ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 05-11-2020, 10:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,915 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายมีเวลาไม่มาก ถ้านับตามเวลาข้างบน เนื่องจากว่าเวลาข้างบนแม้เพียงเล็กน้อย ข้างล่างก็ผ่านไปเป็นเดือนเป็นปี เวลาของท่านทั้งหลายจึงมีน้อยในการที่จะจับภาพพระให้ชัดเจนแจ่มใส ยิ่งถ้าสามารถทรงเป็นกสิณเต็มระดับ คือภาพพระนั้นสว่างเจิดจ้า เหมือนอย่างกับมองแสงตะวันยามเที่ยง สามารถขยายให้ใหญ่ได้ ให้เล็กได้ แล้วอธิษฐานภาพพระนั้นครอบตัวเราหรือคนที่เรารักเอาไว้

หรือถ้าใครมีกำลังใจที่จะทำต่อ ก็เพิกภาพพระนั้นเสีย พิจารณาความว่างของอากาศแทน จนอารมณ์ใจมั่นคงเสมอกับตอนที่จับภาพพระอยู่ ท่านก็จะเข้าถึงสมาบัติที่ ๕ คือ อากาสานัญจายตนฌาน

ถ้าหากว่ายังรู้สึกว่ายังไม่พอ ไม่เต็มกับกำลังใจของเรา ก็กำหนดภาพพระให้ชัดเจนแจ่มใสใหม่ แล้วเพิกภาพพระนั้นเสีย กำหนดพินิจพิจารณาว่า แม้ว่าอากาศนี้จะกว้างขวางไร้ขอบเขต แต่ก็ยังกำหนดได้ด้วยความรู้สึกของเรา ดังนั้น...ก็ให้กำหนดความกว้างขวางยิ่งกว่าอากาศในความรู้สึกของเราก็คือวิญญาณ จนกระทั่งอารมณ์เสมอกับตอนที่เราจับภาพพระ ก็จะกลายเป็นสมาบัติที่ ๖ ที่เรียกว่า วิญญาณัญจายตนฌาน

ถ้ายังรู้สึกว่าอยากไปต่ออีก ก็กำหนดภาพพระขึ้นมาให้ชัดเจนแจ่มใส สว่างไสวเต็มที่ แล้วเพิกภาพพระนั้นเสีย กำหนดเอาความไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อยหนึ่ง ก็คือไม่ยึดไม่เกาะอะไรเลยเป็นประมาณ จนกระทั่งอารมณ์ใจเสมอกับตอนที่เรากำหนดภาพพระอย่างเต็มที่นั้นแล้ว ท่านก็จะเข้าถึงสมาบัติที่ ๗ ที่เรียกว่า อากิญจัญญายตนฌาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2020 เมื่อ 10:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา