ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจะเห็นว่านิพพิทาญาณไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการฆ่าตัวตายเลย การฆ่าตัวตายนั้นมาจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือจัดการกับนิพพิทาญาณไม่ถูกต้อง เข้าใจผิด หลงผิด เบื่อหน่ายว่ามีร่างกายนี้ก็เลยต้องทำลายทิ้ง..!
ประการที่สองก็คือ ต้องมีกรรมเก่าเนื่องมาด้วย ถ้าไม่มีตรงจุดนั้น ไม่มีใครอยากทำลายชีวิตตัวเองทิ้ง ถ้าสามารถก้าวข้ามนิพพิทาญาณไปได้ ก็จะกลายเป็นสังขารุเปกขาญาณ ก็คือปล่อยวางทุกเรื่อง โดยเฉพาะการปรุงแต่ง ในเมื่อจิตใจหยุดการปรุงแต่ง ทุกอย่างก็หยุดหมด ดับหมด ในเมื่อเข้าถึงนิโรธคือความดับ พระนิพพานก็เต็มอยู่ในใจของเราเอง แล้วยังมีใครจะฆ่าตัวตายอีก ??
ดังนั้น...ในส่วนที่เขาเข้าใจผิด ถ้าหากว่าหาครูบาอาจารย์แนะนำไม่ได้ เขาจะกลับไปฆ่าตัวตายจริง ๆ..! แต่สรุปว่าไอ้เจ้านี่ซวยหรือโชคดีก็ไม่รู้ที่มาเจอกับกระผม/อาตมภาพเข้า ก็เลยโดนด่าหูตูบไป "มึงเกิดมาเสียชาติเปล่า โง่บรรลัยเลย..!"
บุคคลทั้งหลายประเภทนี้ จะบอกว่าโชคดีก็โชคดี จะบอกว่าโชคร้ายก็โชคร้าย โชคดีก็คือถ้าตั้งใจปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา จะเกิดผลเร็วมาก โชคร้ายก็คือในเมื่อจะหลุดพ้นไปได้ กิเลสมารก็ต้องขวางเราสุดชีวิต
ผมเจอมาหลายท่านที่โดนขัดขวางในลักษณะอย่างนี้ มีอยู่ท่านหนึ่งวิสัยเก่ามาทางพุทธภูมิ ต้องการสงเคราะห์สัตว์โลก ทุกวันนี้ก็นั่งสร้างวัตถุมงคลไปเรื่อยอย่างละ ๕ ชิ้น ๑๐ ชิ้น ทุกอย่างเป็นสุดยอดวัตถุมงคลทั้งหมด เพราะโดนกิเลสหลอกให้ทำ เพื่อที่จะช่วยชาวบ้านอย่างโน้น เพื่อที่จะช่วยคนเดือดร้อนอย่างนี้
ความรู้และทิพจักขุญาณชัดเจนขนาดนั้น แต่ปัญญากลับไม่พอ ไม่ได้พิจารณาว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น ไม่มีอะไรที่ช่วยในการขัดเกลากิเลสของตัวเองเลย เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก โดยเฉพาะท่านที่มาทางสายพุทธภูมิ ถ้าหลงทางไปแล้ว กลับยากด้วย เพราะกำลังใจของตนเองสั่งสมบารมีไว้มาก มีความเข้มแข็งมาก ความเข้มแข็งของกำลังใจ ถ้าหากว่าผิดมุมนิดเดียวจะกลายเป็นความดื้อรั้น คนอื่นพูดให้ตายกูก็ไม่เชื่อ เพราะว่ากูรู้เห็นเอง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-07-2021 เมื่อ 17:35
|