เรื่องของการรักษาของสงฆ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะว่าของสงฆ์ทุกอย่างได้มาด้วยศรัทธาญาติโยม บรรดาท่านที่อยู่เวรอยู่ยามก็สละความสุขส่วนตัว เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นกับวัด ซึ่งก็เท่ากับเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา ตรงนี้มีอานิสงส์ใหญ่มาก
แต่ขอให้เป็นท่านที่เสียสละทำหน้าที่จากใจจริง ไม่ใช่อู้เพราะขี้เกียจทำวัตรสวดมนต์หรือนั่งกรรมฐาน ถ้าลักษณะของการหลบไปเป็นเวรยามเพื่ออู้ ไม่ต้องเจริญกรรมฐาน ไม่ต้องทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น แบบนั้นแทนที่จะมีผลดี ก็กลายเป็นผลชั่วไป เนื่องจากว่าของเราเองไปทำในสิ่งที่คนอื่นเขาคิดว่าดี แต่จริง ๆ แล้วเจตนาจะหลบเลี่ยงหน้าที่ ที่พระสงฆ์ของเราควรกระทำ
ดังนั้น..ในเรื่องพวกนี้ เราต้องเข้าใจว่า พระภิกษุสงฆ์สามเณรของเรา หน้าที่หลักก็คือสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต เจริญพระกรรมฐาน หน้าที่อื่นก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันรับผิดชอบไป ถ้าหากว่าหน้าที่หลักของเราทำไม่ดี โอกาสที่จะก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมก็น้อย
ญาติโยมทั้งหลาย ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่หรือว่าอยู่ที่บ้านก็ตาม ก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน ก็คือ ถ้าหากว่าเป็นบุคคลที่กำลังใจทรงตัวอยู่ในการปฏิบัติธรรม ก็มักจะทำหน้าที่ของตนเองได้ดีที่สุด ทำแบบผู้ที่ไม่ประมาท ทำแบบบุคคลที่มีวันนี้วันเดียว ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่ท่านจะหลุดพ้นเข้าพระนิพพาน ก็จะมีดังที่ตั้งใจปรารถนาไว้
จึงขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณร และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2021 เมื่อ 02:17
|