ถ้ายังคิดว่าจะไปต่ออีก เราก็กำหนดภาพพระขึ้นมาใหม่ เมื่อชัดเจนแจ่มใสเต็มที่แล้ว ก็เพิกภาพพระนั้นเสีย คราวนี้ก็กำหนดเอาสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราและรอบข้าง ไม่ว่าจะร้อน จะหนาว จะหิว จะกระหาย กระทบกระทั่งกับอารมณ์ใด ๆ รู้สึกก็ทำเป็นเหมือนไม่รู้สึก มีก็ทำเป็นเหมือนไม่มี ไม่เอาอะไรทั้งสิ้น ท่านก็จะเข้าถึงสมาบัติที่ ๘ ที่เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ กำลังของท่านก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น สามารถที่จะอธิษฐานบารมีพระ ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ตัวเราและคนที่เรารักได้มากยิ่งขึ้น เพราะว่ากำลังของสมาธิสมาบัติทรงตัวมากกว่าปกติที่เคยทำได้
แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมกำหนดตอนท้ายว่า เราจะต้องตายแน่นอน ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร เราขอมีพระนิพพานเป็นที่ไปแห่งเดียว แล้วก็กำหนดใจแน่วนิ่งอยู่กับอารมณ์พระนิพพาน หรืออยู่กับภาพพระในช่วงท้าย ตั้งใจว่าถ้าเราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ โดยเฉพาะภาวะสงครามที่เกิดขึ้นจนถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานแห่งเดียว
พยายามประคับประคอง ซักซ้อม รักษาอารมณ์ใจลักษณะนี้เอาไว้ทุกวัน ๆ ท่านทั้งหลายก็จะได้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีความปลอดภัยในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ
ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย น้องผักชี)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2020 เมื่อ 10:50
|