ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 06-10-2022, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,451
ได้รับอนุโมทนา 4,406,214 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ย้อนกลับมากล่าวถึงผ้าไตรกฐิน ซึ่งสมัยก่อนยังนิยมจุลกฐินอยู่ ก็คือมีการปั่นด้าย ทอผ้า ตัด เย็บ ย้อม ให้เสร็จภายในวันเดียว ซึ่งสมัยก่อนทุกบ้านทอผ้าได้ ก็ไม่มีปัญหาตรงนี้ เพราะว่ากำหนดไปเลยว่าใครจะทอส่วนไหน อย่างถ้าหากว่า ๙ มณฑล หรือที่เรียกว่า ๙ ขันธ์ ก็แบ่งกันไปเลยคนละขันธ์ ก็แค่ทอประมาณคนละศอกเดียว คนทอเก่ง ๆ ถ้าตั้งหน้าตั้งตาทำจริง ๆ ประมาณ ๓ - ๔ ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว

สมัยนี้ค่านิยมในการทำในลักษณะอย่างนั้นน้อยลง เพราะว่าคนทอผ้าเป็นน้อยลงไปเรื่อย ๆ ก็เหลือจุลกฐินแค่สายวัดป่าเสียส่วนใหญ่ โดยที่เจ้าภาพถวายเป็นผ้าขาว ตัดเย็บเรียบร้อยแล้ว อาจจะเป็นสบงผืนหนึ่ง หรือว่าจีวรผืนหนึ่ง หรือสังฆาฏิผืนหนึ่งก็ได้ แต่เป็นสีขาว แล้วให้พระไปทำการย้อมให้เรียบร้อย ตากแห้งแล้วก็พับเข้าไตร กลายเป็นผ้ากฐินไปเลย

คราวนี้ในเรื่องของกฐินนั้น ห้ามขอจากเจ้าภาพอย่างเด็ดขาด วัดไหนขอกฐินแปลว่ากฐินเดาะ พระทั้งวัดไม่ได้อานิสงส์กฐินเลย ญาติโยมอาจจะสงสัยว่า อานิสงส์ก็คือผลบุญที่จะพึงได้ ทำไมไปเกี่ยวกับพระ ? ก็เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นว่า พระจำพรรษามาตลอด ๓ เดือน โดนบีบอยู่ในกรอบไปไหนไม่ได้เลย อาจจะมีการอึดอัด เครียดบ้าง จึงผ่อนคลายสิกขาบทให้หลายข้อ

อย่างเช่นว่า "เที่ยวไปไม่ต้องบอกลา" แต่ข้อนี้วัดท่าขนุนห้ามใช้ จะไปก็ต้องลา ต้องลงสมุดลาให้เรียบร้อย จะได้รู้ว่าไปตายที่ไหน ? ถึงเวลาจะได้ตามไปเก็บศพถูก..!

"ฉันคณโภชนาและปรัมปรโภชนาได้" คณโภชนาก็คืออาหารที่ฉันรวมกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปแล้วไม่โดนอาบัติ เพราะว่าเป็นอาหารที่ญาติโยมถวายโดยออกชื่อ อย่างเช่นถ้าเป็นวันนี้ที่ในสนามสอบ โยมที่ถวายก็อาจจะบอกว่า "มีแกงส้มชะอมไข่นะขอรับพระคุณท่าน ใส่กุ้งทะเลตัวเท่าหัวแม่มือด้วย..!"

เหตุเป็นเพราะว่าสมัยก่อนพระที่บวชเข้ามายังมีความเป็นปุถุชนอยู่มาก เมื่อมหาเศรษฐีนิมนต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูปไปฉัน โดยระบุว่าจะถวายข้าวมธุปายาส ซึ่งบางทีทั้งชีวิตคนเราก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ลิ้มรสเลย จึงมีรายการแย่งกิจนิมนต์กัน ในเมื่อเขาไม่จัดให้ไปก็เสนอหน้าไปเองอีกต่างหาก..!

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงต้องกำหนดไว้ว่า ถ้าหากว่าเจ้าภาพนิมนต์โดยออกชื่อภัตตาหาร ห้ามภิกษุฉันรวมกันเกิน ๓ รูป ถ้าหากว่าเกิน ๓ รูปขึ้นไปเมื่อไร ปรับอาบัติทุกคำที่กลืน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2022 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา