลุสักทีอย่างที่เราต้องการ..ก็ย้ายที่ไป ปฏิบัติกับสำนักนั้นแล้วไม่บรรลุอย่างที่ต้องการ...ก็ย้ายที่ไป ตกลงว่าย้ายที่ไปเรื่อย เหมือนกับที่เคยเปรียบไว้ว่า เราขุดบ่อต้องการน้ำ ขุดลงไปสองวา...สามวา...ไม่ถึงน้ำเสียที เราก็ย้ายที่ขุดใหม่ ชาติหน้าบ่าย ๆ ก็ไม่ได้น้ำเสียที เพราะว่าย้ายที่ขุดอยู่เรื่อย
ฉะนั้น..ถ้าหากจะเอาดีก็ลุยที่เดียวไปเลย ให้เห็นหน้าเห็นหลังไปเลย ถ้าเก่งเกินครูบาอาจารย์แล้วไม่สามารถจะบรรลุได้เราค่อยย้ายสำนัก แบบพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตร ท่านปฏิบัติจนหมดความรู้ของอาจารย์แล้ว ท่านจึงได้ขอย้ายสำนักไปอยู่กับพระพุทธเจ้า
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๒
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2014 เมื่อ 11:22
|