ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 28-04-2022, 18:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,448
ได้รับอนุโมทนา 4,406,279 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของชั้นประถมและชั้นมัธยมนั้น กระผม/อาตมภาพให้ทุนเด็กดี ก็คือบังคับข้อแรกเลย ว่าต้องมีความประพฤติดี ตรงจุดนี้ครูบาอาจารย์ที่เป็นผู้คัดเลือก ก็จะต้องพยายามหาเด็กที่มีความเหมาะสมกับทุนมาให้ได้

ส่วนทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษานั้น กระผม/อาตมภาพให้ทุนเด็กเก่ง จึงต้องให้สอบชิงทุนเข้ามา เพราะว่าเด็กเก่งนั้น โอกาสที่จะเรียนจบการศึกษามีมากกว่า

แต่ว่าปีนี้ก็มีทุนการศึกษาพิเศษอยู่ ๒ ทุน ทุนหนึ่งก็คือนางสาวกมลชนก แก้วกอง ซึ่งได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนต้องพักรักษาตัว ทำให้ขาดการศึกษาไป ๑ เทอม จนเรียนไม่ทันเพื่อน จึงต้องเรียนช้ากว่าคนอื่น แต่กระผม/อาตมภาพถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย จึงมอบทุนการศึกษาให้ไปตามปกติ

อีกทุนหนึ่งนั้นเป็นทุนของเด็กต่างด้าวที่ไม่มีนามสกุล คือ นางสาวกล้วย สามารถได้ทุนเข้าเรียนตรงที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ แต่ว่าในเมื่อไม่มีนามสกุล ไม่มีบัตรประชาชน ไม่สามารถที่จะกู้ยืมกองทุนการศึกษาได้ เมื่อท่านผู้อำนวยการโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา นายยงยุทธ สงพะโยม มาเรียนปรึกษา กระผม/อาตมภาพจึงให้นางสาวกล้วยรับทุนการศึกษาเป็นกรณีพิเศษ ทุนละ ๓๐,๐๐๐ บาท จนกว่าจะจบหลักสูตร ๔ ปีเช่นกัน

ตรงจุดนี้ เมื่อเรียนจบมาแล้วก็ไม่มีพันธะผูกพันใด ๆ ทั้งสิ้น เด็กนักเรียนของเราจะไปทำงานที่อื่นก็ดี หรือว่าจะกลับมารับใช้ชุมชนของตนเองก็ตาม แล้วแต่จิตสำนึกของเหล่าท่านทั้งหลายเอง

เพียงแต่ว่าสิ่งหนึ่งที่จะติดกายติดใจของเขาทั้งหลายเหล่านั้นไปก็คือว่า จิตสำนึกที่รู้สึกอยู่เสมอว่า ตนเองเรียนจบมาได้ก็เพราะวัด เมื่อถึงเวลาก็ย่อมเข้าวัดเข้าวามาทำบุญใส่บาตร สร้างกุศลใส่ตัว หรือว่าบอกกล่าวแก่ลูกหลานของตนเองว่า วัดวาอารามนี้ หลวงพ่อท่านนี้ มีบุญคุณในการส่งพ่อส่งแม่เรียนจนจบการศึกษา ทำให้มีอาชีพทำมาหากิน สามารถเลี้ยงดูพวกลูก ๆ ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ความรู้สึกที่ดีของบรรดาเด็ก ๆ ก็จะมีต่อวัดวาอาราม จนเกิดความผูกพันจากรุ่นสู่รุ่นไปโดยปริยาย

ตรงจุดนี้นั้น กระผม/อาตมภาพได้รับการสนับสนุนจากญาติโยมทั้งหลายที่ทำบุญมาแล้ว ก็ตอบแทนคืนไปในลักษณะของการตอบแทนสังคม เมื่อเราได้ทำการตอบแทนสังคมไป ก็จะก่อให้เกิดความผูกพันรักใคร่สามัคคีขึ้นในชุมชน

เมื่อเป็นเช่นนั้น บ้าน วัด โรงเรียน และส่วนราชการ ก็จะมีความสามัคคีกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สร้างความเหนียวแน่นให้เกิดขึ้นในชุมชน ถ้าทุกชุมชนสามารถทำอย่างนี้ได้ บ้านเราเมืองเราก็จะมีความสุขความเจริญ สามารถพึ่งพาตนเอง พึ่งพากันเองในชุมชน โดยไม่ต้องไปพึ่งพาสิ่งอื่นประการใดจากภายนอก

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2022 เมื่อ 04:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา