ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 30-04-2021, 07:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,399,980 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น..ในเรื่องของพระพุทธศาสนาเราต้องเรียนให้รู้จริงทั้งปริยัติและปฏิบัติ ถ้ามีด้านเดียวมักจะไปไม่รอด ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงมีพระราชปุจฉา ถามกรรมการมหาเถรสมาคมว่า เรียนบาลีอย่างไรจะให้เข้าถึงพระไตรปิฎกอย่างแท้จริง ?

พวกคุณควรจะทราบนะครับว่า ปัญหาแบบนี้เอากันตายไปข้างหนึ่งเลย..! เพราะว่าการเรียนบาลีในปัจจุบันของเรา เสียหายมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เพราะพระองค์ท่านเห็นว่าความสามารถของผู้คนลดน้อยถอยลง จึงแยกปริยัติกับปฏิบัติออกจากกัน พอแยกออกจากกันนี่แหละครับ เสียหายใหญ่หลวงเลย แล้วทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการรวมกลับเข้าไป

การปฏิบัติช่วยสนับสนุนการเรียนปริยัติได้ดียิ่ง เพราะว่ากำลังใจที่เข้มแข็ง ทำให้ไม่ท้อถอยง่าย ๆ และขณะเดียวกัน สิ่งที่เราเรียน ยิ่งปฏิบัติได้มาก ลึกซึ้งเท่าไร จะตีความได้มากเท่านั้น ในเมื่อตีความได้มาก ตีความได้ถูกต้อง โอกาสที่ปฏิบัติแล้วจะได้ถึงมรรคถึงผลก็มีมาก

ก็แปลว่าทั้งปริยัติและปฏิบัติจะต้องไปด้วยกัน เหมือนอย่างกับเท้าสองข้างของเรา ถ้าโดนเขาล่ามติดกันอยู่ ก็ต้องผลัดกันเดิน อะไรที่ไม่แม่น ก็ปริยัตินำหน้า หาตำรามาดู อะไรที่ต้องการความก้าวหน้าของ กาย วาจา ใจ ก็ต้องเข้าสู่การปฏิบัติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2021 เมื่อ 08:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา