โยมพ่อไม่รู้หนังสือแต่ทำบัญชีได้ เพราะว่าโยมพ่อตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทยก่อนพรรคพวกเพื่อนฝูงหลายปี มาหักล้างถางพง จับจองที่ดินได้ก่อนเขา พอถึงเวลาญาติพี่น้องเพื่อนฝูงจากเมืองจีนได้ข่าวคราวว่า บุคคลนี้ไปตั้งหลักปักฐานในสยามได้แล้ว ก็หวังจะมาพึ่งพา
สมัยก่อนเขาจะนั่ง "เรือฉลอม" มากันแบบ "เสื่อผืนหมอนใบ" พวกเราเกิดไม่ทัน ไม่รู้หรอกว่าเรือฉลอมหน้าตาเป็นอย่างไร ? มาขึ้นที่ "ท่าจีน" พวกเรารู้จักแม่น้ำท่าจีนใช่ไหม ? ทำไมถึงได้ชื่อว่าท่าจีน ? ก็เพราะว่าคนจีนมาจอดเรือตรงนั้นมากเป็นพิเศษ ทั้งที่มาค้าขาย ทั้งที่มาส่งคน
เมื่อญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาขออาศัยอยู่ด้วย เขาก็มาช่วยงาน โยมพ่อตอนนั้นทำไร่ยาสูบ ซึ่งต้องใช้แรงงานมาก ก็มีพรรคพวกเพื่อนฝูง ตลอดจนกระทั่งคนจีนด้วยกันมาเป็นลูกน้อง ยอมให้ใช้งาน เพื่อที่จะได้มีข้าวกิน มีที่พัก รวมทั้งหมด ๔๐ กว่าคน
ปรากฏว่าโยมพ่อทำบัญชีได้ว่า ๔๐ กว่าคนนี้ใครทำอะไร ? ที่ไหน ? เป็นเวลากี่วัน ? เมื่อถึงเวลาขายผลผลิตได้ ก็แบ่งปันเงินทองให้เขาตามมากน้อยที่ได้ทำมา อาตมภาพเคยดูบัญชีของโยมพ่อแล้วดูไม่รู้เรื่อง เพราะว่าเป็นจุด ๆ ขีด ๆ อะไรก็ไม่รู้ ..!? แต่ท่านทำเอาไว้ลักษณะที่เข้าใจอยู่คนเดียว นั่นคือคนไม่รู้หนังสือ แต่สามารถทำบัญชีได้ว่าเพื่อนฝูงคนนี้ทำงานอะไร ? ทำไปกี่วัน ?
ส่วนโยมแม่หนักกว่านั้นอีก คนงาน ๔๐ กว่าคน โยมแม่จำได้หมดว่าใครทำอะไร ? กี่วัน ? ไม่ต้องจดเหมือนกับโยมพ่อ แม้กระทั่งตอนหลัง สมัยที่พี่มุกดา (นางสาวมุกดา เพชรชื่นสกุล) เรียนชั้นประถมปีที่ ๕ ช่วงก่อนที่จะเรียนนั้น ทางอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม สร้างฐานทัพอากาศ ก็คือสนามบินกำแพงแสน ทั้งคนงานทั้งครอบครัวทหารอากาศ ที่โดนดึงมาจากฐานทัพต่าง ๆ ทั่วประเทศมีหลายร้อยคน
โยมแม่เข้าไปขายกับข้าว มีผัก มีหมู มีไก่ มีอะไรรับจากตลาดเข้าไปให้เขา "เชื่อ" ก็คือเซ็นไว้ก่อน พอถึงเวลาสิ้นเดือน เงินเดือนออกถึงไปเก็บเงินกันทีหนึ่ง โยมแม่ไม่รู้หนังสือ แล้วคนเป็นร้อยแบบนั้น จำได้อย่างไรอาตมาก็บอกไม่ถูก แต่รู้ว่าคนรุ่นนั้นสมาธิดีมาก ถามว่าทำไมถึงสมาธิดีมาก ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2023 เมื่อ 02:39
|